เรื่องปีชง มีคำถามครับ

 
peeraphon
วันที่  5 ม.ค. 2555
หมายเลข  20314
อ่าน  8,164

ขอถวายความนอบน้อม ต่อ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ช่วงนี้ได้ยินมาบ่อยเหลือเกินว่า คนเกิด ปีที่ชง กับปีนี้ จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมเข้าใจในเรื่องกรรม และไม่วอกแวก เชื่อเรื่องปีชง ซึ่งมีความเข้าใจว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม. ไม่ว่าปีไหนๆ หากว่ามีกรรมอันใดที่จะทำให้เกิดสิ่งใด ก็เกิดขึ้นได้ทุกปีทั้งนั้น

แต่อยากจะทราบต่อครับ ว่า การที่ผู้คนพูดถึงเรื่องปีชงนั้น เคยมีสอนหรือไม่ในพระพุทธศาสนา. เพราะบางครั้งอธิบายให้ คนที่ไม่เข้าใจฟัง ยากเหลือเกิน เนื่องจาก คนที่ได้ชื่อว่าเกิดปีชง ก็จะเจอเหตุการณ์ ต่างๆ ซึ่งทำให้พวกเขาเหล่านั้นเชื่อว่า ตัวเค้า ชงตามที่ได้ยินได้ฟังมากันจริงๆ . จะมีวิธีอธิบายอย่างไรให้คนอื่นๆ เข้าใจครับ

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับปีชงกัน ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ เพราะไม่ใช่สัจจะความจริง เนื่องจากขัดกับหลักกรรมและผลของกรรมครับ ซึ่งในความเป็นจริง บุคคลแต่ละบุคคลก็แต่ละหนึ่ง อันเป็นการเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิก และรูป ดังนั้นการจะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปีนั้นปีนี้ แต่ขึ้นอยู่กับกรรมและผลของกรรมที่ได้ทำมา ว่ามีเหตุปัจจัยให้เกิดวิบากที่ดี ก็ได้รับสิ่งที่ดี มีเหตุปัจจัยได้รับวิบากที่ไม่ดี ก็ได้รับสิ่งที่ไม่ดี

วิบาก หรือ ผลของกรรมที่ดี ที่จะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีในชีวิตประจำวัน คือ ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส แต่ขณะที่เกิดความทุกข์ใจ ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นอกุศลจิตที่สะสมมาทำให้เกิดขึ้นครับ ดังนั้น ผลของกรรมที่เป็นวิบากในชีวิตประจำวันที่จะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี เกิดจากรรมที่ดี ที่เป็นกุศลกรรม และ กรรมไม่ดี อกุศลกรรมที่ทำไว้ในอดีตครับ

หากมองให้ละเอียดในสัจจะแล้ว แบ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นปรมัตถธรรมที่เป็น จิต เจตสิกและรูป วิบาก เป็นผลของกรรมที่ได้รับสิ่งที่ดี ไม่ดี เป็น จิต เจตสิก อีกประการหนึ่ง คือ สมมติเรื่องราว ที่บัญญัติกันขึ้น เช่น สัตว์โลก บัญญัติ นักษัตร ๑๒ ปี บัญญัติปีนี้ว่า เป็นปีมะโรง จะเห็นนะครับว่า ปีมะโรง เป็นเพียงสมมติบัญญัติกันขึ้น และก็สมมติบัญญัติว่า ปีที่คนนี้เกิด เป็นปีอะไร และ สมมติบัญญัติกันอีกครับว่า ปีนี้ชง หรือ ไม่ถูก กับปีนี้ จะทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่ดี ก็เป็นความคิดนึก เรื่องราว ใส่เข้าไปตามการปรุงแต่งของปุถุชนผู้มีความไม่รู้ ดังนั้น ถ้าเรามองที่สัจจะ บัญญัติที่สมมติกันขึ้น มีผลกับ วิบากที่เป็น จิต เจตสิก ที่เป็นผลของกรรมที่ทำให้ได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดีหรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ใช่ เพราะ วิบาก เป็น จิต เจตสิก วิบากจะเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เพราะอาศัยบัญญัติเรื่องราว ที่สมมติว่าเป็นปีต่างๆ ปีนี้ชงกับปีนี้ แต่สัจจะความจริงคือ วิบากที่เป็น จิต เจตสิก จะต้องอาศัยปรมัตถธรรมด้วยกัน คือ จิต เจตสิกนั่นเอง จึงจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเพราะอาศัยกุศลกรรมในอดีต ที่เป็น กุศลจิต และเจตสิกร่วมด้วย ทำให้เกิดวิบากที่เป็นจิต เจตสิกที่ดี และได้รับสิ่งที่ดี มีการเห็นสิ่งที่ดี เป็นต้น และการได้รับสิ่งที่ไม่ดี คือ วิบาก ที่เป็น จิต เจตสิกเกิดขึ้น ก็เพราะอาศัย ปรมัตถธรรม ไม่ใช่บัญญัติเรื่องราวที่โลกสมมติว่าเป็นปีชง คือ อาศัย อกุศลกรรม คือ จิต เจตสิกที่ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นปัจจัยให้ได้รับวิบาก คือ เกิดวิบากจิตและเจตสิก ทำให้เห็นไม่ดี ได้ยินไม่ดี เป็นต้น ครับ ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก ไม่ใช่เรื่องราวบัญญัติที่โลกสมมติว่าเป็นปีต่างๆ และเป็นปีชงครับ ขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญนั่นเอง ที่จะได้รับวิบาก คือ ผลของกรรมที่ดี หรือ ไม่ดีครับ

