กิจที่ ๑๒ คือ ชวนกิจ
กิจที่ ๑๒ คือ ชวนกิจ ได้แก่ กุศลจิตหรืออกุศลจิตที่ทำกิจแล่นไปในอารมณ์ เพราะว่าไม่ต้องรับไว้ ไม่ต้องพิจารณา ไม่ต้องตัดสิน จึงทำกิจแล่นไปด้วยอกุศลจิตประเภทหนึ่งประเภทใด หรือด้วยกุศลจิตประเภทหนึ่งประเภทใด
ทุกคน ดูเหมือนว่ารู้เรื่องของกุศลจิตและอกุศลจิต ใช่ไหม แต่ทราบไหมว่า กุศลจิตและอกุศลจิตทำกิจอะไร ทั้งๆ ที่รู้ว่ากุศลจิตเป็นอย่างไร และอกุศลจิต เป็นอย่างไร ก็ยังไม่พอ เพราะการที่จะเห็นว่า กุศลจิตและอกุศลจิตไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จำเป็นต้องรู้ถึงกิจหน้าที่ของกุศลจิตและอกุศลจิตด้วยว่า กุศลจิตและอกุศลจิตไม่ได้ทำกิจเห็น ไม่ได้ทำกิจได้ยิน ไม่ได้ทำกิจได้กลิ่น ไม่ได้ทำกิจลิ้มรส ไม่ได้ทำกิจรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่ได้ทำสัมปฏิจฉันนกิจ ไม่ได้ทำสันตีรณกิจ ไม่ได้ทำโวฏฐัพพนกิจ แต่ทำกิจแล่นไปในอารมณ์
ถ้าเป็นโลภมูลจิต ก็พอใจในอารมณ์ที่ปรากฏ โลภมูลจิตจะเกิดดับสืบต่อกัน ถึง ๗ ขณะในขณะที่ทำชวนกิจ ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดวิบากข้างหน้า ฉะนั้น สำหรับสัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ เป็นวิบากจิต แต่สำหรับกุศลจิตและอกุศลจิต ที่ทำชวนกิจนั้น ไม่ใช่วิบาก แต่เป็นเหตุที่จะให้เกิดวิบากข้างหน้า นี่เป็นกิจที่ ๑๒
ในวันหนึ่งๆ จะขาดกิจเหล่านี้ไหม ขาดแต่ปฏิสนธิกิจใช่ไหม เพราะว่าเกิดขึ้นเพียงขณะเดียวและดับไป แต่หลังจากนั้นไม่ขาดเลย มีจิตเกิดขึ้นทำภวังคกิจ มีจิตเกิดขึ้นทำอาวัชชนกิจ มีจิตเกิดขึ้นทำทัสสนกิจ มีจิตเกิดขึ้นทำสวนกิจ ล้วนแต่เป็นจิตแต่ละประเภททั้งนั้นในวันหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นทำกิจหนึ่งกิจใดใน ๑๔ กิจ ซึ่งควรจะทราบด้วยว่า จิตแต่ละประเภทนั้นทำกิจอะไร
สำหรับกุศลและอกุศลนั้นทำชวนกิจ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ แต่ถ้า เป็นพระอรหันต์ไม่มีทั้งกุศลและอกุศล เมื่อโวฏฐัพพนจิตดับไป กิริยาจิตก็เกิดต่อ ซึ่งไม่เป็นปัจจัยให้เกิดวิบาก แต่ต้องเกิดขึ้นทำชวนกิจ เพราะว่าไม่มีใครสามารถไม่ให้มีชวนจิตเกิดหลังจากที่โวฏฐัพพนจิตดับแล้ว
