เห็นไหมว่าภัยอะไรที่ยิ่งใหญ่…สนทนาปัญญาธรรม 25/11/68
โดย nattawan  25 พ.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 51531

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์

สังสารคือ การมา การไป ไม่พ้นจากจิตทุกขณะ ไม่พ้นจากขณะนี้เลย วนเวียนอยู่ในกิเลส กรรม วิบากไม่ว่าชาติไหน ไม่ต้องแสวงหาธรรมะที่ไหนเลยในเมื่อไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีขณะนี้ว่าคืออะไร!!! ทุกขณะมีปัจจัยเกิดและดับไปไม่กลับมาอีกเลย จากขณะสู่ขณะ จากภพสู่ภพ แต่ความไม่รู้ที่มีทำให้ยินดีพอใจในสังสาร คือ การมา การไป พอใจในการติดอยู่ เป็นการเตือนว่าสังสารวัฏไม่สิ้นสุดไม่รู้เบื้องต้นและเบื้องปลาย

กิเลสเป็นเครื่องล่อ (ยินดีพอใจในโลภะ) โลกะเป็นเครื่องล่อ วัฏฏะเป็นเครื่องล่อ ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้ แต่ไม่เห็นว่าไม่ใช่ขณะอื่นเลยทั้งสิ้น กำลังเป็นอย่างนี้เดี๋ยวนี้ทุกคำที่กล่าวแต่เห็นได้ยากมาก

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สิ่งที่ยากที่สุดเพราะฉะนั้นต้องฟัง แต่ละคำเข้าใจตัวธรรมะทุกขณะแค่ไหน ศึกษาว่าเดี๋ยวนี้มีอะไรซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย แต่ค่อยๆ ฟังค่อยๆ พิจารณาให้รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นกิเลส โลกะหรือวัฏฏะ ฟังความจริงไม่ใช่คำในหนังสือจึงไม่เข้าใจ ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ... เพื่อเข้าใจความจริงที่ถูกปิดบังไว้ ... เพื่อให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังงปรากฏขณะนี้เท่านั้น

ยังไม่เห็นความลึกซึ้งของแต่ละหนึ่งว่าเพียงเกิดและดับจึงถูกล่อ เพราะไม่เห็นว่าดับแล้ว แต่เพราะไม่รู้ความเกิดดับจึงเป็นเช่นนี้ ไม่ได้ให้ไปทำแต่ให้เข้าใจ ค่อยๆ สะสมความรู้ให้ละเอียดขึ้น รอบคอบขึ้น ไม่ใช่ให้ไปทำอะไร

ประมาทความไม่รู้ไม่ได้เลย แล้วความรู้ที่จะเกิดขึ้นเพื่อสลายความไม่รู้จะเนิ่นนานแค่ไหน กว่าจะหมดความยึดถือในการเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าไม่ฟังให้เข้าใจความจริงจะถึงไหม ... เมื่อไหร่จะถึงเสียที?? จึงเริ่มเข้าใจคำว่าบารมี!!



ความคิดเห็น 1    โดย nattawan  วันที่ 25 พ.ย. 2568

ยากที่จะออกจากสังสารวัฏ ... ยากที่สุด จึงค่อยๆ รู้สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ว่าเกิดดับ ใส่ใจว่าอะไรเดี๋ยวนี้ที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะฉะนั้นก็ต้องอดทนต่อไปใช่ไหม?? จับด้ามมีด ... กว่าจะมั่นคง ... ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนอย่างไรก็ยังไม่มีทางจะไปจับได้!! ฟังแล้วไม่ท้อถอยหนทางเดียวที่จะออกจากสังสารวัฏ แต่ถ้าฟังแล้วท้อถอยก็ยังคงไม่รู้ความจริง ถ้ายังเหลือสิ่งที่ไม่รู้จะละความไม่รู้ไม่ได้ ... เพราะฉะนั้นต้องตรงยิ่งขึ้นจึงจะค่อยๆ ละความอยากและความไม่รู้ที่ลวงอยู่ตลอดเวลา

ให้รู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วอยู่ไหน ... ขณะนี้ทุกคำ!!

ฟังจบแล้วอยู่ไหน ... เดี๋ยวนี้ ... แต่ไม่เคยคิดเลย คิดว่าเข้าใจเรื่องราวหมดแล้ว แต่อยู่ไหนไม่รู้ไม่สนใจแล้วจะเข้าใจได้อย่างไรแม้กำลังมีเดี๋ยวนี้!!!

