ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ มูลนิธิฯ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  18 ม.ค. 2556
หมายเลข  22354
อ่าน  3,051

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้มีการสนทนาธรรม ตามปรกติ

แต่เป็นวันพิเศษกว่าวันอื่นๆ คือ เป็นโอกาสที่ศิษย์ของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

จะได้นอบน้อมบูชาพระคุณท่าน เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของท่านอาจารย์

ในวาระครบอายุ ๘๖ ปี ในวันนี้

ซึ่งตามปรกติแล้ว ท่านมักไม่ค่อยอยู่ที่มูลนิธิฯ ในวันดังกล่าวในปีที่ผ่านๆ มาเลย

ทุกๆ ท่าน ที่มีโอกาสได้มาในวันนั้น จึงได้เห็นภาพของศิษย์ของท่านอาจารย์

ที่มีความเข้าใจพระธรรม ตามที่ท่านได้พากเพียรบรรยายมาเป็นเวลายาวนานกว่า ๕๐ ปี

(ท่านอาจารย์เริ่มบรรยายธรรม เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๙)

มารอคอย และ ต้อนรับท่านอย่างใจจดใจจ่อ เป็นภาพที่น่าประทับใจและน่าอนุโมทนายิ่ง

ข้าพเจ้ามีความซาบซึ้งถึงข้อความตอนหนึ่ง ในกระทู้ของเวปไซต์

ที่มีผู้ตั้งขึ้นเพื่อระลึกพระคุณของท่านอาจารย์ในวาระนี้ โดยมีท่านหนึ่งที่ได้กล่าวว่า

"...บุคคลที่ตอบแทนไม่ได้ง่าย คือ บุคคลที่ทำให้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และ

พระสงฆ์ เป็นสรณะ ด้วยความเข้าใจถูก ในพระธรรม

เพราะฉะนั้น พระคุณของท่านอาจารย์สุจินต์ คงไม่สามารถจะทดแทนได้

เพราะ ไม่มีสิ่งอะไรทดแทน นอกจากคุณความดี ที่ศิษย์ทั้งหลาย พึงกระทำตอบแทน..."

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 78

๔. พหุการสูตร

ว่าด้วยผู้มีอุปการะมาก ๓ จำพวก

[๔๖๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล (อาจารย์) ๓ นี้ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคล (ศิษย์) บุคคล (อาจารย์) ๓ นี้คือใคร คือ บุคคล (ศิษย์) อาศัยบุคคล (อาจารย์) ใด จึงได้ถึงพระพุทธเจ้า ... พระธรรม ...พระสงฆ์เป็นสรณะบุคคล (อาจารย์) นี้ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคล (ศิษย์) นี้

อนึ่งอีก ภิกษุทั้งหลาย บุคคล (ศิษย์) อาศัยบุคคล (อาจารย์) ใด จึงรู้ตามจริงว่า นี่ทุกข์ ... นี่เหตุเกิดทุกข์ ... นี่ความดับทุกข์ ... นี่ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ บุคคล (อาจารย์) นี่ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคล (ศิษย์) นี้

อนึ่งอีก ภิกษุทั้งหลาย บุคคล (ศิษย์) อาศัยบุคคล (อาจารย์) ใด จึงกระทำให้แจ้งเข้าถึงพร้อมซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะ

สิ้นอาสวะทั้งหลาย ด้วยความรู้ยิ่งด้วยตนเองอยู่ในปัจจุบันนี่ บุคคล (อาจารย์)

นี่เป็นผู้มีอุปการะมากแก่บุคคล (ศิษย์) นี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าบุคคลอื่นจะมีอุปการะมากแก่บุคคล (ศิษย์) นี้ ยิ่งกว่าบุคคล ๓ นี่ไม่มี อนึ่ง เรากล่าวว่า บุคคล (ศิษย์) นี้ จะทำการสนองคุณแก่บุคคล (อาจารย์) ๓ นี้ไม่ได้ง่ายเลย แต่เพียงด้วยการกราบ ลุกรับ ทำอัญชลี สามีจิกรรม และคอยให้จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยาแก้ไข้. จบพหุการสูตรที่ ๔

"...ถ้ามีสิ่งที่สามารถเติมส่วนดีๆ ให้แก่ชีวิตใครคนใดคนหนึ่งได้

คือ ความดี หรือ กุศลธรรม

นั่นเป็นเหตุให้ดิฉันคิดอยู่เสมอๆ ว่า

ใครก็ตามที่จะให้ของขวัญอะไรแก่ดิฉัน

ของขวัญดังกล่าว จะเป็นความดีที่เกิดขึ้น แทนสิ่งของได้ไหม?

