ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๑๐

 
khampan.a
วันที่  7 ส.ค. 2554
หมายเลข  18883
อ่าน  3,277

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๐]

[๑] เกิดมาแล้วก็นานหลายปี ยังไม่ตาย แต่ก็จะต้องตายแน่ๆ เกิดแล้วต้องทุกคน ความตายไม่มีใครจะรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะมาถึงเมื่อใด พระธรรมที่แสดงถึงความตาย ก็เพื่อเตือนให้ระลึกได้ว่า อย่างไรก็ต้องตาย และจะตายเมื่อใด ไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะฉะนั้น ประโยชน์สูงสุดก่อนตาย คือ ได้เข้าใจความจริงว่า ตั้งแต่เกิดจนตาย คืออะไร มีจริงๆ หรือไม่ เหลืออะไรบ้างหรือเปล่า? ยกตัวอย่าง จิตขณะแรกในชาตินี้ (ปฏิสนธิจิต) เกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลย แต่ละขณะก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีอะไรเหลือเลย แม้แต่เห็นขณะนี้ ก็ไม่มีเหลือ เกิดแล้วก็ดับไป ซึ่งความจริงเป็นอย่างนี้ ก็จะทำให้ได้ประโยชน์จากการที่เกิดมาแล้วต้องตาย (จะเร็วจะช้าก็อีกเรื่องหนึ่ง) อย่างน้อยในชาตินี้ ก็มีประโยชน์ที่ได้รู้ความจริง

[๒] ชาติก่อนของชาตินี้ (ซึ่งก็คือชาติที่แล้ว) จะเกิดเป็นใครที่ไหนก็ตาม ก็สิ้นสุดความเป็นบุคคลนั้นอย่างสิ้นเชิงในชาตินั้นแล้ว และในชาตินี้ ก็ใกล้เข้ามาแล้วกับการที่จะสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้และไม่กลับมาเป็นบุคคลนี้อีกเลย

[๓] ขณะใดที่เข้าใจธรรม เข้าใจความจริง นั่นเป็นประโยชน์ตน จะเอาไปให้คนอื่นก็ไม่ได้ แต่สามารถที่จะกล่าวถึงความจริงให้บุคคลอื่นได้รับประโยชน์ด้วย แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ตน ก็ไม่สามารถเกื้อกูลให้ผู้อื่นเข้าใจได้เลย

[๔] ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังจนกว่าจะเห็นถูกทีละน้อยว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ แค่นี้ก็ยังยากที่จะเข้าใจว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ และจะเห็นถึงความไม่รู้ว่ามากจนกระทั่งว่าไปติดข้องในสิ่งที่เพียงปรากฏแล้วหมดไป เห็นถึงความไม่รู้ได้เลยว่ามากมายแค่ไหน ติดข้องเพราะไม่รู้ ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ได้ และละคลายความติดข้อง

[๕] สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยนั้น คือ ฟังพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสทุกอย่าง เพราะเห็นโทษของกิเลส จึงขัดเกลา ซึ่งถ้าไม่รู้ตามความเป็นจริง ก็จะไม่มีการขัดเกลากิเลสใดๆ เลยทั้งสิ้น

[๖] ฟังพระธรรมเพื่อรู้ว่าจิตที่สะสมมานั้น สะสมอะไรมามากแค่ไหน แล้วต้องการให้หมดสิ่งที่น่ารังเกียจสิ่งที่เป็นโทษ (อกุศล) นั้นหรือเปล่า? และโทษนั้นจะเกิดกับใคร? ไม่ได้เกิดกับคนอื่นเลยทั้งสิ้น ผู้ใดสะสมมาก็ต้องเกิดกับผู้นั้น แล้วมีทางหรือไม่ที่จะทำให้จิตหมดจดจากอกุศล ถ้าไม่หาทางก็สะสมสิ่งที่ไม่ดีต่อไป ไม่มีทางได้ยินได้ฟังพระธรรมได้พิจารณาไตร่ตรอง แต่ผู้มีโอกาสได้ยินได้ฟัง เพราะสะสมศรัทธามาแล้วที่จะเห็นประโยชน์ของความเข้าใจพระธรรม จึงฟัง ฟังเพราะเห็นว่าคนอื่นจะเอากิเลสของตนเองออกไปให้ไม่ได้ ต้องเป็นความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับเท่านั้นจริงๆ

[๗] ที่เข้าใจว่า "ได้" นั้น อยู่ที่ไหน ใครได้อะไรบ้าง ก็เพียงเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องกระทบสัมผัส ตื่นเต้นสุขทุกข์ดีใจกับสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจแล้วทั้งหมดนั้น อยู่ที่ไหน ตลอดชีวิตอยู่ที่ไหน จบไปไม่เหลือเลย แล้วก็สะสมสิ่งที่น่ารังเกียจ (อกุศล) มากมายมหาศาลต่อไปอีก จนกว่าจะมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรม และรู้จุดประสงค์ของการฟังว่า เพื่อละคลายอกุศล

[๘] ยิ่งฟังพระธรรม ก็ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเห็นพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพระองค์ไม่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา ไม่มีทางเลยที่สัตว์โลกจะได้เข้าใจความจริงในฐานะของสาวก ประโยชน์สูงสุดที่ทุกคนจะพึงได้ คือ ความเข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏ

