จริงหรือไม่ผู้ที่กล่าวตู่คำสอนตถาคตหรือบิดเบือนพระธรรม ต้องตกนรก 1 กัป มีในพระไตรปิฎกไหมเป็นคำพูดของพระพุทธเจ้าจริงหรือ?

 
wangker2541
วันที่  11 มี.ค. 2565
หมายเลข  42786
อ่าน  1,292

ผมมีความสงสัยครับ ว่า การที่เรากล่าวตู่คำสอนตถาคต บิดเบือนพระธรรม การตู่พุทธพจน์คล้ายกับการกล่าวตู่พระพุทธเจ้า ต้องตกนรก 1 กัป มีในพระไตรปิฎกจริงหรือไม่ อนึ่งผมเพียงทราบว่า การบิดเบือนพระธรรม การแสดงธรรมที่ผิด ซึ่งทำให้เป็นการกล่าวตู่พุทธพจน์หรือกล่าวตู่พระพุทธเจ้า หรือ กล่าวตู่คำสอนตถาคต บิดเบือนพระธรรมคำสอน ย่อมทำให้ศาสนาพุทธอันตรธานเร็วขึ้นหายไปเร็วขึ้นเท่านั้น กระจายสิ่งที่ไม่จริงเป็นมุสาวาท เป็นโทษ ซึ่งไม่ดี แต่ผมมีความสงสัย กล่าวตู่คำสอนตถาคตหรือบิดเบือนพระธรรม แสดงธรรมผิด ตู่พุทธพจน์หรือกล่าวตู่พระพุทธเจ้า ต้องตกนรก 1 กัป นี้มีในพระไตรปิฎกจริงหรือ เป็นคำพูดของพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่ ขอความเมตตาธรรมทุกท่านในบ้านธัมมะที่ศึกษาพระไตรปิฏกด้วยครับ อนึ่งเพื่อไม่อยากให้คนยุคใหม่ที่เริ่มจะสนใจธรรมแล้วแสดงธรรมผิดเพราะความไม่รอบคอบ อย่างเช่นผม เกิดความกลัววิตกจนเกินไป เพราะผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นกันได้เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง และระมัดระวังต่อไปครับ ทั้งนี้ต้องขอขมาต่อองค์พระรัตนตรัยด้วยครับถ้าเกิดได้ล่วงเกินไป ขอขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 มี.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความในพระไตรปิฎกดังนี้ครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 137
๙. อานันทสังฆเภทสูตร
ว่าด้วยผู้ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันย่อมเสวยผลในนรกตลอดกัปหนึ่ง
[๓๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆเภท สังฆเภท ดังนี้สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล.พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าเป็นธรรม ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่า ไม่ใช่ธรรม... ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ตถาคตบัญญัติไว้ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่า ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกัน ย่อมแยกจากกัน ย่อมทำสังฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์แยกจากกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ดูก่อนอานนท์ สงฆ์จะเป็นผู้แตกต่างกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล.
[๓๘] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อม
เพรียงกัน จะประสพผลอะไร พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้น จะประสพผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่ง.
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่งคืออะไร พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้น จะเสวยผลกรรมอยู่ในนรกตลอดกัปหนึ่ง.
บุคคลผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ยินดีแล้วในการแตกแยก ตั้งอยู่ในอธรรม เป็นผู้เข้าถึงอบาย เข้าถึงนรก ตั้งอยู่ในนรกนั้นตลอดกัปหนึ่ง ย่อมพลาดจากธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ ย่อมเสวยกรรมอยู่ใน
นรกตลอดกัปหนึ่ง เพราะทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้แตกกัน.
จบอานันทสังฆเภทสูตรที่ ๙


พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง จึงต้องศึกษาด้วยความเคารพและรู้ว่าพระธรรมยาก ดังนั้น พระสูตรนี้ แสดงถึงความมุ่งหมายของการตกนรก 1 กัป เพราะมีการทำสังฆเภท ด้วย พระภิกษุท่านั้นที่ทำสังฆเภทได้ โดย การแสดงกล่าว วัตถุ 10 ประการ และทำให้สงฆ์แยกกัน ไม่ใช่ แค่ กล่าวธรรมผิด พูดผิดแล้วจะตกนรก 1 กัป ต้องมีการทำสังฆเภทด้วยครับ