แม้จะเล็กน้อยเท่าหนึ่งกลีบของดอกไม้ กลีบดอกไม้เพียงกลีบเดียว

ถ้าเป็นความดีที่มอบให้ดิฉันแล้ว ดิฉันจะยินดีมากที่สุดกว่าสิ่งอื่นใดในชีวิตเลยทีเดียว..."

(ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์)

อันดับต่อไป ข้าพเจ้าขอนำความบางตอนจากการสนทนาธรรมในวันนั้น

มาฝากให้ทุกท่านได้พิจารณา เป็นความที่ไพเราะจับใจข้าพเจ้ามากในขณะที่ได้ฟัง

และ เมื่อนำมาถอดเทปเพื่อลงกระทู้ ก็เกิดกุศลปีติอีกมาก ขอเชิญทุกท่านพิจารณาครับ

คุณคำปั่น กราบท่านอาจารย์ และ อาจารย์วิทยากรทุกท่านครับ

ช่วงแรกก็จะขอกล่าวถึงจดหมาย ของท่านผู้ร่วมสนทนาธรรมท่านหนึ่งที่อยู่สหรัฐอเมริกา

ท่านศึกษาธรรมะ โดยการฟังธรรมทางอินเตอร์เนท เวปไซต์บ้านธัมมะ

และ รับชมรายการบ้านธัมมะที่เป็น วีดีโอ นะครับ

ท่านก็มีข้อเสนอแนะมาประมาณ ๖ ข้อ แต่เมื่อกล่าวโดยประมวลแล้ว สรุปเหลือ ๒ ประเด็น

ที่ควรจะได้กราบเรียนถามท่านอาจารย์ เพื่อความเข้าใจถูกต้องมากยิ่งขึ้น นะครับ

ประเด็นแรก ท่านกล่าวถึงว่า ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

มีการจัดดอกไม้ สวยงามมาก มีคำว่า "สวยงามมาก" และมีคำว่า "มากมาย" ด้วย

ท่านก็แสดงความเห็นว่า ทำให้เกิดความติดข้อง แล้วยังทำให้เสียเวลา

และ เป็นการสิ้นเปลืองด้วย อันนี้ เป็นความเห็นของท่านผู้ร่วมสนทนาธรรมที่ศึกษาธรรม

จากสหรัฐอเมริกา ก็คงเป็นประเด็นแรกครับ ท่านอาจารย์ครับ

ท่านอาจารย์ ขอความเห็น จากวิทยากรทุกท่านด้วยนะคะ แล้วก็ท่านผู้ฟังด้วยค่ะ

ก็ต้องขอขอบพระคุณ จดหมาย แล้วก็ ความคิด แล้วก็ คำแนะนำต่างๆ นะคะ

เพราะว่า ทางมูลนิธิฯ ก็จะได้พิจารณา เพื่อทำให้ดีที่สุดค่ะ

อาจารย์อรรณพ ท่านอาจารย์ก็ขอให้พวกเรา แสดงความเห็นกัน ในเรื่องนี้

ซึ่งพอดีจดหมายที่ส่งมา ท่านก็เป็นผู้สนใจ ศึกษาพระธรรมจากสหรัฐอเมริกา

ท่านก็บอกว่า ท่านได้รับประโยชน์ ได้รับสาระ แล้วก็คิดว่า ท่านก็ชื่นชม อนุโมทนา

ในการศึกษาและเผยแพร่พระธรรม ตามแนวพระไตรปิฎกนี้

เพียงแต่ว่า ท่านก็ยังคิดเห็น แล้วก็เสนอให้พิจารณาในบางเรื่อง

อย่างเช่น ในเรื่องของการจัดดอกไม้บูชา ซึ่งอาจจะดูว่า ถ้าไม่เข้าใจ ก็อาจจะคิดเห็นว่า

เป็นการสิ้นเปลืองมากเกินไปหรือเปล่า? หรือว่า ควรจะทำประโยชน์อื่นไหม?

