ปฏิสนธิ - ทวิเหตุก หรือ ติเหตุก


    ผู้ฟัง กรุณาอธิบายเพิ่มเติมที่กล่าวว่าไม่ใช่ทวิเหตุกบุคคลสามารถจะบรรลุได้ แต่ผู้ที่จะบรรลุได้ต้องเป็นติเหตุกบุคคล

    ท่านอาจารย์ ขณะนี้เราจะไม่ทราบปฏิสนธิจิตของเรามีอะไรเป็นอารมณ์ และบางท่านก็อาจจะสงสัย เป็นทวิเหตุกะประกอบด้วยเหตุ ๒ คือ อโลภะ อโทสะ หรือเป็นติเหตุกะ ประกอบด้วยทั้งอโลภะ อโทสะ อโมหะ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่เราจะไปพยายามรู้สิ่งที่รู้ไม่ได้ แต่ว่าจากชีวิตจริงๆ ของแต่ละคนก็จะเห็นได้ว่าบางท่านสะสมอุปนิสัยในการให้ทาน ท่านมีทานุปนิสัย ท่านให้ง่าย แต่พอถึงธรรมท่านไม่สนใจ และท่านไม่ฟัง แล้วท่านจะบรรลุได้ไหมในเมื่อไม่มีการฟังเลย

    แต่ผู้ที่แม้ว่าเกิดด้วยอโลภะ อโทสะ อโมหะ ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก แต่ว่าการฟังน้อย แล้วก็ยังอาจจะไม่ได้มีการเข้าถึงลักษณะของสภาพธรรมจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งสภาพธรรมก็ได้ นี่ก็คือความต่างกันของผู้ที่แม้ว่าสะสมปัญญามาแต่ปัญญาระดับไหน แม้ในครั้งพุทธกาลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ทันทีที่ได้ฟังเทศนาจบ บรรลุ มี แต่ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมเทศนาอีกหลายปี ๑๖ ปี ๒๐ ปีก็ได้บรรลุก็มี หรือว่าชาตินั้นยังไม่บรรลุ ไปบรรลุในชาติต่อไปก็มี เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของการที่แม้ปฏิสนธิเป็นติเหตุกะก็ไม่ได้หมายความว่าจะบรรลุมรรคผลถ้าเหตุไม่สมควรแก่ผล แต่ผู้ใดก็ตามที่ถึงขั้นฌานจิตความสงบของจิตระดับของอัปปนาสมาธิ หรือว่าสามารถจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ขณะนั้นแม้เป็นวิปัสสนาญาณ ก็แสดงว่าบุคคลนั้นก็ปฏิสนธิเป็น ติเหตุกะ

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 113


    หมายเลข 7874
    22 ม.ค. 2567