ฆราวาสที่บรรลุธรรมขั้นอนาคามี

 
tanaprasith
วันที่  9 ส.ค. 2556
หมายเลข  23327
อ่าน  33,646

เป็นไปได้ไหมว่าฆราวาสที่บรรลุธรรมถึงขั้นอนาคามีไปแล้ว แต่ยังไม่มีครอบครัว ต่อมาแต่งงาน และมีคุณธรรมของการถือศีล ๕ ตามปรกติ ในแบบของพระอริยเจ้ามีการเสพกาม เสพเมถุน มีลูก และใช้ชีวิตในแบบโลกๆ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอนาคามี คือพระอริยบุคคลขั้นที่สาม ที่ดับแล้วที่เป็นเครื่องร้อยรัดสังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ ประการแล้วคือสักกายทิฏฐิ คือความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย สีลพรตปรามาส ข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด โทสะ ความขุ่นใจ และโลภะ ที่ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส ๕ ประการ จนหมดสิ้นไม่เกิดอีกเลย

พระอนาคามี เมื่อดับกิเลส ๕ ประการเหล่านี้แล้ว ความประพฤติเป็นไปทางกาย วาจา และใจก็น้อมไปตามคุณธรรมของท่าน เมื่อดับกิเลส คือ โลภะ ที่ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสแล้ว ก็ไม่มีความยินดีที่จะครองเรือน เพราะฉะนั้น หากเป็นพระอนาคามี ไม่ว่าจะอยู่ในเพศบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ตาม ท่านก็จะไม่มีการครองเรือนแต่งงานอีก หรือถ้าครองเรือนอยู่ ก็ไม่ครองเรือน ครับ

ดั่งเช่น พระอริยบุคคลที่เป็นพระอนาคามีในอดีตกาล มีท่านอุคคตคฤหบดีที่มีภรรยาอยู่หลายคน เมื่อบรรลุเป็นพระอนาคามีแล้ว ท่านก็ให้ภรรยาสามารถไปกับคนอื่นได้ตามชอบใจ ส่วนตัวท่านก็ไม่ครองเรือนอีกและมีศีล ๘ เป็นปกติของท่าน ซึ่งในศีลข้อ ๘ ข้อที่ ๓ ก็มีข้ออพรหมจรรย์ คืองดเว้นจากการเสพเมถุนธรรมที่เป็นธรรมที่เป็นของต่ำของชาวบ้าน ซึ่งพระอนาคามีย่อมรักษาคือมีศีลข้อนี้เป็นปกติที่จะไม่มีเรื่องเช่นนั้น ท่านจึงไม่ครองเรือน ไม่แต่งงาน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tanaprasith
วันที่ 10 ส.ค. 2556

ขอบคุณและอนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 10 ส.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเป็นพระอนาคามีบุคคล ตลอดจนถึงพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นไปด้วยปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก ถ้าไม่มีปัญญาแล้วไม่สามารถจะเป็นพระอริยบุคคลได้เลย พระอนาคามี เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๓ เป็นผู้ดับความยินดีพอใจในกามได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะได้ เป็นผู้ที่ดับความโกรธได้อย่างหมดสิ้น เมื่อได้เป็นพระอนาคามีแล้วไม่มีโลภะที่เป็นความติดข้องในกามเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระอนาคามีจะมีคู่ครอง เพราะแม้ก่อนเป็นพระอนาคามีอาจจะมีคู่ครอง ซึ่งเมื่อเป็นพระอนาคามีแล้ว ความประพฤติเป็นไปของท่านก็เป็นไปอย่างผู้ที่ดับความติดข้องในกามได้ เหมือนอย่างท่านจิตตคฤหบดี ท่านอุคคคฤหบดี เป็นต้น ไม่มีคู่ครองอีกต่อไป เพราะฉะนั้น ความเป็นจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น ถ้ามีผู้กล่าวว่า เป็นพระอนาคามีแล้วจะแต่งงานมีครอบครัวนั้น ไม่ตรงตามความเป็นจริง โดยประการทั้งปวง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 10 ส.ค. 2556

พระอนาคามี ละความยินดีพอใจ ในรูป เสียง กลิ่น รส แล้วละกามคุณ ๕ ได้เด็ดขาด ท่านจึงไม่ยินดีในการอยู่ครองเรือน ท่านไม่แต่งงาน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 10 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 28 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ชัยวิชิต
วันที่ 9 เม.ย. 2561

อนุโมทนา สาธุ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
lokiya
วันที่ 1 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
สิริพรรณ
วันที่ 15 พ.ค. 2564

กราบอนุโมทนา

ขอบพระคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Purisachaneeya
วันที่ 15 พ.ค. 2564

