สดจาก gdansk กแดงซ์ (13 ก.ย. 55)

 
kanchana.c
วันที่  15 ก.ย. 2555
หมายเลข  21737
อ่าน  1,524

นักเรียนโดดเรียนรีบตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมขึ้นบัสขนาด 19 ที่นั่ง แต่มีลูกทัวร์ 11 คน

ตอน 7:45 น.ตรวจสอบสภาพอากาศกับอากู๋ (google) แล้ว มีฝนตก อุณหภูมิ 10 องศา

อดคิดถึงเสื้อขนกระต่ายกับขนแกะ ที่ถูกปล่อยให้เป็นหม้ายอยู่เมืองไทยไม่ได้ ขนเป็ด

อย่างเดียวจะเอาอยู่ไหมนะ แต่อย่างไรก็ใส่เสื้อข้างในไว้หลายๆ ชั้น กันไว้ก่อน ไกด์แนะ

นำตัวเองและคนขับตามธรรมเนียม อาเธอร์ คือชื่อไกด์ อธิบายรายละเอียดของประเทศ

โปแลนด์ในด้านต่างๆ เมื่อพูดถึงการเมือง ก็บอกว่า มีคอร์รัปชั่นมากพอกับประเทศไทย

(ขอบคุณที่ยกย่องให้อยู่ในอันดับเดียวกัน) อาเธอร์อธิบายไปตลอดทาง เรานั่งข้างหน้า

พยายามตั้งใจฟัง เพราะเข้าใจคนพูดดีว่า ถ้ามีคนตั้งใจฟังเพียงคนเดียว ก็จะมีกำลังใจ

มาก อดคิดถึงอาชีพครูที่เป็นอดีตไปแล้วไม่ได้ แต่บรรยายกาศของสายฝน ที่ตกพรำๆ

อากาศในรถอุ่นสบาย ทำให้ฝืนไม่ให้หลับไม่ได้ แม้ว่าตอนแรกจะหันซ้าย หันขวา ดู

ปราสาทเก่า ดูโบสถ์เก่า ทุ่งข้าว ตามที่อาเธอร์ชี้ให้ดูบ้างพอไม่เสียมารยาท
ตื่นอีกทีเมื่อถึง ปราสาท matwart ประสาทเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ที่ถูกทำลายตอน

สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ ค.ศ.1945 แล้วก็บูรณะซ่อมแซมเป็นพิพิธภัณฑ์ เปิดให้คนทั่ว

ไปเข้าชม ลืมถามว่า ราคาเท่าไร เพราะรวมอยูในค่าทัวร์แล้ว มีไกด์อีกคนเป็นคนพา

เที่ยวปราสาท (ไกด์แต่ละคนจะมีใบอนุญาตให้นำเที่ยวเฉพาะแห่งเท่านั้น เป็นการแบ่ง

งานกันทำที่ดีมาก น่าจะทำให้อัตราคนว่างงานน้อยลง) ไกด์คนนี้เป็นผู้หญิง อายุมาก

แล้ว เห็นแล้วน่าสงสาร จะเป็นคนพาเที่ยวชมปราสาทที่มี 100 กว่าห้อง แต่จะพาชม

เพียง 50 ห้อง ตอนแรกคิดว่า ทำไมให้ดูน้อยจัง แต่เดินชมนานเข้า ก็คิดว่า พอแล้ว ไม่

อยากดูแล้ว อยากไปเที่ยวที่อื่นต่อ มารีอา เป็นไกด์คนที่สอง อธิบายเรื่องราวความ

เป็นมาของปราสาท ฟังภาษาอังกฤษแรกๆ ไม่ค่อยเข้าใจ เธอบอกว่า นี่เป็นห้องนอน

ของ grand mother เราคิดว่าเป็นห้องนอนของยาย คิดว่าทำไมยายถึงสำคัญขนาดนี้

ฟังไปฟังมาจึงเข้าใจว่า เป็นห้องนอนของ grand master (นายใหญ่) เจ้าของปราสาท

โชคดีนะที่คิดไม่ออกว่าจะถามเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ไม่อย่างนั้นคงปล่อยเป็ดที่