แล้วก็ ทำให้ติดข้อง หรือเปล่า? ประเด็นสำคัญเนี่ย ทำให้ติดข้องหรือเปล่า?

ท่านอาจารย์ ค่ะ ก็ขอเรียนชี้แจงเรื่องการจัดดอกไม้ บูชาพระรัตนตรัย

ไม่ใช่เงินที่มูลนิธิฯได้รับบริจาค แต่ว่า เป็นศรัทธาของแต่ละท่าน

ซึ่งแสดงความประสงค์ ที่จะขอจัด เป็นวันๆ ด้วย ซึ่งก็เป็นที่น่าอนุโมทนา

เพราะเหตุว่า การจัดดอกไม้ หรือว่าอะไรก็ตาม

เป็นการบูชาพระรัตนตรัย

ตามอัธยาศัย ตามกำลังศรัทธา ที่ท่านต้องการจะให้เป็นอย่างนั้น

ซึ่งใครก็ตาม มีกุศลประเภทใด ก็ควรแก่การอนุโมทนาในกุศล

บุคคลนั้น ไม่ได้ถูกขอร้อง หรือว่า ไม่ได้ถูกบังคับ ให้ทำอย่างหนึ่งอย่างใดเลย นะคะ

แต่ก็จะมีการขออนุญาต ว่าขอทำอย่างนี้ ได้ไหม?

ซึ่งเมื่อเป็นสิ่งที่เป็นกุศล ทางมูลนิธิฯก็อนุโมทนา

เพราะว่า ตามความเป็นจริง การที่แต่ละท่าน จะได้มีโอกาสทำกุศล

เป็นเรื่อง ขณะที่ยาก

เพราะเหตุว่า วันหนึ่ง วันหนึ่ง มีอกุศลมากมาย จนกระทั่งไม่รู้ว่า กุศลจะเกิดเมื่อไหร่?

และ กุศลนั้น จะเป็นไป ตามฉันทะ อัธยาศัย ที่ได้สะสมมา ต่างกันอย่างไร

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าใคร เกิดกุศล

จะน้อย จะมาก อย่างไร ก็เป็นที่น่าอนุโมทนา

เพราะเหตุว่า มูลนิธิฯ จะใช้เงินมูลนิธิฯ ในเรื่องของการศึกษา

และ ในเรื่องของการเผยแพร่พระพุทธศาสนา

แต่จะไม่ใช้ในเรื่องของอาหาร หรือว่า ดอกไม้ หรือว่า อะไรอื่นใดทั้งสิ้น

แล้วก็จะใช้ด้วยความระมัดระวัง

เพราะเหตุว่า เป็นศรัทธา ของแต่ละท่าน ที่เห็นแก่การที่ได้มีโอกาส ได้บูชาพระรัตนตรัย

จากการศึกษา และ จากการทำกุศล

บางท่านก็กล่าว่า มูลนิธิฯ ไม่เห็นทำกุศลสาธารณะ แต่ความจริง มูลนิธิฯทำ

ในโอกาสที่สมควร อย่างเวลาที่ สึนามิ หรือว่า มีอุทกภัยต่างๆ

มูลนิธิฯทำ แต่ว่า จะพิจารณาทำ ในเรื่องที่เป็นประโยชน์โดยตรง

เช่นในเรื่องบ้าน ที่อยู่อาศัย และ ในเรื่องอื่นๆ ซึ่งทุกครั้งที่มีการบริจาคสาธารณกุศล

