ต้องการไม่ให้โทสเจตสิกเกิดขึ้น


    ถ. จิตเรามีแต่กุศลโดยเฉพาะกับลูกหญิง ลูกชาย แต่เขาไม่ปฏิบัติให้เราถูกใจ ถ้าเราจะแกล้งโกรธ ทั้งๆ ที่เรามีเมตตาจะผิดหรือเปล่า คือ เราเฆี่ยนนิดเดียวเขาก็ไม่เชื่อ ก็อยากจะเฆี่ยนให้เจ็บสักหน่อย แต่จิตใจเรายังมีความเมตตา

    สุ. มีความหวังดี และพยายามใช้ความหวังดีนั้นด้วยวิธีที่จะทำให้เกิดผล ฉะนั้น สำหรับผู้ที่ยังต้องอยู่ในโลก ไม่ใช่อยู่คนเดียว ยังต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลต่างๆ ที่จะให้มีแต่ธรรมคล้ายกับผู้ที่ละอาคารบ้านเรือนไปแล้ว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ จึงต้องแล้วแต่การวินิจฉัย คือ การรู้จักบุคคลแต่ละบุคคลว่า ประพฤติปฏิบัติต่อ บุคคลนั้นอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์จริงๆ

    เมื่อสักครู่ได้สนทนากับท่านผู้ฟังท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า เวลาที่ท่านขุ่นเคืองใจ โทสะเกิดขึ้น สติก็ระลึก ขณะนั้นโทสะหายไป แต่แล้วก็เกิดอีก ได้เรียนถามท่านว่า ต้องการอย่างไร ท่านก็ต้องการไม่ให้โทสเจตสิกเกิดขึ้นอีกเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หมายความว่าปรารถนาในสิ่งซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตราบใดที่ยังไม่รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปตามความเป็นจริง ที่จะให้กิเลสทั้งหลายไม่เกิดอีก เป็นไปไม่ได้

    ข้อสำคัญที่จะต้องรู้ คือ ธรรมทั้งหลายที่เกิดขึ้น ดับ ไม่ใช่ไม่ดับ แต่บางท่านที่เห็นว่าธรรมนั้นเกิดแล้วดับ ก็เกิดความพอใจ แทนที่จะรู้ความจริงว่า แท้ที่จริงแล้วธรรมทั้งหมดเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่แต่เฉพาะโทสะที่ต้องการให้ดับ ไม่ว่ากำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังคิดนึก ก็เป็นสภาพธรรมที่มีปัจจัย ปรุงแต่งเกิดขึ้นและดับไปทันที

    เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถระลึกรู้ลักษณะของธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งโดยตามความเป็นจริง คือ เพียงชั่วขณะเล็กน้อย อย่างทางตาที่กำลังเห็นให้ทราบว่า ชั่วขณะเล็กน้อยจริงๆ เพราะว่าทางหูได้ยินเสียง นี่แสดงให้เห็นว่า ความเล็กน้อยของ ทางตาที่กำลังเห็นเล็กน้อยสักแค่ไหน คิดดู ในขณะที่เห็น เล็กน้อย และทางหูก็ได้ยิน และก็เล็กน้อย และทางตาก็เห็นอีกเพียงเล็กน้อย และกระทบแข็งอีกเพียงเล็กน้อย

    ถ้าทางใจไม่ปรุงแต่งเป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ มากมาย สภาพธรรมย่อมจะปรากฏตามความเป็นจริง แต่เมื่อลักษณะของปรมัตถธรรมปรากฏทางทวารหนึ่ง ทวารใดใน ๕ ทวารแล้ว ทางมโนทวารรับต่อ และปรุงแต่งอย่างมากจนกระทั่งปิดบังไม่ให้รู้ลักษณะของปรมัตถธรรมว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เล็กน้อย เกิดขึ้นและ ดับไป อย่างทุกท่านอาจจะเห็นเก้าอี้ตั้งอยู่ตั้งนาน เมื่อกี้ก็ยังอยู่ หรืออาจจะคิดถึงอาทิตย์ก่อน เก้าอี้ตัวนี้ก็ยังอยู่ เพราะว่านึกถึงความเป็นเรื่องราวของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่รู้ว่า ทางตาชั่วขณะที่กำลังปรากฏ เล็กน้อย และขณะที่กำลังกระทบแข็ง ก็เล็กน้อย เพราะว่าแข็งที่ปรากฏในขณะที่กระทบครั้งที่ ๑ ดับไปแล้ว เมื่อแข็งกระทบอีกครั้งหนึ่ง ต้องไม่ใช่แข็งเก่าที่ปรากฏ

    นี่คือความเล็กน้อยชั่วขณะจริงๆ ของสภาพธรรมแต่ละอย่าง เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญปัญญา ไม่ใช่รู้อย่างอื่นเลย นอกจากรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตรงตามลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ

    เรื่องของความโกรธ ทำให้จิตใจไม่สบาย และถ้าเป็นความไม่พอใจในสิ่งที่ ไม่มีวิญญาณ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ความไม่พอใจนั้นก็จะไม่นานเท่ากับความ ไม่พอใจในสัตว์บุคคล เพราะถ้าเป็นความไม่พอใจในสัตว์บุคคลจะทำให้นึกถึง เป็นสัตว์บุคคลนั้นอีก และความไม่พอใจนั้นก็เกิดอีก แต่ความไม่พอใจในสิ่งที่ ไม่ใช่สัตว์บุคคลจะไม่อยู่นาน แต่จะเกิดตามการกระทบของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจได้

    เพราะฉะนั้น ควรที่จะรู้ประโยชน์ของสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับโทสะ ได้แก่ อโทสเจตสิก และถ้าเป็นไปในสัตว์ ในบุคคล ก็เป็นลักษณะของเมตตา ซึ่งเป็น สภาพที่เย็นสบาย ไม่เดือดร้อนใจเลย เพราะว่าลักษณะของเมตตานั้นเป็นลักษณะของความเป็นมิตรหรือความเป็นเพื่อน

    ในขณะที่เกิดความขุ่นเคืองใจ หรือไม่พอใจในบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ตาม ขอให้พิจารณาดูจริงๆ ว่า ขณะนั้นเป็นเพราะอะไร ถ้าพิจารณาจริงๆ จะรู้ว่า ไม่ใช่เพราะคนอื่น ไม่ใช่เพราะสิ่งที่ปรากฏภายนอก แต่เป็นเพราะกิเลสของตนเองทั้งสิ้น

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1607


    หมายเลข 14104
    28 พ.ย. 2568