ส่วนการจะอธิบายให้เข้าใจก็ขึ้นอยู่กับการสะสม ความเข้าใจในเรื่องกรรมและผลของกรรมของบุคคลนั้นมาหรือไม่ด้วยครับ เพราะอธิบายข้อความเดียวกัน อีกคนเชื่อ อีกคนไม่เชื่อ ก็แตกต่างกันว่าจะสะสมความเห็นถูก หรือ ความเห็นผิดมา ซึ่งควรพิจารณาง่ายๆ ว่า บางปี ไม่ใช่ปีชง ทำไมถึงบางครั้งก็เห็นสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินเสียงไม่ดี ได้กลิ่นไม่ดีบ้าง เพราะอะไร หรือ บางครั้ง เป็นปีที่ชง ก็ยังเห็นสิ่งที่ดีบ้าง ได้ยินสิ่งที่ดีบ้าง เพราะอะไร เพราะปีชง หรือ เพราะกรรมที่ทำมาครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แก้วนพคุณ
วันที่ 5 ม.ค. 2555

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 5 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตามความเป็นจริง ชีวิตของคนเรา มีอยู่ ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นการได้รับผลของกรรม เช่น ขณะที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย รวมไปถึง ขณะที่หลับสนิทด้วย ถ้าไม่มีกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตเป็นปัจจัย วิบากจิต ซึ่งเป็นการได้รับผลของกรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้ และ อีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการสะสมเหตุ คือ เป็นกุศล กับ เป็นอกุศล นี้ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละบุคคล ไม่มีใครกำหนด ไม่มีใครบังคับ แต่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถ้าสะสมอกุศลมามาก ก็เป็นเครื่องปรุงแต่งให้จิตเกิดขึ้นเป็นไปในทางที่เป็นอกุศลมาก ถ้าได้สะสมกุศลธรรม มามาก ก็เป็นเหตุให้จิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศล ได้มาก ซึ่งก็พอจะสังเกตเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ว่าแต่ละคน เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ทั้งการกระทำ และคำพูด รวมถึงความคิด เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็คือ ความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรม นั่นเอง