ค่อยๆ เข้าใกล้ตัวจริงที่ถูกปิดบังไว้ด้วยความไม่รู้มานานเท่าไหร่?! ต้องมั่นคงระดับไหนจึงค่อยๆ ใกล้ค่อยๆ เข้าใจจนกระทั่งมั่นคงเข้าใจว่าอะไรจริงเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่เข้าใจเดี๋ยวนี้ไร้ประโยชน์จริงๆ

สัตว์ทั้งหลายมีอวิชชาเป็นเครื่องกั้นไว้ ... ค่อยๆ ใกล้จนค่อยๆ รู้ความจริงซึ่งต้องอาศัยการเวลาอบรมอย่างยาวนาน


ความคิดเห็น 2    โดย nattawan  วันที่ 25 พ.ย. 2568

ภิกษุเป็นผู้เห็นภัยในสังสารอย่างไร?! เห็นเกิดและดับไม่ใช่เรา ไม่มีเราเกิดดับ เพราะฉะนั้นเห็นไม่ใช่เรา แต่เดี๋ยวนี้เห็นยังเป็นเราเห็น ... แค่นี้เป็นภัยหรือยัง?!! ต้องละเอียดปานใดข้ามไม่ได้เลย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีอะไรไปละคลายความเป็นเราที่ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็น เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงต้องทรงแสดงว่าภัยคืออะไร

ภัยที่น่ากลัวกว่าการเกิดในนรกคือความเห็นผิดว่าเป็นเรา เห็นไหมว่าภัยอะไรที่ยิ่งใหญ่ อยู่ใกล้ที่สุดแต่ไม่รู้เลยว่าภัยอยู่ไหน ... กว่าจะเห็นภัยในขณะนี้ รู้ได้ทุกขณะเมื่อมีปัญญารู้ความจริงจึงจะเห็นภัยทุกขณะลึกซึ้งอย่างยิ่งตามลำดับของปัญญา

ขณะนั้นเป็นภัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ถ้าไม่ละเอียด เพราะฉะนั้นฟังธรรมะด้วยความเคารพยิ่ง เมื่อเข้าใจขึ้นรู้จักพระพุทธเจ้ามากขึ้น แมีเข้าใจเล็กน้อยก็มีคุณค่ายิ่ง เป็นประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏเมื่อมีความเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟังว่าความไม่รู้คืออะไร ... ไม่เข้าใจแค่ไหน ... เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเลือกไม่ได้ ... ประโยชน์จริงๆ คือรู้ว่าขณะนี้เป็นอะไรตรงตามความเป็นจริงที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

อกุศลทั้งหลายไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้เลย ปัญญาที่อบรมแล้วจึงละจได้ ถ้าไม่รู้ละไม่ได้

ประโยชน์ที่สุดในสังสารวัฏขณะที่ได้ฟัง สะสมไปจนกว่าจะได้รู้ความจริงตามความเป็นจริงเดี๋ยวนี้!! ภัยน่ากลัวไหม??!!

การจะได้เห็นภายในวัฏฏะจริงๆ นั้นไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นจึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ทำให้พ้นจากภัยทั้งปวงขณะที่ปัญญาเกิดขึ้น


ความคิดเห็น 3    โดย nattawan  วันที่ 25 พ.ย. 2568

มั่นคงที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริงค่อยๆ ฟันฝ่ากิเลสอกุศลทั้งปวง เห็นประโยชน์ของการรู้ว่าความจริงเดี๋ยวนี้ลึกซึ้งตรงตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว จึงเป็นขั้นแรกที่จะนำไปสู่การละความไม่รู้ของธรรมะเดี๋ยวนี้ว่าไม่ใช่เรา ... เห็นประโยชน์หรือยัง?! ค่อยๆ รู้ความจริงที่ลึกซึ้งไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ฟังค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาเพื่อค่อยๆ ละความไม่รู้ มิฉะนั้นจะไม่รู้จักพระพุทธเจ้า

บุคคลเมื่อไม่รังเกียจกิเลสทั้งหลายย่อมไม่มีทางที่จะยกศีรษะขึ้นจากทุกข์ในวัฏฏะได้

การจะรังเกียจกิเลสจริงๆ คือรู้ว่ากิเลสไม่ดี เมื่อไม่ดีแล้วยังชอบหรือ ... รังเกียจหรือเปล่า??

ตราบใดที่ยังเห็นเป็นใครเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงว่าไม่มี มีเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ต้องอาศัยกาลเวลาและความตรง จึงจะมีปัจจัยให้เริ่มระลึกตรงตามสิ่งที่ปรากฏ จึงต้องอาศัยการฟังพระธรรมต่อไปว่ามีแต่ธรรมะเท่านั้น ... ประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏเริ่มเห็นว่ามีค่ามากกว่าสิ่งใดทั้งสิ้นเพราะความจรองหามีไม่ แค่เกิดและดับเท่านั้น ไม่ใช่หวัง ไม่ใช่ไปทำอะไร ... แต่สิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้เข้าใจแค่ไหน ขาดการฟังไม่ได้เลย ทุกครั้งที่ได้ฟัง ได้สะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้น

แต่ละคำที่พระพุทธเจ้าตรัสควรค่าอย่างยิ่งที่จะได้ฟัง เป็นตัวจริงของธรรมะทั้งหมด เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะฟังอะไรก็ตามแต่เริ่มเข้าใจธรรมะเป็นสิ่งอื่นไม่ได้ ... ลึกซึ้งปานใด ... เคยเป็นคนเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดแต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ ... ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ... นี่แหละความละเอียดลึกซึ้งของธรรมะ!!!

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 25 พ.ย. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