พระปัญจวัคคีย์ทูลของบรรพชาอุปสมบท


    พระวินัยปิฎก มหาวรรค

    พระปัญจวัคคีย์ทูลของบรรพชาอุปสมบท มีข้อความว่า

    เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน กราบทูลขออุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาค ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ทรงอนุญาตด้วยพระวาจา ครั้นต่อมาพระผู้มีพระภาคได้ทรงโอวาทสั่งสอนภิกษุทั้งหลายที่เหลือจากนั้นด้วยธรรมีกถาอยู่ ดวงตาเห็นธรรมได้เกิดกับท่านพระวัปปะและท่านพระภัททิยะ ท่านทั้งสองได้กราบทูลขออุปสมบท ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงอนุญาตด้วยพระวาจา

    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสวยพระกระยาหารที่ท่านทั้ง ๓ นำมาถวาย ได้ประทานโอวาทสั่งสอนภิกษุที่เหลือจากนั้นด้วยธรรมีกถา ภิกษุเที่ยวบิณฑบาต นำบิณฑบาตใดมา ทั้ง ๖ รูปก็เลี้ยงชีพด้วยบิณฑบาตนั้น

    วันต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงโอวาทสั่งสอนด้วยธรรมีกถา ดวงตาเห็นธรรมได้เกิดแก่ท่านพระมหานามะและท่านพระอัสสชิ ท่านทั้ง ๒ ได้เห็นธรรมแล้ว กราบทูลขออุปสมบท ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ทรงอนุญาตด้วยพระวาจา

    ทั้ง ๕ รูป บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร ซึ่งจากพระวินัยปิฎกก็ไม่ได้มีข้อความชัดเจนว่า ท่านผู้ใดไปบิณฑบาตกับใครในวันไหน มีข้อความแต่เพียงว่า ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะบรรลุในวันที่ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตร แล้วพระภิกษุ ๓ รูปไปบิณฑบาต ๒ รูปฟังโอวาท

    อรรถกถาปปัญจสูทนี ซึ่งเป็นอรรกถา ปาสราสิสูตร และ อรรถกถา โพธิราชกุมารสูตร และใน สมันตปาสาทิกา ซึ่งเป็น อรรถกถา พระวินัย มหาวรรค ก็มีข้อความตรงกัน ซึ่งขอกล่าวถึงข้อความของอรรถกถา มีว่า

    เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงใคร่ครวญว่า ผู้ใดสมควรที่จะได้ทรงอนุเคราะห์แล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จจากโพธิมณทลไปยังพาราณสี ก็ในกาลนั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแล้วในวันอุโบสถนั้นเอง ทรงแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรแก่พระปัญจวัคคีย์ในวันอาสาฬหะ คือ วันอุโบสถ วันเพ็ญ เดือน ๘ เมื่อพระอาทิตย์ยังไม่ตก ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบันบุคคล

    พระผู้มีพระภาคมิได้เสด็จไปสู่บ้านแม้เพื่อบิณฑบาต จำเดิมแต่วันปาติบท คือ วันแรม ๑ ค่ำ ทั้งนี้เพื่อทรงโอวาทและทรงแสดงธรรมอนุเคราะห์ เมื่อปัญจวัคคีย์รูปใดสงสัยก็ได้ไปเฝ้าทูลถาม และแม้พระผู้มีพระภาคเองก็เสด็จไปทรงอนุเคราะห์ยังที่ภิกษุนั้นนั่งอยู่ ทรงสละแม้เวลาเสวยพระกระยาหาร พระผู้มีพระภาคทรงโอวาท ๒ รูป ๓ รูปไปบิณฑบาต และทรงโอวาท ๓ รูป ๒ รูปไปบิณฑบาต

    ซึ่งข้อความในอรรถกถาก็ไม่ได้บอกว่า พระปัญจวัคคีย์รูปใดไปกับรูปใด เพราะเหตุว่า เมื่อได้รับฟังโอวาทแล้ว แม้ว่าจะไปบิณฑบาตก็จะต้องเจริญสติด้วย

    ข้อความในอรรถกถามีว่า

    ท่านพระวัปปะได้ดวงตาเห็นธรรมในวันแรม ๑ ค่ำ คือวันรุ่งขึ้นจากที่ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม ท่านพระภัททิยะได้ดวงตาเห็นธรรมในวันแรม ๒ ค่ำ ท่านพระมหานามะได้ดวงตาเห็นธรรมในวันแรม ๓ ค่ำ ท่านพระอัสสชิได้ดวงตาเห็นธรรมในวันแรม ๔ ค่ำ และในวันแรม ๕ ค่ำ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร พระปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ บรรลุธรรม สิ้นอาสวะ เป็นพระอรหันต์ [แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 143]

    จะเห็นได้ว่า ที่ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมในวันอุโบสถ คือ วันอาสาฬหะ วันเพ็ญเดือน ๘ ซึ่งเป็นวันแสดงธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนั้น

    ในวันรุ่งขึ้น คือ วันแรม ๑ ค่ำ ท่านพระวัปปะเป็นพระโสดาบัน ได้บรรลุธรรม ได้ดวงตาเห็นธรรม

    ในวันแรม ๒ ค่ำ ท่านพระภัททิยะได้ดวงตาเห็นธรรม

    ในวันแรม ๓ ค่ำ ท่านพระมหานามะได้ดวงตาเห็นธรรม

    ในวันแรม ๔ ค่ำ ท่านพระอัสสชิได้ดวงตาเห็นธรรม

    โดยนัยนี้ จะต้องมีปัญจวัคคีย์ที่ไม่ได้ดวงตาเห็นธรรมไปบิณฑบาตด้วยเพราะว่าจำเดิมแต่วันปาติบท คือ วันแรม ๑ ค่ำ พระผู้มีพระภาคมิได้เสด็จเข้าไปบิณฑบาต แต่พระปัญจวัคคีย์ไปบิณฑบาต ๓ รูป และฟังโอวาท ๒ รูป สลับกัน จนกระทั่งได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ฟังอนัตตลักขณสูตรเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีปัญหาเลยในเรื่องที่ว่า เป็นผู้เจริญสติในขณะที่บิณฑบาต หรือว่าทรงจีวร สังฆาฏิ กระทำกิจใดๆ ก็ตาม

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 144


    หมายเลข 13999
    29 พ.ย. 2568