พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระครรภ์พระนางมหามายาเทวี


    ที่กล่าวถึงพระผู้มีพระภาคตั้งแต่ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ ก็เพื่อจะให้เห็นว่าผู้ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา ๔ อสงขัยแสนกัป ย่อมเป็นผู้ที่เป็นเลิศกว่าบุคคลทั้งปวง และผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคารพเลื่อมใสในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ควรที่จะได้เห็นเหตุที่ทำให้พระองค์เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประเสริฐเลิศกว่าบุรุษทั้งหลายโดยทุกสถาน แม้ในกาลที่ประสูติจากพระครรภ์

    ข้อความต่อไปมีว่า

    เมื่อพระนางมหามายาเทวีทรงบริหารพระโพธิสัตว์ด้วยพระครรภ์ ๑๐ เดือนแล้ว มีพระครรภ์บริบูรณ์ มีพระประสงค์จะเสด็จไปเรือนพระญาติ จึงกราบทูลแด่พระเจ้าสุทโธทนะมหาราช พระราชาทรงอนุญาต แล้วโปรดให้ทรงทำทางตั้งแต่กรุงกบิลพัสดุ์จนถึงเทวทหนครให้เรียบ และให้ประดับด้วยธงผ้าเป็นต้น ทรงโปรดให้พระนางประทับนั่งในวอทองใหม่ เสด็จไปด้วยสิริยศและบริพารกลุ่มใหญ่ ระหว่างพระนครทั้งสองมีมงคลสาลวัน ชื่อลุมพินี ที่ควรใช้สอยของชาวนครทั้งสอง มงคลสาลวันนั้น สมัยนั้นออกดอกบานสะพรั่งไปหมด ตั้งแต่โคนไปถึงยอด เพราะ ทรงเห็นป่างามเหมือนสวนนันทวันอันเป็นที่สำราญแห่งเทพ พระนางจึงคิดจะเที่ยวชมสวนสาลวันนั้น พระนางเสด็จเข้าไปยังลุมพินีวัน แล้วเสด็จไปยังโคนต้นมงคลสาละ มีพระประสงค์จะทรงจับกิ่งใดของมงคลสาละนั้น ซึ่งมีลำต้นกลมเรียบและตรง ประดับด้วยดอกผลและใบอ่อน กิ่งมงคลสาละนั้นก็น้อมลงเองถึงฝ่าพระกรของพระนาง

    ลำดับนั้น พระนางก็ทรงจับกิ่งสาละนั้นด้วยพระกรขวาซึ่งประดับด้วยกำไลพระกรทองใหม่ ในทันทีนั้นเองเมื่อทรงมีพระอาการจะประสูติ ข้าราชบริพารก็กั้นผ้าม่านเป็นกำแพงแล้วหลีกไป พระนางเมื่อประทับยืนจับกิ่งสาละอยู่นั้นเอง พระโพธิสัตว์ก็ประสูติจากพระครรภ์ของพระนางนั้น

    ในทันใดนั้นเอง ท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์ ๔ พระองค์ ก็ถือข่ายทองมา รองรับพระโพธิสัตว์ด้วยข่ายทองนั้น วางไว้เบื้องพระพักตร์พระชนนี ตรัสว่า

    ดูกร พระเทวี ขอจงทรงดีพระหฤทัยเถิด พระโอรสของพระองค์มีศักดิ์มาก ประสูติแล้ว ก็สัตว์อื่นๆ เมื่อออกจากครรภ์มารดา ก็เปรอะเปื้อนด้วยของปฏิกูลไม่สะอาดออกไป ฉันใด พระโพธิสัตว์หาเป็นฉันนั้นไม่ พระโพธิสัตว์ทรงเหยียดพระหัตถ์ทั้งสอง พระบาททั้งสองยืน ไม่เปรอะเปื้อนด้วยของไม่สะอาดไรๆ จากสมภพในพระครรภ์ของพระชนนี หมดจด สดใส รุ่งเรืองเหมือนมณีรัตนะอันเขาวางไว้บนผ้ากาสี ออกจากพระครรภ์พระชนนี

    เพื่อสักการะแด่พระโพธิสัตว์และพระชนนีของพระโพธิสัตว์ ท่อธารน้ำสองท่อก็ออกมาจากอากาศ โสรจสรงที่พระสรีระของพระโพธิสัตว์ และพระชนนีของพระโพธิสัตว์

    ไม่มีใครเห็น สมัยนี้ไม่มีโอกาสจะเห็น และสมัยก่อนโน้นเมื่อถึงกาลที่ประสูติจริงๆ จะมีใครเห็นเมื่อยู่ในม่าน แต่ธรรมดาแม้ในยุคนี้สมัยนี้ ก็มีบางสิ่งซึ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่เกิดกับคนในสมัยนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งอัศจรรย์ต่างๆ ที่เกิดกับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเห็นได้ว่า เปรียบกันไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าแม้แต่สติปัญญาของคนสมัยนี้ก็เล็กน้อยเหลือเกิน ถ้าจะมีสิ่งอัศจรรย์บางประการซึ่งเกิดเพราะกุศลใดๆ ที่เป็นไปได้ ก็มีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แต่ถ้าจะเทียบกับพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นพระชาติสุดท้าย ที่จะตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่บำเพ็ญพระบารมีอบรมสมบรูณ์แล้ว ก็จะเห็นว่า สิ่งที่บางท่านอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ลองคิดดูว่า ถ้าปัญญาสามารถเป็นได้ถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ไหม


    หมายเลข 2052
    2 ก.ย. 2565