อุปมาวิถีจิตด้วยเรื่องพระราชาองค์หนึ่ง
โดย บ้านธัมมะ  3 พ.ย. 2565
หัวข้อหมายเลข 44996

ได้กล่าวถึงการรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แต่ละวาระในชีวิตประจำวัน ซึ่งข้อความในอรรถกถาก็มีข้ออุปมาเปรียบเทียบหลายอุปมาตามที่ได้กล่าวถึงแล้ว สำหรับในวันนี้ ขอกล่าวถึงอุปมาเปรียบเทียบอีกนัยหนึ่ง จากข้อความใน อัฏฐสาลินี ซึ่งได้เคยกล่าวถึงแล้วครั้งหนึ่ง

ข้อความอุปมาเปรียบเทียบมีว่า

พระราชาองค์หนึ่งบรรทมหลับอยู่บนพระแท่นบรรทม

ท่านที่ได้ฟังก่อนๆ นี้ คงจะทราบว่า ขณะนั้นคือขณะไหน ขณะนั้นต้องไม่มีการรู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ซึ่งเป็นขณะที่ เป็นภวังคจิต

มหาดเล็กของพระองค์นั่งถวายนวดพระยุคลบาทอยู่ นายทวารหูหนวกยืนอยู่ที่พระทวาร ทหารยาม ๓ คนยืนเรียงลำดับอยู่ ที่นั้นมีคนบ้านนอกคนหนึ่ง ถือบรรณาการมาเคาะประตูเรียก นายทวารหูหนวกไม่ได้ยินเสียง มหาดเล็กผู้ถวายนวดพระยุคลบาทจึงให้สัญญาณ เขาจึงเปิดประตูดูด้วยสัญญาณนั้น ทหารยาม คนที่ ๑ รับเครื่องบรรณาการส่งให้คนที่ ๒ คนที่ ๒ ส่งให้คนที่ ๓ คนที่ ๓ ทูลเกล้าถวายพระราชา พระราชาได้เสวย

ข้อเปรียบเทียบนั้นแสดงเนื้อความอะไร

แสดงเนื้อความว่า อารมณ์มีกิจคือหน้าที่เพียงกระทบปสาทเท่านั้น วิถีจิต อื่นๆ เพียงทำหน้าที่ของตนๆ ส่วนชวนวิถีเท่านั้น ย่อมเสวยรสอารมณ์โดยส่วนเดียว

ไม่ว่าจะเป็นจักขุวิญญาณก็ดี สัมปฏิจฉันนะก็ดี สันตีรณะก็ดี โวฏฐัพพนะก็ดี ไม่ได้เสวยอารมณ์นั้น แต่พระราชา คือ ชวนวิถีเท่านั้น ย่อมเสวยรสอารมณ์โดย ส่วนเดียว

ในขณะนี้ ทั้งๆ ที่มีจิตเห็น แต่ดับไปเร็วเหลือเกิน และสัมปฏิจฉันนจิตก็เกิดต่อ ดับไปอีกเร็วมากเพราะเพียงขณะเดียว สันตีรณะก็เกิดขึ้นขณะเดียว โวฏฐัพพนะ ก็เกิดขึ้นขณะเดียว เพราะฉะนั้น ที่จะรู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏได้ ต้องเป็นชวนวิถี

เวลาที่เห็นแล้ว รู้สึกชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง หรือว่าเป็นกุศลบ้างจากเห็น จากได้ยิน จากได้กลิ่น จากลิ้มรส จากรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ขณะนั้นเป็นชวนะ เพราะว่าเกิดดับซ้ำกัน ๗ ขณะ พอที่จะให้รู้ได้ว่าในขณะที่อารมณ์ปรากฏแต่ละครั้ง จิตในขณะนั้นเป็นอะไร หรือว่าเวทนา ความรู้สึก ที่เกิดจากการกระทบอารมณ์ ในขณะนั้น รู้สึกดีใจ หรือเสียใจ หรือเฉยๆ ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1520

รับฟัง ...

อุปมาวิถีจิตด้วยเรื่องพระราชาองค์หนึ่ง