อยูในเสื้อออกไปหลายตัว เดินชมห้องต่างๆ มี ห้องนอน winter room, summer

room, ห้องครัว ห้องอาหาร ที่จำได้ไม่ลืม คือ ห้องสุขา ที่มีป้ายบอกทางเป็นรูปปีศาจ

เพราะเปรียบเทียบกับของเสียที่ต้องการปลดปล่อยเป็นปีศาจร้าย เดินไปเป็นทางยาว

ห้องสุขาก็เป็นเหมือนส้วมหลุมแบบโบราณ แต่ที่แปลกคือใบกระหล่ำปลีใบโตที่อยู่บน

ช่องข้างบนนั้นเป็นกระดาษชำระ


หน้าบัลลังก์ของ the grand master
ห้องครัว

เดินวกวนตามมารีอา ไปเรื่อยๆ มีนักท่องเที่ยวมากมาย ถ้าหลงคงลำบากมาก

อาเธอร์เป็นคนรั้งท้าย คอยเรียกพวกเรา ให้เข้ากลุ่ม เพราะหยุดถ่ายรูปกันนานๆ ดู

เหมือนมีคิว ที่แต่ละกลุ่ม จะเข้าชมห้องต่างๆ แต่ละห้องประดับประดา ด้วยศิลปะที่สวย

งามตามประสาผู้มีอำนาจ และมีเงินที่สามารถสนองความต้องการของโลภะ ได้อย่างไม่

จำกัดแล้วก็จากไป ทิ้งปราสาทใหญโตสวยงามไว้เบื้องหลัง ให้เป็นสมบัติของโลก เป็น

สมบัติให้พวกเราที่มีเงินซื้อตั๋วเข้าชม ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา เพียงชั่วขณะแล้วก็ดับ

ไป เหลือเพียงสัญญานิมิตที่เก็บมาเล่าให้ฟังตอนนี้ถึงความร่ำรวยมหาศาลของเจ้าของ

ปราสาท ที่สืบทอดสะสมสมบัติ มาหลายชั่วคน นับเวลาได้ 700 กว่าปี แล้วแต่ละคนก็

เหลือเพียงรูปปั้นทิ้งไว้เบื้องหลัง

คิดถึงอำมาตย์ท่านหนึ่งที่ทูลเล่าให้พระผู้พระภาคถึงเศรษฐีที่ร่ำรวยมหาศาล มีเงิน

และทองมากมาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สมบัติเหล่านั้นมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่ใช่สิ่งที่

ประเสริฐเหมือนอริยทรัพย์ คือศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ ปัญญาที่จะติดตาม

ให้ผลเป็นความสุข เป็นประโยชน์ ในการเดินทางกันดาร อันแสนไกล จนถึงจุดหมาย

ปลายทาง คือ สิ้นสุดสังสารวัฏ (ดีใจจังที่ยังไม่ลืมธรรม แม้เพียงชื่อและเรื่องราว แสดง

ว่าไม่ใช่เพียงจำได้ ยังเข้าใจบ้าง) ออกจาก ปราสาท มาชมพิพิธภัณฑ์อำพัน (amber) โปแลนด์เป็นเมืองหลวงของ

แอมเบอร์ ที่มาจากทะเลบอลติก มีอำพันมากมาย มาแสดงในรูปแบบ ของเครื่องประดับ

ที่สวยงาม ถ่ายภาพมาให้ดูแทนของฝากสำหรับทุกท่านที่ติตามอ่านค่ะ

ปราสาททำจากอำพันและงาช้่าง


เครื่องประดับทำจากอำพัน

ออกจากปราสาทต้องนั่งรถอีกชั่วโมงกว่าจะได้รับประทานกลางวันตอนบ่ายสอง ก็ต้องอาศัยขันติที่จะไม่บ่นหิว (เห็นขันติในอกุศลหรือยังจ๊ะ ถามตัวเอง แต่ไม่เห็นหรอก เพราะไม่ใช่ขณะที่กำลังปรากฏ เป็นเพียงความจำเรื่องราวของธรรมเท่านั้นเอง บ่นเพ้อธรรมเสมอๆ อีกแล้ว)