ก็จะมีอนุโมทนาบัตรติดไว้ ให้ทุกคนได้อ่าน ได้ทราบ

แต่จะไม่เป็นการทำ แบบอึกทึกครึกโครม ก็เป็นแต่เพียงพิจารณาดู

ว่าเป็นประโยชน์ที่สุด คือ อย่างไร? เท่าที่จะกระทำได้

เพราะฉะนั้น ส่วนมูลนิธิฯ ส่วนหนึ่งก็คือว่า เพื่อศึกษา เข้าใจพระธรรม

ที่จะดำรงพระศาสนา คำสอนไว้ ไม่คลาดเคลื่อน

เพื่อที่จะได้ ให้บุคคลที่สะสมมาแล้ว สามารถที่จะเข้าใจพระธรรม

แล้วก็ สืบทอด ต่อๆ กันไป เท่าที่สามารถจะกระทำได้

สำหรับในเรื่องของการกุศลแต่ละคน ก็ทราบได้ว่า

เมื่อได้เข้าใจธรรมะแล้ว จะไม่มีใครในที่นี้รู้เลย ว่าแต่ละท่าน ที่ได้เข้าใจธรรมะ

ทำกุศลอะไรบ้าง? ตามอัธยาศัย

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนักเรียนขาดแคลน (ทุนการศึกษา ฯลฯ)

หรือว่า เรื่องของผู้ที่อยู่ชายแดนห่างไกล หรือว่า ผู้ที่ประสบความเดือดร้อน

แต่ละท่าน ซึ่งได้เข้าใจธรรมะแล้ว ไม่ได้ละเลย ที่จะทำกุศล

ตามอัธยาศัย ของแต่ละท่าน ซึ่งก็เป็นที่อนุโมทนา

เพราะฉะนั้น ก็ขอเรียนให้ทราบว่า สำหรับเงินบริจาคให้มูลนิธิฯ ก็จะใช้เป็นสองส่วน

ส่วนใหญ่ ในการศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

อีกส่วนหนึ่ง ก็เพื่อบรรเทาภัย ที่เป็นสาธารณะ นะคะ

แต่ส่วนอื่น เช่น ดอกไม้ หรือ เงินค่าอาหาร ใดๆ ทั้งหมด

ตามอัธยาศัย ของผู้ที่ร่วมกันบริจาค

แต่ไม่ใช่เงินที่ได้รับบริจาค สำหรับมูลนิธิฯเผยแพร่ แล้วก็ทำการกุศล

เพราะว่า เรื่องของมูลนิธิฯ ก็อยากจะเรียนให้ทราบว่า

จุดประสงค์สำคัญ คือ เพื่อศึกษา

ให้ทุกคนที่ทำกุศล ไม่ใช่เพียงแต่ทำกุศล แต่ไม่เข้าใจพระธรรม

เพราะเหตุว่า กุศล มีได้ เกิดได้ ตามการสะสม ตามโอกาส

แต่โอกาสที่ยากยิ่ง ก็คือ การที่จะ "ได้เข้าใจพระธรรม"

เพื่อที่จะได้ "รักษาพระธรรม" ให้ยั่งยืนต่อไป

เท่าที่จะเป็นไปได้

และ ขณะที่ทำกุศล ก็เข้าใจว่า

ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม แล้วก็มีกุศลจิตมาก ในขณะที่ได้ทำกุศลนั้นๆ ด้วย

ต่างกับ เป็นเพียงกุศล ซึ่งไม่มีความเข้าใจธรรมะ

เพราะฉะนั้น จุดสำคัญที่สุด คือ

การศึกษา เพื่อ เข้าใจพระธรรม

กุศลอื่น ต้องตามมาแน่นอนค่ะ แล้วแต่โอกาส

อาจารย์อรรณพ มีสองประเด็นนะครับ ในเรื่องของการจัดดอกไม้บูชา

ท่านอาจารย์ก็ได้กล่าวว่า การบูชาที่นี่ ไม่ใช่ว่าเอาเงินมูลนิธิฯมาใช้นะครับ

แต่ว่า (เป็น) ศรัทธา ของผู้ที่จะบูชา

ทีนี้ก็คือว่า บูชาอะไร? ดอกไม้ที่สวยงามนี้ บูชาอะไร?