คำว่า สังฆเภท แปลว่าการทำสงฆ์ให้แตกกัน การทำลายสงฆ์ ความแตกกันแห่งสงฆ์ สังฆเภท จึงหมายถึง การยุยง การขวนขวายให้สงฆ์แตกความสามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน จนถึงกับแยกกันทำอุโบสถสังฆกรรม แม้ว่าจะมีการห้ามปรามตักเตือนจนสงฆ์ประชุมกันให้เลิกละการกระทำอย่างนั้นเสียก็ยังไม่ปฏิบัติตาม ยังฝืนทำเช่นนั้นอีก เช่นนี้จัดเป็นสังฆเภท

อนึ่ง สังฆเภท คือ ความแตกแยกแห่งสงฆ์ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงบัญญัติให้สงฆ์ทำ อุโบสถกรรม ปวารณากรรม และสังฆกรรมน้อยใหญ่อย่างอื่น ภายในสีมาเดียวกัน พร้อมเพรียงกันด้วยสังฆสามัคคี แต่เมื่อไรก็ตามที่ภิกษุทั้งหลายแตกกันเป็นก๊ก เป็นเหล่าเป็นพวก แยกกันทำอุโบสถกรรม แยกกันทำปวารณากรรม หรือ แยกกันทำสังฆกรรม หรือกรรมน้อยใหญ่ภายในสีมาเดียวกัน ซึ่งการทำสังฆเภทนี้ จะต้องประกอบไปด้วยภิกษุที่ครบองค์สงฆ์ คือ ประกอบด้วยภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปทั้งสองฝ่าย การกระทำเหล่านี้จัดเป็น สังฆเภท ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 12 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wangker2541
วันที่ 12 มี.ค. 2565

อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 1 โดย paderm

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความในพระไตรปิฎกดังนี้ครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 137
๙. อานันทสังฆเภทสูตร
ว่าด้วยผู้ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันย่อมเสวยผลในนรกตลอดกัปหนึ่ง
[๓๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆเภท สังฆเภท ดังนี้สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล.พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าเป็นธรรม ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่า ไม่ใช่ธรรม... ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ตถาคตบัญญัติไว้ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่า ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกัน ย่อมแยกจากกัน ย่อมทำสังฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์แยกจากกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ดูก่อนอานนท์ สงฆ์จะเป็นผู้แตกต่างกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล.
[๓๘] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อม
เพรียงกัน จะประสพผลอะไร พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้น จะประสพผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่ง.
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่งคืออะไร พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้น จะเสวยผลกรรมอยู่ในนรกตลอดกัปหนึ่ง.
บุคคลผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ยินดีแล้วในการแตกแยก ตั้งอยู่ในอธรรม เป็นผู้เข้าถึงอบาย เข้าถึงนรก ตั้งอยู่ในนรกนั้นตลอดกัปหนึ่ง ย่อมพลาดจากธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ ย่อมเสวยกรรมอยู่ใน
นรกตลอดกัปหนึ่ง เพราะทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้แตกกัน.
จบอานันทสังฆเภทสูตรที่ ๙


พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง จึงต้องศึกษาด้วยความเคารพและรู้ว่าพระธรรมยาก ดังนั้น พระสูตรนี้ แสดงถึงความมุ่งหมายของการตกนรก 1 กัป เพราะมีการทำสังฆเภท ด้วย พระภิกษุท่านั้นที่ทำสังฆเภทได้ โดย การแสดงกล่าว วัตถุ 10 ประการ และทำให้สงฆ์แยกกัน ไม่ใช่ แค่ กล่าวธรรมผิด พูดผิดแล้วจะตกนรก 1 กัป ต้องมีการทำสังฆเภทด้วยครับ

