ไม่มีเจตนาฆ่า


    พันทิพา   เรื่องของการประพฤติทุจริต อย่างเรื่องในพระสูตรที่ว่า พระโสดาบันยังคงสามารถที่จะส่งอาวุธให้กับสามีที่เป็นนายพราน เพื่อไปฆ่าสัตว์ ตรงนั้น พระโสดาบันก็ต้องรู้โทษของการที่สามีไปฆ่าสัตว์ ทำให้สัตว์เดือดร้อน ก็คล้ายๆ กับที่คนทำแพ็คกิ้ง ไปให้คนขายยาม้าขาย ก็เลยคิดว่า พระโสดาบันไม่รู้โทษหรือว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคืออะไร คือไม่อยากจะเปรียบตัวเราว่า เราถ้าสมมุติเป็นโสดาบันเป็นอย่างไร ก็มีความคิดแบบพื้นๆ ตื้นๆ ของเราว่า ถ้าเราเป็นพระโสดาบันเราคงไม่ส่งอาวุธ ให้สามีไปฆ่าสัตว์  ก็มีความสงสัยว่า ตอนที่พระโสดาบันส่งอาวุธให้สามีไปฆ่าสัตว์  ท่านคิดอย่างไรจึงไม่เป็นอกุศล

    สมพร  พระโสดาบันท่านละเวรทั้ง ๕ แล้ว เวร ๕ คือ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม เหล่านี้เรียกว่า เวร ๕ แต่เจตนาเป็นใหญ่ ซึ่งมีอายุสั้นนิดเดียว มันเปลี่ยนได้ ขณะที่ถามว่า ภรรยาของท่านเป็นพระโสดาบัน สามีของท่านเป็นนายพราน แล้วท่านก็ส่งลูกธนูให้นายพราน เครื่องมือหากินจับสัตว์ เมื่อเป็นเช่นนี้ ภรรยาจะไม่ต้องอกุศลกรรมบถหรือ เวรทั้ง ๕ ท่านตัดได้แล้ว ทั้งฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ แต่ว่าเจตนานั้นมันเกิดแล้วดับอย่างรวดเร็ว เจตนาที่จะให้ฆ่าสัตว์ของท่านไม่มี แต่เรามองดูภายนอกคล้ายๆ ว่า ท่านสนับสนุน เราคิดเอาเอง แต่เจตนาเป็นเจตสิกเกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิตอย่างรวดเร็ว แล้วก็เจตนาที่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ด้วย แต่ทำไมท่านถึงส่งเครื่องมือให้นายพรานไปฆ่าสัตว์ เพราะว่าตามธรรมดาภรรยาก็มีหน้าที่ทำกิจของภรรยา แต่เจตนาที่จะฆ่าไม่มี เราต้องแยกแยะ เจตนามันเกิดแล้วดับอย่างรวดเร็ว รู้ยาก ปุถุชนนี้รู้ยาก เพราะว่าท่านกล่าวว่า ปุถุชนไม่สามารถรู้จิตของพระโสดาบัน พระโสดาบันไม่สามารถรู้จิตของพระสกทาคามี พระสกทาคามีไม่สามารถรู้จิตของพระอนาคามี พระอนาคามี ไม่สามารถรู้จิตของพระอรหันต์

     

    เพราะฉะนั้น พวกเราเป็นปุถุชน ฟังเขาว่า ภรรยาส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้สามี คล้ายๆ ว่าเจตนาร่วมในการฆ่า  เจตนาร่วมในการฆ่าไม่มีเลย เพราะว่าเจตนาของท่านบริสุทธิ์จริงๆ

    ส.   ถึงภรรยาไม่ส่งให้ สามีก็หยิบเองได้ เพราะฉะนั้น จะห้ามใครที่ไม่ให้เขาเกิดอกุศลจิต หรือกระทำอกุศลกรรม  เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับเจตนา  ถ้าบุคคลนั้นไม่มีเจตนาฆ่า แต่ในขณะเดียวกันเขาก็สามารถที่จะมีความเข้าใจในสภาพธรรมะว่า ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา กุศลจิตจะเกิด หรืออกุศลจิตของใครจะเกิดตามการสะสมของบุคคลนั้น ไม่ใช่เราสามารถที่จะเอาความรู้ความเข้าใจของผู้ที่เป็นพระโสดาบันไปให้กับสามี แล้วทำให้เขาไม่ฆ่า เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย อีกประการหนึ่งท่านก็รู้เรื่องของกรรมและผลของกรรม เพราะเหตุว่านายพรานออกไปป่าทั้งวันก็หาอะไรไม่ได้ ยิงสัตว์ไม่ได้เลยก็มี

    เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปจัดการโลก ไม่ให้คนนั้นทำอย่างนี้ ไม่ให้คนนี้ทำอย่างนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าถ้าเข้าใจสภาพธรรมะตามความเป็นจริงก็จะรู้ว่า  สิ่งที่มีประโยชน์ในชีวิต คือการที่จะช่วยให้บุคคลอื่นมีความรู้ความเข้าใจธรรมะที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าเราจะสงเคราะห์ช่วยเหลือใครมากมายสักเท่าไรก็ตาม ก็เพียงชั่วระยะสั้นๆ แต่ว่าสังสารวัฏก็ยังสืบต่อไปอีกยาวนานมาก

    เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถที่จะทำให้เขาเกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง  ก็จะทำให้เข้าสามารถจะอบรมเจริญปัญญาได้


    หมายเลข 10106
    17 ก.ย. 2558