บูชาพระบรมสารีริกธาตุ เป็น ธา-ตุ เจดีย์

จริงอยู่ สิ่งที่บูชาจริงๆ โดย อภิธรรมะ ของการบูชา ก็คือ "จิต"

มีข้อความว่า "จิต" เป็นเครื่องบูชา หรือ "จิต" เป็นที่บูชา

เพราะฉะนั้น แม้ว่า จะมีดอกไม้สวยกว่านี้อีกสักสิบเท่า ร้อยเท่า

แต่ถ้าไม่จาก "กุศลจิต" ก็ไม่เป็นการบูชา

เพราะฉะนั้น "การบูชา" คือ จาก "จิต"

แต่เมื่อมี "จิต" ที่เต็มไปด้วยความศรัทธา เพราะว่า เข้าใจพระธรรม

ก็มีการ "บูชา" ตามฐานะ ตามวิสัย ที่จะบูชาได้

ไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์ มนุษย์ก็บูชาตามวิสัยของมนุษย์ เท่าที่จะมีศิลปะ มีโอกาสที่จะทำได้

แล้วการที่จะบูชาพระบรมสารีริกธาตุด้วยดอกไม้ และ การสนทนาธรรม

ซึ่งเป็นประจำทุก เสาร์-อาทิตย์ ก็ตามโอกาส ตามกำลัง ตามความเหมาะสม

ก็แล้วแต่ดอกไม้ จะมากบ้าง น้อยบ้าง ก็แล้วแต่

หรือ ในวันที่เป็นโอกาส ที่จะได้บูชา ระลึกถึง พระรัตนตรัย

อย่างเช่น วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ก็มีผู้ที่มีกุศลจิต

จึงไม่มีการ "จำกัด" กุศลจิต ของบุคคลต่างๆ

การบูชานั้น มี ๒ คือ อามิสบูชา (๑) และ ธรรมะบูชา (๑)

ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เมื่อเข้าใจธรรมะแล้ว จะไม่มี อามิสบูชา

แล้วแต่โอกาส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องบูชาด้วยอามิส ถึงจะเป็นการบูชา

แต่ต้องด้วย "จิต" ที่ศรัทธา แล้วก็กระทำการบูชา

เทวดาก็บูชายิ่งกว่ามนุษย์ มากมาย

ในสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ ก็มีพระจุฬามณี ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า

(เทวดาทั้งหลาย ท่าน) ก็บูชากัน

เพราะฉะนั้น ก็เป็นศรัทธา ของผู้ที่ทำ ตามกำลัง ตามโอกาสที่จะเป็นไปได้

อันนี้ ก็เป็นประการหนึ่ง ซึ่งในสมัยพุทธกาล จนหลังพุทธกาลมานี้

ก็มีข้อความ ที่ทำให้เราทราบ ถึงการบูชาพระรัตนตรัย

ตอนที่พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ พระกุฎีที่พระผู้มีพระภาคเจ้าฯประทับอยู่นั้น

ไม่เคยหมดไปจากกลิ่นหอม จนเรียกกันว่า พระคันธกุฎี คือ กุฎีที่มีกลิ่นหอม

กลิ่นหอมนี้ จากการที่ผู้ที่มีศรัทธา มีความนอบน้อมสักการะ

ก็นำของหอมต่างๆ มาบูชา ด้วยจิตที่ดีงาม ของผู้บูชานั้น

และ แม้พระองค์ท่าน จะดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว ก็มีการบูชามากมาย

ในตอนที่จะถวายพระเพลิง หรือ ปัจจุบันนี้

มีพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นพระธาตุเจดีย์ เป็นส่วนของพระกายของพระองค์

ที่ยังเหลืออยู่ ก็เป็นที่สักการะบูชา

เพราะฉะนั้น ก็เป็นที่อนุโมทนา ที่บูชาทั้งสิ่งของ คือ อามิสบูชา

แล้วก็ การศึกษาพระธรรม ก็เป็น ธรรมะบูชา ด้วย

นี่ก็ประเด็นหนึ่ง

และ อีกประเด็นหนึ่ง ที่ท่านเขียนมาก็คือว่า

ท่านก็เป็นห่วงว่า จะทำให้มีการติดข้องกัน ว่าสวยเหลือเกิน จะทำให้โลภะเกิด

แล้วก็ เราสนทนาธรรมะ ในเรื่องของโทษ ของโลภะ

ในการติดข้อง ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ

แล้วอย่างไร เราถึงจะมีดอกไม้ไว้มากมาย สวยด้วย แต่ยั่วให้เกิดโลภะกัน

แต่จริงๆ แล้ว ฟังธรรมะ ต้องละเอียดลงไปว่า

จะบังคับ หรือ จะควบคุม หรือว่า จะจัดสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดความติดข้อง