คำว่า สังฆเภท แปลว่าการทำสงฆ์ให้แตกกัน การทำลายสงฆ์ ความแตกกันแห่งสงฆ์ สังฆเภท จึงหมายถึง การยุยง การขวนขวายให้สงฆ์แตกความสามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน จนถึงกับแยกกันทำอุโบสถสังฆกรรม แม้ว่าจะมีการห้ามปรามตักเตือนจนสงฆ์ประชุมกันให้เลิกละการกระทำอย่างนั้นเสียก็ยังไม่ปฏิบัติตาม ยังฝืนทำเช่นนั้นอีก เช่นนี้จัดเป็นสังฆเภท

อนึ่ง สังฆเภท คือ ความแตกแยกแห่งสงฆ์ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงบัญญัติให้สงฆ์ทำ อุโบสถกรรม ปวารณากรรม และสังฆกรรมน้อยใหญ่อย่างอื่น ภายในสีมาเดียวกัน พร้อมเพรียงกันด้วยสังฆสามัคคี แต่เมื่อไรก็ตามที่ภิกษุทั้งหลายแตกกันเป็นก๊ก เป็นเหล่าเป็นพวก แยกกันทำอุโบสถกรรม แยกกันทำปวารณากรรม หรือ แยกกันทำสังฆกรรม หรือกรรมน้อยใหญ่ภายในสีมาเดียวกัน ซึ่งการทำสังฆเภทนี้ จะต้องประกอบไปด้วยภิกษุที่ครบองค์สงฆ์ คือ ประกอบด้วยภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปทั้งสองฝ่าย การกระทำเหล่านี้จัดเป็น สังฆเภท ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง

ขออนุโมทนา

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 12 มี.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การบิดเบือนพระธรรมวินัย กล่าวตู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้น มีโทษมาก ทำลายทั้งตนเอง ทำลายทั้งผู้อื่น และ ทำลายหรือประทุษร้ายต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นข้าศึกต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเหตุไม่ดี มีแล้ว ผลที่ไม่ดี ก็เกิดขึ้นตามควรแก่เหตุ มีการเกิดในอบายภูมิ เป็นต้น โดยไม่มีใครทำให้เลย

พระธรรม ละเอียด ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ที่จะเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ก็ต้องศึกษาด้วยความเคารพ ไม่ประมาทในแต่ละคำที่พระองค์ทรงแสดง ซึ่งเมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีทางที่จะกล่าวผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงได้เลย ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 13 มี.ค. 2565

ธรรมะเปิดเผยจึงจะรุ่งเรือง แต่ถ้าบิดเบือนพระธรรมก็มีแต่โทษมหาศาลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wangker2541
วันที่ 13 มี.ค. 2565

อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 1 โดย paderm

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความในพระไตรปิฎกดังนี้ครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 137
๙. อานันทสังฆเภทสูตร
ว่าด้วยผู้ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันย่อมเสวยผลในนรกตลอดกัปหนึ่ง
[๓๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า สังฆเภท สังฆเภท ดังนี้สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล.พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมแสดงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมว่าเป็นธรรม ย่อมแสดงสิ่งที่เป็นธรรมว่า ไม่ใช่ธรรม... ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ว่า ตถาคตบัญญัติไว้ย่อมแสดงสิ่งที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่า ตถาคตไม่ได้บัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกัน ย่อมแยกจากกัน ย่อมทำสังฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์แยกจากกัน ด้วยวัตถุ ๑๐ ประการนี้ ดูก่อนอานนท์ สงฆ์จะเป็นผู้แตกต่างกันด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล.
[๓๘] อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อม
เพรียงกัน จะประสพผลอะไร พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้น จะประสพผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่ง.
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ผลอันเผ็ดร้อนซึ่งตั้งอยู่ตลอดกัปหนึ่งคืออะไร พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ บุคคลผู้ที่ทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันนั้น จะเสวยผลกรรมอยู่ในนรกตลอดกัปหนึ่ง.
บุคคลผู้ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน ยินดีแล้วในการแตกแยก ตั้งอยู่ในอธรรม เป็นผู้เข้าถึงอบาย เข้าถึงนรก ตั้งอยู่ในนรกนั้นตลอดกัปหนึ่ง ย่อมพลาดจากธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะ ย่อมเสวยกรรมอยู่ใน
นรกตลอดกัปหนึ่ง เพราะทำลายสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้แตกกัน.
จบอานันทสังฆเภทสูตรที่ ๙


พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง จึงต้องศึกษาด้วยความเคารพและรู้ว่าพระธรรมยาก ดังนั้น พระสูตรนี้ แสดงถึงความมุ่งหมายของการตกนรก 1 กัป เพราะมีการทำสังฆเภท ด้วย พระภิกษุท่านั้นที่ทำสังฆเภทได้ โดย การแสดงกล่าว วัตถุ 10 ประการ และทำให้สงฆ์แยกกัน ไม่ใช่ แค่ กล่าวธรรมผิด พูดผิดแล้วจะตกนรก 1 กัป ต้องมีการทำสังฆเภทด้วยครับ

คำว่า สังฆเภท แปลว่าการทำสงฆ์ให้แตกกัน การทำลายสงฆ์ ความแตกกันแห่งสงฆ์ สังฆเภท จึงหมายถึง การยุยง การขวนขวายให้สงฆ์แตกความสามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน จนถึงกับแยกกันทำอุโบสถสังฆกรรม แม้ว่าจะมีการห้ามปรามตักเตือนจนสงฆ์ประชุมกันให้เลิกละการกระทำอย่างนั้นเสียก็ยังไม่ปฏิบัติตาม ยังฝืนทำเช่นนั้นอีก เช่นนี้จัดเป็นสังฆเภท

อนึ่ง สังฆเภท คือ ความแตกแยกแห่งสงฆ์ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงบัญญัติให้สงฆ์ทำ อุโบสถกรรม ปวารณากรรม และสังฆกรรมน้อยใหญ่อย่างอื่น ภายในสีมาเดียวกัน พร้อมเพรียงกันด้วยสังฆสามัคคี แต่เมื่อไรก็ตามที่ภิกษุทั้งหลายแตกกันเป็นก๊ก เป็นเหล่าเป็นพวก แยกกันทำอุโบสถกรรม แยกกันทำปวารณากรรม หรือ แยกกันทำสังฆกรรม หรือกรรมน้อยใหญ่ภายในสีมาเดียวกัน ซึ่งการทำสังฆเภทนี้ จะต้องประกอบไปด้วยภิกษุที่ครบองค์สงฆ์ คือ ประกอบด้วยภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปทั้งสองฝ่าย การกระทำเหล่านี้จัดเป็น สังฆเภท ตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง

ขออนุโมทนา

ขออนุญาติสอบถามท่านเพิ่มเติมครับ ว่ากระผมเข้าใจถูกหรือไม่

ข้อ1 . การกล่าวธรรมผิด พูดผิด อันเนื่องมาจากการศึกษาที่ไม่รอบคอบให้ดีพอ,หลงผิด,ใช้ผิดๆ ถูกๆ หรือ เกิดจาก,บิดเบือนพระธรรม,เพิ่ม/เสริม/แต่งคำขึ้นใหม่,รวบรัดตัดตอนหรือแย้งคำสอน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการเข้าข่าย กล่าวตู่ตถาคต หรือ ตู่พุทธพจน์ ไม่ใช่สาเหตุปัจจัยที่จะทำให้ตก นรก 1 กัป ต้องมีการทำสังฆเภทให้เกิดขึ้นด้วย ถึงจะตกนรก 1 กัป ใช่ไหมครับ