ที่ผ่านมาในพระไตรปิฎกหรือผู้ที่เป็นอริยบุคคลมีเขียนไว้หรือเปล่าครับ ว่าถ้าปุถุชนธรรมดาที่รักษาศีล ๕ เมื่อไปเจริญกรรมฐาน ต้องใช้เวลาอย่างน้อยเท่าไรจึงจะบรรลุถึงขั้นพระอนาคามีครับ

ผู้รู้เมตตาเรียนให้ทราบแจ้งด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
สิริพรรณ
วันที่ 16 พ.ค. 2564

เรียนความคิดเห็น 13

ผู้ถามต้องการจะไปเจริญกรรมฐานที่จะบรรลุขั้นอนาคามีนั้น หากไม่เข้าใจว่า กรรมฐานคืออะไร? และอะไรที่เจริญ? ไม่เข้าใจความเป็นธรรม ก็จะไม่ทราบว่า การบรรลุธรรมก็เป็นกิจของสภาพธรรมด้วยความเป็นอนัตตา คือบังคับบัญชาไม่ได้

ในพระไตรปิฏก แสดงเรื่องราวชีวิตของผู้บรรลุธรรมมากมาย ทุกท่านล้วนต้องบำเพ็ญบารมี สะสมความเข้าใจความจริงด้วยการฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์ และเจริญกุศลขัดเกลากิเลสอย่างยาวนานไม่น้อยกว่าแสนกัปป์ขึ้นไป ความอยาก ความหวัง ความต้องการใดๆ ก็ตาม แม้แต่อยากจะบรรลุธรรมก็คือกิเลส ถ้าไม่ขัดเกลากิเลสจะบรรลุธรรมไม่ได้เลย

ประการสำคัญที่ไม่ควรลืมคือแม้พระโพธิสัตว์กว่าจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ศึกษาประวัติของการบรรลุธรรม จึงอดทนไม่รีบร้อน จึงเป็นการเคารพพระธรรม

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม เป็นความจริงของเหตุและผล ถ้าเหตุยังไม่สมควร แม้ต้องการเท่าไร ผลที่สมควรจะเกิดไม่ได้ การเป็นอริยบุคคลก็ต้องเป็นไปตามระดับความเข้าใจ ไม่ได้ขึ้นกับความต้องการจะเป็นอริยบุคคลขั้นไหน

เพราะฉะนั้น การศึกษาพระธรรมเป็นสิ่งจำเป็นมาก เริ่มต้นขอให้ศึกษาโดยฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยมูลนิธิศึกษาเผยแพร่พระพุทธศาสนามีข้อมูลให้ศึกษาอย่างครบถ้วน ความเข้าใจความจริงคือปัญญา ความเห็นถูกคือสัมมาทิฎฐิ ต้องเริ่มจากการฟังคำที่ถูกต้องค่ะ

ในทางตรงกันข้าม การฟังคำของผู้ไม่ศึกษา เชิญชวนให้ไปทำอะไรต่างๆ มากมายนั้น นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังป็นอันตรายต่อตนเองอย่างยิ่ง คือสะสมความเห็นผิดคือมิจฉาทิฎฐิไปทุกภพทุกชาติพอกพูนมากขึ้น ห่างไกลจากหนทางถูกไปทุกขณะๆ ไกลแสนไกล

ศึกษาเพิ่มเติมคลิกที่

ทำไม ชาวพุทธ ต้องฟังพระธรรม

ธรรมะเป็นอนัตตา

ความเห็นผิดเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

ผู้ที่ศึกษาธรรมต้องมีความอดทน

การสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า

ขออนุโมทนาในการศึกษาพระธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ค. 2564

ในพระไตรปิฎก แสดงเรื่องราวชีวิตของผู้บรรลุธรรมมากมาย ทุกท่านล้วนต้องบำเพ็ญบารมี สะสมความเข้าใจความจริงด้วยการฟังพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายพระองค์ และเจริญกุศล ขัดเกลากิเลสอย่างยาวนานไม่น้อยกว่าแสนกัปป์ขึ้นไป

พระสาวกที่บรรลุเป็นพระอรหันต์

การบรรลุธรรม ... พาหิยทารุจีริยะ

พาหิยสูตร .. ว่าด้วยการตรัสถึงที่สุดทุกข์

พระสาวกที่บรรลุเป็นพระอนาคามี

ปุกกุสาติกุลบุตร [ธาตุวิภังคสูตร]

เรื่องจิตตคฤหบดี

ประวัติจิตตคฤหบดี [เอกนิบาต-ทุกนิบาต]

อุคคตคฤหบดี - อุคคคฤหบดี - จิตตคฤหบดี

ขอเชิญรับฟัง ...

พระเจ้าปุกกุสาติ ๑

พระเจ้าปุกกุสาติ ๒

พระสาวกที่บรรลุเป็นพระโสดาบัน

ขอเชิญรับฟัง ...

อนาถบิณฑิกเศรษฐี

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
สิริพรรณ
วันที่ 17 พ.ค. 2564

กราบยินดีในกุศลด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ต.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