หรือ จะเป็นผู้ที่เข้าใจ สภาพธรรมะ ตามจริง ตามปรกติ

แล้วก็รู้ว่า ในเหตุปัจจัย เมื่อมีเหตุปัจจัย ทุกอย่างก็เป็นอนัตตา โลภะก็เกิด

แต่ที่สำคัญ เข้าใจความเป็นธรรมะ ที่กำลังปรากฏ

แม้โลภะ เข้าใจไหม?

ซึ่งดอกไม้เหล่านี้ ก็ได้ถูกนำมายกตัวอย่างบ่อยๆ ว่า นี่สวยไหม? ติดข้องไหม?

เพราะว่า กำลังนั่งอยู่ มีการเห็น ก็มีการยกตัวอย่างกัน

เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่ตรง และ ไม่หวั่นไหว

โดยที่เข้าใจ ความเป็นอนัตตา ของสภาพธรรมะที่เกิดขึ้น ตามเหตุตามปัจจัย จริงๆ

มิฉะนั้น ก็จะไม่สามารถที่จะเห็น ในความเป็นธรรมะได้เลย

ท่านอาจารย์ ค่ะ ยังไม่เห็นดอกไม้ "โลภะ" ก็เกิดได้ ใช่ไม๊คะ?

เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่การสะสม และ ความเข้าใจ

ทุกครั้งที่ดิฉันเห็น ดิฉันจะคิดถึง กุศลจิต

ของผู้ แม้แต่นำดอกไม้สักดอกหนึ่งมา เพื่อที่จะบูชาพระรัตนตรัย

และ โดยเฉพาะ กุศลจิต ของผู้ที่จัด กว่าจะเสร็จ นะคะ

กว่าจะนำมาทุกสิ่ง ทุกอย่าง เป็นที่ควรแก่การอนุโมทนาอย่างยิ่ง

เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่เห็น สามารถที่จะทำให้ เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดกุศลได้

ไม่ใช่ว่า พอเห็นแล้ว แล้วก็จะมีความติดข้อง

เพราะดอกไม้ที่ไหน ก็ติดข้องทั้งนั้น

แต่ดอกไม้ที่นำมาบูชา สักการะ เราก็จะอนุโมทนา ในกุศลจิต

ของผู้ที่นำดอกไม้นั้น มาบูชาสักการะ

เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่ สิ่งเดียวกัน

แล้วแต่ว่า การสะสมของใจ ที่สะสมมาแล้ว จะเป็นกุศล หรือ อกุศล

มาก น้อย ระดับไหน?

แต่ก็เป็นเรื่องที่เห็นได้ว่า

เมื่อมีความเข้าใจพระธรรมแล้ว อกุศลที่ (เคย) เกิด ก็ไม่เกิด

แล้วก็เป็นกุศลที่ อนุโมทนา

เพราะฉะนั้น ทุกคนก็จะรู้ได้ แม้ดอกไม้ที่นำมา ก็ต้องด้วยกุศลจิต

แล้วก็ไม่ใช่แต่เฉพาะ ชั่วขณะที่จัดดอกไม้สวยงาม

แม้ต่อๆ ไป กุศลจิต ก็ยังเกิดได้

"...พระคุณของท่านอาจารย์สุจินต์ คงไม่สามารถจะทดแทนได้

เพราะ ไม่มีสิ่งอะไรทดแทน นอกจากคุณความดี ที่ศิษย์ทั้งหลาย พึงกระทำตอบแทน..."