[๙] พระธรรม อันตรธานจากใจของผู้ที่ไม่ได้ศึกษา

[๑๐] ไม่ว่าจะเป็นขันธ์หนึ่งขันธ์ใดในชาติหนึ่งชาติใดในแสนโกฏิกัปป์ หรือ ในชาติปัจจุบันนี้เอง หรือแม้แต่ในชาติต่อไปข้างหน้า ไม่มีความแตกต่างกันเลย เพราะขันธ์ทุกขณะ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ เกิดแล้วดับ

[๑๑] ไม่มีตัวเราตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า มีแต่ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏเฉพาะทางหนึ่งทางใด แต่ละทวารทีละลักษณะเท่านั้นจริงๆ

[๑๒] พึงเป็นผู้ตรง ไตร่ตรองตามพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง

[๑๓] การฟังธรรม การสนทนาธรรม เป็นมงคลอันประเสริฐ เพราะจะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิด ละคลายความสงสัย

[๑๔] ในสังสารวัฏฏ์อันยาวนาน เกิดมาแล้วทั้งในสุคติภูมิและทุคติภูมิ แต่ในชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในสุคติภูมิ และดีที่สุดแล้วที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย แต่ก็ได้เริ่มต้นพบทางรอดจากกิเลสแล้วซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมอบรมเจริญปัญญาต่อไป

[๑๕] มด ยังปีนขึ้นภูเขาได้ ... มีหรือที่ผู้มีศรัทธา มีความอดทน มีความเพียรในการฟัง ในการศึกษาพระธรรมแล้ว จะไม่เข้าใจ?

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๙ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pat_jesty
วันที่ 7 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
aditap
วันที่ 7 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 7 ส.ค. 2554

มด ยังปีนขึ้นภูเขาได้ ... มีหรือที่ผู้มีศรัทธา มีความอดทน มีความเพียรในการฟัง ในการศึกษาพระธรรมแล้ว จะไม่เข้าใจ?

... ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา อ. คำปั่น ด้วยค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 8 ส.ค. 2554

"...ฟังพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสทุกอย่าง เพราะเห็นโทษของกิเลส จึงขัดเกลา ซึ่งถ้าไม่รู้ตามความเป็นจริง ก็จะไม่มีการขัดเกลากิเลสใดๆ เลยทั้งสิ้น..." และ

"...ขณะใดที่เข้าใจธรรม เข้าใจความจริง นั่นเป็นประโยชน์ตน จะเอาไปให้คนอื่นก็ไม่ได้ แต่สามารถที่จะกล่าวถึงความจริงให้บุคคลอื่นได้รับประโยชน์ด้วย แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ตน ก็ไม่สามารถเกื้อกูลให้ผู้อื่นเข้าใจได้เลย..."

เป็นการย้ำเตือนที่เป็นประโยชน์มากครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่นด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 8 ส.ค. 2554

... ดีที่สุดแล้วที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย แต่ก็ได้เริ่มต้นพบทางรอดจากกิเลสแล้ว ซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมอบรมเจริญปัญญาต่อไป ...

ขออนุโมทนาค่ะ


 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 8 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
raynu.p
วันที่ 8 ส.ค. 2554

การฟังธรรม การสนทนาธรรม เป็นมงคลอันประเสริฐ เพราะจะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิด ละคลายความสงสัย

กราบอนุโมทนา อ. คำปั่น และทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 8 ส.ค. 2554

สิ่งที่สำคัญทีสุดในชีวิตคือ การทำความดี และ การเข้าใจธรรมะ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
aurasa
วันที่ 8 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Jans
วันที่ 8 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
bsomsuda
วันที่ 8 ส.ค. 2554

"ดีที่สุดแล้วที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย แต่ก็ได้เริ่มต้นพบทางรอดจากกิเลสแล้ว.."

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
หลานตาจอน
วันที่ 9 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
wittawat
วันที่ 11 ส.ค. 2554

ขออนุโมทนาครับ สะสมแต่สิ่งที่น่ารังเกียจมาตลอดทั้งชีวิต ไม่ได้อะไรเลยนอกจากได้เห็น ได้ยิน ได้กระทบทั้งหมด ประโยชน์ทั้งหมดก็เพื่อเข้าใจธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
orawan.c
วันที่ 11 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
jaturong
วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
kullawat
วันที่ 15 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ms.pimpaka
วันที่ 16 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Guest
วันที่ 1 พ.ค. 2560

น้อมกราบ สาธุในธรรมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
เจียมจิต
วันที่ 3 ก.ค. 2560

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
มังกรทอง
วันที่ 9 พ.ย. 2564

ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังจนกว่าจะเห็นถูกทีละน้อยว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ แค่นี้ก็ยังยากที่จะเข้าใจว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ และจะเห็นถึงความไม่รู้ว่ามากจนกระทั่งว่าไปติดข้องในสิ่งที่เพียงปรากฏแล้วหมดไป เห็นถึงความไม่รู้ได้เลยว่ามากมายแค่ไหน ติดข้องเพราะไม่รู้ ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ได้ และละคลายความติดข้อง

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