แต่ละคน ก็เคยเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เป็นมาแล้วทุกอย่าง และในชาตินี้ก็เป็นอีกชาติหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม วันเวลาที่ผ่านไป ที่รู้กันว่า เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี นั้น ไม่มีส่วนทำให้บุคคลนั้นเป็นคนดี เป็นคนไม่ดี หรือได้รับสิ่งที่ดี และ ไม่ดี ได้ เพราะการที่จะเป็นคนดีหรือไม่ดี อยู่ที่การกระทำ อยู่ที่สภาพจิต เป็นสำคัญ ว่าสะสมอะไรมาบ้าง ถ้ากระทำในสิ่งที่ไม่ดี ประพฤติทุจริตประการต่างๆ ก็เป็นคนไม่ดีด้วยอกุศลธรรม เป็นเรื่องของการสะสมของผู้นั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องวันเดือนปีเลย ในทางตรงกันข้าม ถ้าน้อมประพฤติในสิ่งที่ดีงาม คิดดี พูดดี และกระทำสิ่งที่ดีๆ ก็เป็นคนดีด้วยกุศลธรรม โดยที่ไม่เกี่ยวกับวันเดือนปี อีกเหมือนกัน ส่วนการจะได้รับสิ่งที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ นั้น เป็นผลของกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต และ ถ้าหากได้รับสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ นั่น ก็เป็นผลของอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต ซึ่งไม่เกี่ยวกับวันเดือนปี เลย

ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่แท้จริง ต้องมีความมั่นคงในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม มั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรม ควรอย่างยิ่งที่จะได้เห็นประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม เมื่อมีความเข้าใจธรรมมากขึ้น กุศลธรรมก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นคล้อยตามความเข้าใจที่มีมากขึ้น มีชีวิตอยู่ก็เพื่อสะสมความดี และ อบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 5 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Jans
วันที่ 6 ม.ค. 2555

"ฤกษ์ดี เวลาดี ยามดี นั้น ก็คือ ขณะที่จิต เป็นกุศล"

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Thanapolb
วันที่ 6 ม.ค. 2555

ขออนุโมทนากับอ.ผเดิม และกับคำคมของอ.คำปั่น เช่นกัน

"ประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม เมื่อมีความเข้าใจธรรม มากขึ้น กุศลธรรมก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นคล้อยตามความเข้าใจที่มีมากขึ้น มีชีวิตอยู่ก็เพื่อสะสมความดี และ อบรมเจริญปัญญาต่อไป

ซึ่งจะเป็นฤกษ์ดี เวลาดี ยามดี สำหรับชีวิต เพราะเหตุว่า ฤกษ์ดี เวลาดี ยามดี นั้น ก็คือ ขณะที่จิต เป็นกุศล "

อย่างนี้บุคคลที่ทำสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปฏิทิน หรือหนังสือเกี่ยวกับปีนั้นชงปีนี้ ควรไปแก้ไขอย่างนั้นอย่างนี้ ตามคำโบราณบอกไว้ ก็สะสมความเห็นผิดและยังเผยแพร่ความเห็นผิดให้คนอื่นด้วย มีโทษมากใช่ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 6 ม.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 6 ครับ

ถูกต้องครับ เท่ากับว่าเผยแพร่ความเห็นผิด ตัวเองก็มีความเห็นผิดด้วย มีโทษมากๆ ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pobkorn
วันที่ 12 ม.ค. 2555

ต้องแยกกันให้ชัดเจนนะครับ วิชาโหราศาสตร์มีอยู่จริงก่อนพระพุทธเจ้าจะอุบัตขึ้นในโลก พระพุทธองค์มิได้ปฏิเสธ และก็ไม่ได้ทรงยกย่องสรรเสริญการคาดคะเน และคำนวณดวงชะตา เหล่านี้หาใช่สาระสำคัญที่จะทำให้หลุดพ้นได้ เพราะสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมหรือการกระทำของตนอยู่ดี ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่ผู้ฝึกฌานสมาบัติจนได้ฌานมีฤทธิ์รู้เห็นอดีต อนาคต ความเกิดดับของสัตว์โลก ตามกำลังอินทรีย์บารมีที่บำเพ็ญมา ยังไม่ได้รับการรับรองสรรเสริญใดๆ จากพระพุทธองค์ ทรงสรรเสริญแต่ผู้ก้าวล่วงทะเลทุกข์นี้ได้ด้วยความเพียรเผากิเลสเท่านั้น

ทรงยกตัวอย่างเรื่องใบไม้หนึ่งหยิบมือให้ฟัง เพราะความเป็นพระสรรพพัญญูเจ้านั้น การหยั่งรู้หาประมาณมิได้ แต่ที่ทรงสอนเราที่เราบ่นนักหนาว่า มากมายเหลือเกินนี้ เป็นแค่หยิบมือเดียวของใบไม้ทั้งป่า เพราะทรงเล็งเห็นแล้วว่าเป็นไปเพื่อความล่วงทุกข์โดยถ่ายเดียว จะได้ไม่สับสนหลงทางไปมากกว่านี้ เพราะธรรมชาติคนชอบปรุงแต่งและเข้าข้างตัวเองเสมอด้วยทิฏฐิมานะที่สั่งสมมานานหลายกัปป์กัลป์