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์

ด้วยการ

"ทำดี และ ศึกษาพระธรรม"

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 18 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นัน

"จุดสำคัญที่สุด คือ

การศึกษา เพื่อเข้าใจพระธรรม กุศลอื่น ต้องตามมาแน่นอนค่ะ แล้วแต่โอกาส"

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งามและทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 18 ม.ค. 2556

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาทุกทุกกุศลจิตของสหายธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เข้าใจ
วันที่ 19 ม.ค. 2556

สองมือวันทาสิบนิ้วพนมบูชาพระธรรม เปี่ยมด้วยน้ำใจศรัทธากราบเคารพมาด้วยใจรู้คุณ กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนากับ คุณวันชัย ภู่งาม มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
นิรมิต
วันที่ 19 ม.ค. 2556

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลของท่านวิทยากรและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 19 ม.ค. 2556

พระรัตนตรัยประเสริฐที่สุดในโลก

บุคคลผู้มีศรัทธา ย่อมบูชา สักการะ ด้วยสิ่งที่เป็นเลิศที่สุด

ทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา

..................

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย มา ณ กาลครั้งนี้ด้วยครับ

และขออนุโมทนาทุกๆ ท่าน ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 19 ม.ค. 2556

ศึกษาธรรมะเพื่อละความไม่รู้ เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อบำเพ็ญบารมี และน้อมนำ

ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่าน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 19 ม.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
phawinee
วันที่ 19 ม.ค. 2556

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
บรรพต
วันที่ 20 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งามและทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
พุทธรักษา
วันที่ 20 ม.ค. 2556


จุดประสงค์สำคัญ คือ เพื่อศึกษา

ให้ทุกคนที่ทำกุศล ไม่ใช่เพียงแต่ทำกุศล แต่ไม่เข้าใจพระธรรม

เพราะเหตุว่า กุศล มีได้ เกิดได้ ตามการสะสม ตามโอกาส

แต่โอกาสที่ยากยิ่ง ก็คือ การที่จะ "ได้เข้าใจพระธรรม"

เพื่อที่จะได้ "รักษาพระธรรม" ให้ยั่งยืนต่อไป

เท่าที่จะเป็นไปได้.

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 20 ม.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"จุดสำคัญที่สุด คือ

การศึกษา เพื่อเข้าใจพระธรรม กุศลอื่น ต้องตามมาแน่นอนค่ะ แล้วแต่โอกาส"

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย ภู่งามและทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
nong
วันที่ 21 ม.ค. 2556

ทำดีและศึกษาพระธรรม เป็นเหตุดี ผลที่ดีก็ตามมาเอง

ขออนุโมทนาและกราบท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
tusaneenui
วันที่ 22 ม.ค. 2556

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ที่เคารพรักยิ่ง และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
raynu.p
วันที่ 4 ก.พ. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
fam
วันที่ 4 ก.พ. 2556

ขอ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
jaturong
วันที่ 15 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
พรรณี
วันที่ 11 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
รู้จบลงที่รู้
วันที่ 14 พ.ค. 2556

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพอย่างยิ่ง

ขอทดแทนพระคุณจากการได้ฟังธรรมบรรยายทางวิทยุและเอ็มพี ๓

โดยการมีสติเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอน

ตามที่ท่านอาจารย์ได้พากเพียรสอนมาตลอด

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
สิริพรรณ
วันที่ 6 ส.ค. 2556

ก้มกราบแทบเท้าท่านอ.สุจินต์ด้วยความนอบน้อม..ท่านเปรียบเสมือนคุณแม่ทางธรรม..

ขออนุโมทนาทุกบุญกุศลที่ท่านอ.ได้กระทำ..ขอแผ่บุญกุศลแด่คุณแม่ผู้ให้กำเนิด

ที่ล่วงลับไปแล้ว ในพระคุณที่ท่านเป็นเหตุชักนำให้ได้ฟังธรรมของท่านอ.สุจินต์..

ขอบุญกุศลอันยิ่งใหญ่นี้คุ้มครองท่านอ.สุจินต์ที่รักและเคารพตลอดกาลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
papon
วันที่ 8 ส.ค. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
พรรณี
วันที่ 19 ม.ค. 2557

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
swanjariya
วันที่ 23 พ.ย. 2560

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง กราบอนุโมทนาขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ที่มีต่อทุกๆ คนตั้งใจไว้ว่าจะตอบแทนพระคุณของท่านอาจารย์ด้วยการทำดี ศึกษาพระธรรมและปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามกำลังค่ะ

อนุโมทนาขอบคุณมากค่ะคุณวันชัยที่จัดทำกระทู้นี้ให้มีโอกาสอ่านย้อนหลังได้

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