ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๑

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนาน บารมี ๑๐ อย่าง ยากที่ใครจะทำได้ และทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมให้เราเข้าใจ แล้วอะไรเป็นเครื่องสักการะ ไม่ใช่ดอกไม้ ไม่ใช่ธูปเทียน ไม่ใช่แก้วแหวนเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีพระมหากรุณาที่จะให้คนได้เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็บูชาพระองค์ด้วยการศึกษาและเข้าใจพระธรรม นั่นจึงจะเป็นการบูชาที่ถูกต้อง
~ ในขณะที่พระโพธิสัตว์ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังมีอกุศลอยู่ เพราะฉะนั้น บางขณะในบางพระชาติ ก็ยังมีอกุศลกรรม แต่ไม่มีการพูดคำไม่จริง เพราะว่าเป็นสัจจบารมี นี่เป็นสิ่งซึ่งจะเห็นได้จริงๆ ว่าถ้าเป็นผู้ที่จะรู้ความจริง ก็ต้องจริงตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น คำไม่จริง นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ควรใช่ไหม ถ้าเข้าใจว่าเป็นโทษ เพราะว่าถ้าเราทำบ่อยๆ ก็เป็นนิสัย และไม่กล้าที่จะพูดความจริงด้วย แสดงให้เห็นถึงความไม่อาจหาญ ไม่กล้าที่จะเผชิญความจริง ที่จะรู้ความจริง เพราะฉะนั้น คนที่เป็นอย่างนั้น จะไม่มีโอกาสรู้ความจริงได้ ทั้งๆ ที่เดี๋ยวนี้ก็มีสิ่งที่มีจริงก็ไม่สามารถจะรู้ได้
~ คนดีอยู่ที่ไหนก็มีความสุข แต่เป็นคนดีก็ยาก ใครจะเป็นคนดีได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยากจะเป็นคนร้าย แต่ก็เป็นคนร้ายบ้างเป็นคนดีบ้าง แต่ว่าจะยิ่งดีขึ้นได้อย่างไร มาถึงที่พึ่งแล้วใช่หรือไม่ พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ถึงที่สุดทุกประการ เป็นที่พึ่ง
~ เร ายังมีกิเลสอยู่ เราก็เป็นโลภะบ้าง เดี๋ยวโทสะบ้าง เดี๋ยวมานะบ้าง เดี๋ยวนอนไม่หลับทั้งคืนบ้าง ก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้น เราก็เห็นโทษเห็นภัย และเราจะเห็นว่าวิถีชีวิตจริงๆ ของเราควรจะเป็นอย่างไร และเราก็มีลาภอันประเสริฐได้เกิดในเมืองที่ยังมีธรรม เป็นโอกาสที่ดียิ่งที่กุศลในอดีตของเราทำให้เราได้มีโอกาสเพิ่มเติมกุศล และต้องเพิ่มมากๆ ด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปขณะไหน
~ ชาตินี้เป็นอดีตของชาติหน้า ทำอะไรไว้ในชาตินี้ไม่มีทางที่จะรู้ได้เมื่อถึงชาติหน้า แต่รู้ได้จริงๆ ในชาตินี้ว่าทำอะไร เพราะชาตินี้เป็นอดีตของชาติหน้า ชัดเจนไม่ต้องถามใคร แต่พอถึงชาติหน้าลืมหมด ทำอะไรไว้ก็ไม่รู้ ใช่ไหม? คิดถึงว่าชาติก่อนเราทำดี ชั่ว แค่ไหนไม่มีทางรู้ แต่ดี ชั่ว ทุกวันเดี๋ยวนี้แหละเป็นสิ่งที่รู้ได้ในชาตินี้
~ ปัญญาจะนำไปในกิจทั้งปวงซึ่งเป็นเรื่องฝ่ายดีทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เราเห็นการกระทำซึ่งไม่ดีเกิดจากจิตที่ไม่ดี เกิดจากความไม่รู้ต่างๆ ก็รู้ได้เลยไม่มีทางที่จะดีถ้าไม่เข้าใจธรรม