นั่นคือ พระประสงค์ที่แท้จริงต่อพระมหากรุณาคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ในเวไนยชนทั้งหลายที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในทะเลทุกข์นี้

"แม้ไม่อาจข้ามพ้นได้ในชาตินี้ สร้างบารมีส่งต่อสั่งสมไว้ ขอถวายพระตรัยรัตน์ทั้งกาย ใจ ภพชาติไหนอย่าได้มีที่จางคลาย"

สาธุ ... สาธุ ... สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 13 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
นาวาเอกทองย้อย
วันที่ 13 ม.ค. 2555

... แต่ขณะที่เกิดความทุกข์ใจ ไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นอกุศลจิตที่สะสมมาทำให้เกิดขึ้น ดังนั้น ผลของกรรมที่เป็นวิบากในชีวิตประจำวันที่จะได้รับสิ่งที่ดี หรือ ไม่ดี เกิดจากกรรม (ความคิดเห็นที่ 1)

ตามความเป็นจริง ชีวิตของคนเรา มีอยู่ ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นการได้รับผลของกรรม ... และ อีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการสะสมเหตุ คือ เป็นกุศล กับเป็นอกุศล ... (ความคิดเห็นที่ 2)

กระผมเข้าใจว่า ทั้งสองความคิดเห็นนี้กล่าวถึงประเด็นเดียวกัน

ขอความกรุณาอธิบายเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหมครับ โดยเฉพาะที่ว่า มีอยู่ ๒ ส่วนใหญ่ๆ อยากจะสรุปความเข้าใจของตัวเองให้ชัดๆ อีกหน่อย เพราะเป็นประเด็นที่สำคัญมาก คนส่วนใหญ่คงจะเข้าใจสับสนปนกันเหมือนตัวกระผมนี่แหละ ถ้ายกตัวอย่างในชีวิตประจำวันเข้าประกอบด้วย น่าจะช่วยให้แยกความแตกต่างได้ชัดขึ้น

ขอความกรุณาอย่าเพิ่งรำคาญนะครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สราวุธ
วันที่ 15 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
tanakase
วันที่ 16 ม.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
one_someone
วันที่ 1 ม.ค. 2558

อาจหาญ ร่าเริง มั่นคงในเรื่องกฎแห่งกรรม

อนุโมทนาบุญครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 18 ม.ค. 2559

จิตรู้ทุกสภาวะที่เกิดด้วยการไม่ได้คิด เมื่อนั้นวิบากเกิดขึ้นแม้จะเป็น กุศล หรือ อกุศล เรารู้ในสภาวะนั้นด้วยความเป็นจริงแล้วจะไม่หวั่นไหวต่อ บัญญัติที่คำว่า ปีชง เลย

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
peem
วันที่ 18 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ชัยวัฒน์
วันที่ 18 ม.ค. 2559

ธรรมชาติของมนุษาโลกรักตัวกลัวตาย หากมีโหรทำนายทายทักปีเกิดเป็นปีชง ก็อดที่จะกังวลไม่ได้ จะต้องแก้ปีชงตามแต่โหรหรือหมอดูทายทัก แต่ส่วนมากแล้วก็จะแนะนำให้ไปทำบุญต่ออายุ ต่อดวงชะตา ในสถานที่ต่างๆ ก็ไม่เสียหายอะไร แถมก็เป็นการทำบุญ ทำทานอีกต่างหาก เมื่อได้ทำแล้วเขาก็สบายใจหายกังวล สื่อบางสื่อกลับส่งเสริมให้มีการทายทักดูดวง โดยไม่เสนอมุมมองเรื่องของกรรมแต่อย่างใด มนุษย์โลกจึงติดอยู่ในวงเวียน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่สิ้นสุด

ขออนุโมทนาในทุกความเห็น

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Lertchai
วันที่ 5 ธ.ค. 2559

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