ตอบเขาอย่างไร ว่าไม่มีเราได้ยิน


    ถาม   แล้วเราจะอธิบายว่าไม่มีเราได้ยิน ถ้าเขาถามว่า แล้วใครได้ยิน อะไรได้ยิน

    ส.   เขามาจากไหน เราต้องไปยุ่งกับเขาทำไม เราไม่สงสัย เราไม่ถามแล้ว ไปเอาเขามาถาม

    ผู้ฟัง   เราตอบเขาไม่ได้

    ส.   ทำไมเราต้องตอบเขาล่ะคะ มีหน้าที่อะไรที่ต้องไปตอบ เขาถามให้เราตอบ แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย ถึงเราจะตอบไปยาวแค่ไหน เขาก็ไม่เข้าใจ เขาเพียงแต่ต้องการให้ตอบ ไม่ใช่ต้องการเข้าใจ อันนี้ต่างกัน เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมไม่ใช่ถามให้ตอบ หรือไม่ใช่บอกชื่อให้จำ แต่เป็นการค่อยๆเข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย แล้วโดยเฉพาะที่ยึดถือว่าเป็นเรา หรือของเรา ให้รู้จริงๆว่า ความจริงมีแต่สภาพธรรมซึ่งเกิดดับ สภาพธรรมใดที่เกิดแล้วดับแล้ว เราอยู่ที่ไหน กำลังได้ยิน เป็นเราได้ยิน แต่ได้ยินก็หมดไป เสียงก็หมดไป แล้วเราอยู่ที่ไหน อะไรเป็นเรา หมดไปทุกขณะ ไม่เหลือเลย มีใครคิดว่ายังมีอะไรเหลือบ้างคะ รับประทานอาหารเมื่อกี้นี้เหลือหรือเปล่า

    ผู้ฟัง   อย่างนี้แสดงว่า ขณะที่ได้ยิน เราได้ยินหรือครับ

    ส.   ธาตุชนิดหนึ่ง ธรรมหมายความถึงสิ่งที่มีจริง ยังไม่ได้บอกว่าใคร ชื่ออะไรเลย ธรรมเป็นธรรม อย่างเสียงเป็นเสียง เสียงเป็นใครหรือเปล่า

    ผู้ฟัง   ไม่เป็น

    ส.   ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็หมดไป ความสุขนั้นเป็นใครหรือเปล่า

    ผู้ฟัง   ไม่เป็น

    ส.   ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ ในป่า ในเรือ หรือบนอากาศ หรือที่ไหนก็ตาม ธรรมชนิดไหนเกิดเป็นธรรมอย่างนั้น ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และธรรมที่เกิดแล้ว จริงๆแล้วดับไป อย่าลืมว่า ไม่เหลือเลย ใครมีอะไรเหลือ ลองบอกซิคะ ได้ยินเหลือไหมคะ

    ผู้ฟัง   ตอนที่เกิดล่ะครับ

    ส.   ถ้าไม่มีปัจจัย สิ่งนั้นเกิดได้ไหม ไม่ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งอะไรก็ตามซึ่งเกิดได้เพราะมีปัจจัยจึงเกิดได้ ถ้าไม่มีปัจจัยก็เกิดไม่ได้ อย่างจิตเห็น ถ้าไม่มีจักขุปสาท ไม่มีตา ก็เกิดไม่ได้ สิ่งใดก็ตามที่เกิดได้เพราะมีเหตุปัจจัย ไม่ใช่เพราะเรา แต่ว่าเป็นธรรมหรือเป็นธาตุที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย สิ่งนั้นเป็นใคร นอกจากเป็นธาตุนั้นๆ ซึ่งใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้

    นี่คือฟังธรรม จนกระทั่งเป็นความเข้าใจมั่นคงขึ้นว่า เป็นธรรม กว่าจะประจักษ์ความจริงของธรรม ต้องมีความรู้ขั้นฟังก่อน เพราะถ้าฟังแล้วก็ยังเป็นเราฟัง หรือเราอยากรู้นั่น อยากจะรู้นี่ ได้ยินชื่ออะไรก็อยากจะรู้ แต่ไม่เข้าใจ นั่นไม่ใช่ประโยชน์ของการฟัง การฟังขณะนี้ว่าเป็นธรรม ค่อยๆเข้าใจขึ้น เปลี่ยนธรรมให้เป็นอื่นได้ไหมคะ ในเมื่อเข้าใจว่า ธรรมเป็นธรรม อยู่ไป ฟังแล้ว แล้วภายหลังจะเปลี่ยนเป็นเรา ก็เรียนแล้ว เข้าใจแล้วว่า เป็นธรรม แล้วเอาเราที่ไหนมา

    ธรรมมี ๒ อย่าง สภาพที่ไม่รู้อะไรเลย มีจริงๆ จะให้สภาพนั้นไปรู้อะไรก็ไม่ได้ อย่างเสียงมีจริง จะให้เสียงเป็นสุข จะให้เสียงเป็นทุกข์ จะให้เสียงโกรธ เสียงหิว ไม่เป็นอย่างนั้นเลย เพราะว่าเสียงไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น ลักษณะของสภาพธรรมที่เกิด แต่ไม่ใช่สภาพรู้ เป็นรูปธรรม ใช้คำอะไรก็ได้ แต่ให้เข้าใจว่า สภาพนั้นไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย รูปธรรมเป็นเราหรือเปล่า ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเป็นเราหรือเปล่า รูปก็เป็นรูป จะเป็นเราได้อย่างไร  รูปที่เกิดจากกรรม เช่น จักขุปสาท โสตปสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใครทำให้เกิดได้ ใครคนไหนทำให้รูปเกิดได้ ใครคนไหนทำให้เห็นเกิด ในขณะนี้เห็นเกิดแล้ว ความรู้สึกจะเป็นเฉยๆ หรือสุข หรือทุกข์ก็ตาม ใครทำได้ ในเมื่อสิ่งนี้เกิดแล้ว และตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดมา มีแต่เสียงที่ปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดแล้วปรากฏทั้งนั้นเลย

    เพราะฉะนั้น สิ่งนั้นเกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เกิดเพราะเราทำให้เกิด


    หมายเลข 3806
    1 ก.ย. 2558