ถนนสายคนเดินในเมืองกแดงส์

ก่อนทานอาหาร ต้องรับไกด์จาก กแดงส์ อีกคน เป็นผู้หญิงสาว ชื่ออันยา จะเป็น

คนพาเราเดินชมเมืองกแดงส์ ได้ทานข้าวหมกไก่ (คล้ายๆ ) อาหารตุรกี แล้วเดินชม

เมืองหลวงของอำพัน ท่ามกลางสายฝน เมืองนี้เป็นเมืองท่าตั้งอยู่บนฝั่งทะเลบอลติก

ต้นไม้ต้นสวยในเมือง

ตึกสวยมากมายในเมือง

เดินชมเมืองกลางสายฝน

เราเดินชมเมืองนานราว 2 ชั่วโมง เดินจนถึงแม่น้ำ ที่เชื่อมต่อกับทะเล มีแต่ตึกสวย สวยที่อันยา ไกด์สาวชี้ชวนให้ดู ให้ชม พร้อมกับอธิบายประวัติและสิ่งต่างๆ มากมาย จน ขี้เกียจจำ เมื่อเดินจนเมื่อยขา ก็เกิดคิดขึ้นมาได้ว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา อยาก นั่งพัก และเข้าห้องสุขา แต่เมื่อทราบราคาค่าบริการ 2.5 สล็อตตี้ (25 บาท) ต่อคน ก็ คิดว่า เก็บไว้ใช้บริการของโรงแรมดีกว่า เพราะไม่ยุติธรมเลย ที่น้ำดื่มขวดเล็ก ขวดละ 16 บาท แต่คิดค่าน้ำออกแพงกว่า น้ำดื่มแพงจริงๆ ค่าน้ำดื่มแต่ละมื้อ สำหรับคน 20 คน ประมาณ 1500 บาท
ได้นั่งรถกลับเมืองโอลสตินแล้ว ขากลับได้ชมโบสถ์ที่สวยงาม ถึงโรงแรม สองทุ่มครึ่ง

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 15 ก.ย. 2555

เพลิดเพลินไปกับเรื่องราวต่างๆ ที่พี่แดงเล่าให้ฟัง โลภะ (เพื่อนสนิทมาแล้ว)

ก็เกิดไหลไปตามการสะสม... เหมือนพี่แดงเลยค่ะที่โดนลูกพี่ใหญ่กระซิบให้ไปโน่น

ไปนี่ แต่ก็ยังมี กุศลเกิดบ้างก็ตอนพี่แดงระลึกถึงธรรม นำธรรมดีๆ มาฝาก ไม่ให้

อกุศลเกิดผงาดได้ตลอดเวลาค่ะ

..คิดถึงอำมาตย์ท่านหนึ่งที่ทูลเล่าให้พระผู้พระภาคถึงเศรษฐีที่ร่ำรวย

มหาศาล มีเงินและ ทองมากมาย พระผู้มีพระภาคตรัสว่า สมบัติเหล่านั้นมีอยู่ ไม่ใช่

ไม่มี แต่ไม่ใช่สิ่งที่ประเสริฐเหมือนอริยทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ

จาคะ ปัญญาที่จะติดตามให้ผลเป็นความสุข เป็นประโยชน์ในการเดินทางกันดารอัน

แสนไกลจนถึงจุดหมายปลายทาง คือ สิ้นสุดสังสารวัฏฏ์ (ดีใจจังที่ยังไม่ลืมธรรม แม้

เพียงชื่อและเรื่องราว แสดงว่าไม่ใช่เพียงจำได้ ยังเข้าใจบ้าง)

...กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง ด้วยค่ะ.. ที่ไม่

ลืมพวกเราที่อยู่ที่เมืองไทย

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 ก.ย. 2555

พี่แดงเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ที่ให้เห็นถึงความจริง ของผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม

และ มีความมั่นคงขึ้น จากความเข้าใจพระธรรม (ที่ได้ศึกษามานานหลายสิบปี)

เมื่อได้เห็นสถานที่ และ สิ่งของต่างๆ ที่ได้ไปเที่ยวชม ก็เกิดระลึก ศึกษา สังเกตุ สำเหนียก

เกิดการพิจารณาในธรรม ซึ่งเป็นประโยชน์ที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่มีอื่นที่ยิ่งกว่า

ไม่เพียงเท่านั้น พี่แดงยังสามารถถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือที่มีสำนวนที่น่าอ่าน และ จริงใจ

อันจะเป็นกำลังใจ และ ความเข้าใจ สำหรับผู้เริ่มศึกษาธรรม และ สหายธรรม ว่า

เมื่อหนทางที่ถูกต้องมีอยู่ และ ธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง ไม่ง่ายที่จะเข้าใจ

แต่ก็มีผู้ที่รู้ได้ ตามลำดับขั้นของปัญญาที่เจริญขึ้น จากความเพียรในการศึกษาพระธรรม

จนกว่าจะถึงวันนั้น...ซึ่งอีกแสนไกล.....

กราบอนุโมทนาครับพี่แดงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kinder
วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 15 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
raynu.p
วันที่ 16 ก.ย. 2555

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
rrebs10576
วันที่ 17 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 19 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Boonyavee
วันที่ 20 ก.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wirat.k
วันที่ 24 ก.ย. 2555

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