ภพ ๓ ได้แก่ กามภพ รูปภพ อรูปภพ
สำหรับภพ ๓ ซึ่งได้แก่ กามภพ รูปภพ อรูปภพ เวลานี้ที่ทุกท่านกำลังนั่งอยู่ที่นี่เป็นกามภพ ขณะใดที่จิตรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เป็นไปกับสีสันวรรณะต่างๆ ที่ปรากฏทางตา เป็นไปในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะที่กระทบสัมผัสกาย
จิตขณะนี้เป็นกามาวจรจิต เมื่อยังไม่ได้เจริญรูปฌานยังไม่ใช่รูปภพ ยังไม่ได้เจริญอรูปฌานก็ไม่ใช่อรูปภพ ในขณะนี้เป็นกามาวจรจิต เพราะไม่ว่าจะคิด จะนึก จะชอบ ไม่ชอบ ก็เป็นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั่นเอง
ในวันหนึ่งๆ ของบุคคลที่อยู่ในกามภพ เป็นกามบุคคลก็ต้องรู้กามารมณ์ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ เพราะฉะนั้น จิตในวันหนึ่งๆ ก็ไม่พ้นไปจากกามาวจรจิต ยังไม่พ้นไปจากกามภพ เพราะเหตุว่ายังไม่ใช่รูปฌานจิต ยังไม่ใช่อรูปฌานจิต
เพราะฉะนั้น การที่จะรู้ชัดในกามภพ ไม่ใช่รู้ชาติหน้า หรือไม่ใช่รู้ชาติก่อน ผู้ที่จะรู้ชัดในลักษณะของภพ คือ กามภพของจิต หรือกามาวจรจิต ก็ต้องขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังรู้รส กำลังคิดนึก กระทบกามารมณ์ทั้งหลายทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นเอง
และหนทาง ปฏิปทาที่จะให้รู้ชัดในกามภพ คือ การเจริญมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง จะเห็นได้ว่า ธรรมที่ชัมพุขาทกะได้สนทนากับท่านพระสารีบุตรเป็นธรรมที่ทุกคนมี แล้วก็มีหนทางที่จะรู้แจ้ง รู้ชัดได้จริงๆ [ตอนที่ 79]