ข้อ2 . แต่ทั้งนี้ การกล่าวธรรมผิด พูดผิด อันเนื่องมาจากสาเหตุที่กระผมได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นซึ่งเป็นการเข้าข่าย ตู่พุทธพจน์,กล่าวตู่ตถาคต แล้วเอาไปเผยแพร่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นโทษแก่ผู้อื่น เป็นการทำบาปทำกรรม ทำให้ผู้อื่นหลงผิด เกิดความเสียหายได้ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง จึงเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ตกนรก เพราะเป็นการโกหก มุสา นั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าทำไปมากหรือน้อยเพียงใด ทำไว้มากโทษหนักมาก ทำไว้น้อยก็โทษเบา ใช่หรือไม่ครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าและอนุโมทนาทุกท่านครับ การศึกษาพระธรรมต้องศึกษาให้ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งจริงๆ ครับ ถ้าผิดพลาดต้องรีบแก้ไขเพื่อไม่ให้พระธรรมคำสอนของท่านพระพุทธเจ้าหายไป ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 14 มี.ค. 2565

เรียนความเห็นที่ 6

ถูกต้องครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wangker2541
วันที่ 15 มี.ค. 2565

อ้างอิงจาก ความคิดเห็น 7 โดย paderm

เรียนความเห็นที่ 6

ถูกต้องครับ

ขอบพระคุณท่านครับ สุดท้ายนี้ กระผมสรุปความเข้าใจของผมได้ถูกต้องหรือไม่ครับ คือ ถึงแม้ว่าการกล่าวธรรมผิด พูดผิด จากเหตุผลดังกล่าวที่ผมได้กล่าวชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่สาเหตุปัจจัยที่จะทำให้ตกนรก 1 กัป ต้องมีการทำสังฆเภทให้เกิดขึ้นด้วย ถึงจะตกนรก 1 กัป แต่ถึงอย่างนั้น สังฆเภท ชาวบ้านหรือคฤหัสทั่วไปอย่างผม ไม่สามารถทำได้อยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลในเรื่องนี้ เมื่อ กล่าวธรรมผิด พูดผิด อันเนื่องจากสาเหตุที่ผมได้ชี้แจงไว้แล้วก่อนหน้านี้คือ ใช้ผิด สำคัญผิด หลงผิด ใช้ผิดๆ ถูกๆ เพราะการศึกษาธรรมะที่ไม่ละเอียดดีพอ หรือ การบิดเบือนคำสอนจากการ เพิ่ม เสริม แต่ง ตัดตอน แล้วจะต้องตกนรก 1 กัป แต่ทางที่ดีไม่ควรเผยแพร่คำสอน หรือ ธรรมะ ที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการดีกว่า เพราะจะโทษแก่ตัวเองและผู้อื่น และไม่ต่างจากการ กล่าวตู่ท่านพระพุทธเจ้าเลย อนึ่ง แค่การ กล่าวธรรมผิด พูดผิด ไม่ได้เป็นอนันตริยกรรม ที่จะทำให้ไปสู่อบายหรือตกนรก และ ไม่ได้กั้น สวรรค หรือ มรรคผล แต่ถึงอย่างนั้นการเผยแพร่สิ่งที่ไม่ดีออกไป ก็ไม่ต่างจากการ มุสา ที่จะทำให้ตกนรกเลย ก่อโทษมากบาปมาก ก่อโทษน้อยบาปน้อย * * * กระผมสรุปความเข้าใจได้ถูกต้องแล้วหรือไม่ครับ ถ้าหากผิดพลาดประการใด ต้อง ขออภัยด้วยครับ สุดท้ายนี้กระผมจะระมัดระวังและศึกษาธรรมะให้ละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้นก่อนจะนำไปบอกกล่าวหรือเผยแพร่ต่อผู้อื่นครับ ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wangker2541
วันที่ 15 มี.ค. 2565

* * * ต้องขออนุญาติแก้ข้อความบางส่วนของความคิดเห็นที่ 8 นะครับ

* * * แค่การ กล่าวธรรมผิด พูดผิด ไม่ได้เป็นอนันตริยกรรม ไม่ได้ห้ามสวรรค์ ไม่ได้ห้ามมรรคผล * * * ครับ

ต้องขออภัยในความคลาดเคลื่อนครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
paderm
วันที่ 16 มี.ค. 2565

เรียนความเห็นที่ 8

ถูกต้องครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