ชีวิตดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว


    ถ้าเราเข้าใจชีวิตว่า ชีวิตดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว พรุ่งนี้ไม่ทราบจะอยู่ที่ไหน หรือเย็นนี้ก็ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน หรือแม้แต่เพียงขณะหนึ่งขณะใดต่อไปนี้เราก็ยังไม่ทราบอะไรจะเกิดขึ้นก็ย่อมได้

    เพราะฉะนั้นขณะที่รู้ว่าขณะนี้ ถ้าจะมีปัญญาก็มีปัญญาขณะนี้ได้ ถ้าจะมีความสงบก็มีความสงบในขณะนี้ได้ ถ้าคนที่มีแต่โลภะ มีแต่โทสะ ขณะนี้โลภะเขาก็เกิดได้ โทสะเขาก็เกิดได้ เพราะว่าชีวิตอยู่เพียงชั่วขณะหนึ่ง ขณะที่เป็นโลภะไม่ใช่ขณะที่เป็นโทสะ ขณะที่เห็นไม่ใช่ขณะที่ได้ยิน เพราะฉะนั้นขณะที่กำลังเป็นโทสะ โทสะเกิด ขณะที่โทสะไม่เกิด แต่ปัญญาเกิด เอาอย่างไหนคะ เพราะว่าชั่วขณะจิตเดียว ทุกคนมีชีวิตอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว ขณะจิตเดียวที่เกิดดับสืบต่อกัน

    นี่คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ซึ่งเป็นไตรลักษณะ ซึ่งเราก็คงจะได้ยินได้ฟังว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตน แต่ทุกข์ที่นี่ไม่ใช่ทุกข์เจ็บตัว ไม่ใช่ทุกข์เจ็บใจ แต่ทุกข์นั้นไม่เที่ยงเพราะเกิดขึ้นสั้นมาก แล้วก็ดับ ไม่มีอะไรเลยซึ่งเกิดขึ้น แล้วคงอยู่โดยไม่ดับ แต่ว่าความไม่รู้ก็ทำให้คิดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเที่ยง เมื่อไม่สามารถที่จะรู้ความจริง ก็ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา เป็นวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใดจริงๆ แต่คนที่จะหมดกิเลสได้ถึงความเป็นพระอรหันต์ ต้องมีปัญญาแน่นอน ถ้าไม่มีปัญญา แล้วดับกิเลสไม่ได้ แต่ว่าปัญญาก็ต้องมีการตั้งต้น มีการเริ่มต้น ตั้งแต่การที่บุคคลใดก็ตามที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ว ต้องฟังพระธรรมของพระองค์ก่อน จะได้ทราบว่าเราเข้าใจผิดหรือเข้าใจถูกมาก่อนที่จะได้ฟัง


    หมายเลข 3616
    9 ม.ค. 2567