รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้หลายทางใช่ไหม


    ถาม   สมมติเราจะเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ คงไม่มีหนทางเดียวไปถึงเชียงใหม่ คงจะมีหลายๆทางสำหรับคนกรุงเทพที่จะเดินทาง มิฉะนั้นพระพุทธเจ้าทรงไม่ตรัสถึงจริต คือ การฟังธรรมต้องเป็นไปตามจริต

    ส.   แต่คนจะไปเชียงใหม่ ทุกคนต้องรู้ว่า เชียงใหม่อยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะเปรียบเทียบว่า การจะถึงต้องถึงด้วยปัญญา เราจะยอมรับในข้อนี้ไหมคะ หรือไม่ใช่ปัญญาก็ถึงได้

    ผู้ฟัง   ถ้าไม่ใช่ด้วยปัญญา สมมติดิฉันจะเรียนถามท่านว่า มีพระบางรูปนั่งสมาธิ แล้วด้วยสมาธิ ซึ่งดิฉันยังไม่เคยได้ ได้แต่เคยได้ยิน เคยได้อ่าน นั่งสมาธิวิปัสสนา จนกระทั่งท่านรู้เห็นธรรม เมื่อปัญญาเกิดได้รู้เห็นธรรม

    ส.   คือเวลานี้เราต้องยอมรับเป็นข้อๆ ว่า ที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมต้องด้วยปัญญา เรื่องของพระธรรม คือเรื่องรู้แจ้งสัจธรรม เรื่องที่เห็นการเกิดขึ้นแล้วดับไปในขณะนี้ต้องเป็นปัญญา อันนี้ต้องยอมรับเป็นข้อๆก่อนว่า ปัญญานั้นรู้อะไร ไม่ใช่ปัญญาเฉยๆ เราต้องพิจารณาไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจขึ้นว่า ปัญญาที่เรามุ่งหมายคือปัญญานั้นรู้อะไร จึงจะชื่อว่า ปัญญานั้นรู้แจ้งอริยสัจธรรม ปัญญาต้องรู้สภาพธรรมที่กำลังเกิดดับในขณะนี้ อันนี้ถูกต้องไหมคะ ในเมื่อสภาพธรรมในขณะนี้กำลังเกิดดับ สำหรับคนที่ปัญญาไม่เกิด กิเลสต้องเกิด เช่น พอเห็นแล้วก็ไม่รู้ เห็นแล้วก็ชอบ เห็นแล้วก็ยึดถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นั่นคือผู้ปัญญาไม่เกิด

    เพราะฉะนั้น ผู้จะดับกิเลสปัญญาต้องเกิดเมื่อเห็นแล้วรู้ว่า ขณะนี้เป็นเพียงสภาพธรรมซึ่งเป็นสภาพรู้เท่านั้น เกิดแล้วดับด้วย แต่ขั้นต้นนี่ปัญญาจะประจักษ์การเกิดดับไม่ได้ ปัญญาต้องสมบูรณ์ขึ้นเป็นขั้นๆ ที่เป็นวิปัสสนาญาณ ต้องเริ่มตั้งแต่นามรูปปริจเฉทญาณ ชื่อยาว แต่คนไทยคุ้นกับบาลี ก็แปลจากหลังมาหาหน้า นามรูปปริจเฉทญาณ เป็นความสมบูรณ์ของปัญญาที่ประจักษ์การแยกขาดของนามธรรมและรูปธรรม เพราะว่านามธรรมไม่ใช่รูปธรรม รูปธรรมไม่ใช่นามธรรม ในขณะนี้ที่กำลังเห็น ถ้าปัญญาไม่เกิดจริงๆ แยกไม่ออก ติดกันแน่นเลย เห็นกับสิ่งที่ปรากฏทางตา เหมือนได้ยินกับเสียงก็แยกไม่ออก เพราะว่าสติไม่เกิด ไม่ระลึก  ปัญญาไม่ค่อยแซะ ไม่แคะจนกระทั่งรู้ว่า สภาพรู้ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏ คือเสียง ถ้าปัญญาขั้นต้นอย่างนี้ไม่มี ปัญญาขั้นประจักษ์การเกิดดับก็มีไม่ได้

    เพราะฉะนั้น จะกล่าวว่าหนทางเดียวหรือหลายหนทาง ในเมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสว่า เอกายนมรรค นี่เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคในมหาสติปัฏฐาน แล้วเป็นผู้มีปกติระลึกได้ หลังจากที่ฟังแล้วว่า เป็นสภาพรู้ เมื่อใดที่สติเกิด เมื่อนั้นระลึกได้ แล้วค่อยๆรู้ขึ้น จนกว่าจะถึงความสมบูรณ์ที่ประจักษ์แจ้งการเกิดดับจริงๆ

    เพราะฉะนั้น ใครจะใช้วิธีไหนก็ตามแต่ ไม่เหมือนทางไปโรม หรือไม่เหมือนทางไปเชียงใหม่ แต่ปัญญาต้องรู้ความจริงซึ่งเป็นสัจธรรม และสัจธรรมก็กำลังปรากฏขณะนี้ด้วย


    หมายเลข 2264
    2 ก.ย. 2558