~ เกิดมาเป็นธรรมหมด เห็นก็เป็นธรรม ได้ยินก็เป็นธรรม สุขก็เป็นธรรม ทุกข์ก็เป็นธรรม ต้องไม่ลืม ทุกอย่างไม่เว้นเลย สิ่งที่มีจริงทั้งหมดนั่นแหละเป็นธรรม แต่เมื่อไม่รู้ว่าเป็นธรรม ความไม่รู้ก็ทำให้ยึดถือสิ่งที่มีว่าเป็นเรา เมื่อเป็นเราก็รักเรา ทุกอย่างเพื่อเรา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา" แค่ประโยคนี้ ถ้าเราไม่ทิ้งจะคุ้มครองเราไม่ให้ตกไปในทางที่ผิด จะประคับประคองไป
~ ปัญญาสามารถเกิดขึ้น ไม่มีใครไปบังคับ ถ้าไม่มีปัจจัยพอปัญญาเกิดไม่ได้เลย จะพยายามหาทางสักเท่าไหร่ที่จะให้รู้ว่าไม่ใช่เรา เป็นไปไม่ได้ เห็นความเป็นอนัตตามั่นคงขึ้น เพราะว่าแม้แต่แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทำให้เกิดความเข้าใจถูกตามลำดับ เมื่อพิจารณาไตร่ตรองแม้คำพูดสั้นๆ แต่จริง ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏจริงๆ ใช่ไหม
~ ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นธรรมแต่ละอย่างซึ่งเกิดขึ้น แต่ไม่รู้จึงเป็นเราแต่ละภพแต่ละชาติ เกิดมาเป็นคนโน้น คนนี้ ต่อไปเป็นใคร แต่ก็คือธรรมทั้งหมด
~ ปัญญาต้องเป็นความเข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังมีตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น จากความมืดไม่เคยฟังธรรม ไม่เคยรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้ยินคำที่ทำให้เริ่มเข้าใจว่าที่ตัว ตรงไหนเป็นเรา? เป็นแต่สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ แล้วแต่จะแข็ง อ่อน เย็น ร้อน ตึง ไหว หรือว่าเป็นเสียง เป็นกลิ่น เป็นอะไรต่างๆ แล้วก็มีสภาพรู้ซึ่งเกิดดับตลอดเวลา
~ คนที่เกิดอกุศลและรู้ว่า "อกุศลน่ารังเกียจ เป็นภัย" ผู้นั้นมีปัญญาจึงเห็นอย่างนั้น ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีปัญญา กุศลทั้งหลายจึงจะเป็นบารมี เพราะว่าอาศัยปัญญานั่นเองรู้โทษของอกุศล ถ้าไม่มีปัญญาไม่รู้โทษของอกุศล ก็ไม่ใช่บารมี
~ การช่วยกิจธุระของคนอื่นหรือช่วยแบ่งเบาภาระของคนอื่น ช่วยคนอื่นเท่าที่จะช่วยได้ ขณะนั้นรู้สึกตัวได้ทันทีว่าต้องมีความเพียรจึงจะทำได้ มิฉะนั้นแล้วจะทำทำไม ใช่ไหม ลำบากเปล่าๆ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่จะขัดเกลากิเลสต้องมีความประพฤติอย่างพระโพธิสัตว์ด้วย คือ พึงปรารภความเพียรในประโยชน์ของสัตว์นั้นๆ ไม่ว่าจะมีใครที่ผ่านมาในชีวิตซึ่งท่านสามารถเกื้อกูลได้แม้ด้วยวาจา แม้ด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์
*** ~ เวลาที่มีอันตราย ที่พึ่งจริงๆ ไม่มีอื่นนอกจากกุศลธรรม ถ้าใครกำลังตกอยู่ในอันตรายและระลึกถึงพระธรรม จิตในขณะนั้นย่อม เป็นกุศล จะไม่มีความหวาดกลัวหรือหวั่นเกรงภัย เพราะสิ่งใดจะเกิด สิ่งนั้นก็ต้องเกิด และถ้าเกิดในขณะที่ผู้นั้นสามารถมีกุศลจิต ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยด้วยความมั่นคง เป็นผู้ที่เชื่อในเรื่องของกรรม เรื่องของวิบาก จิตในขณะนั้นผ่องใสเป็นกุศล ก็ต้องเป็นสิ่งที่ดี***
~ ทุกคนต้องการสิ่งที่ดี แต่ทำไมประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เพราะเหตุไม่ดีที่ได้ทำไว้ต้องตรงกับผล ใครทำให้ได้ไหม? อย่าโกรธใคร เพราะเขาไม่ได้ทำ เราทำเอง
~ โอกาสที่จะทำความดีเมื่อไหร่ ถ้าไม่ทำขณะนั้นก็เป็นอกุศล ก็สะสมอกุศลต่อไป เพราะฉะนั้น ผลที่เห็นก็คือว่าชีวิตที่ยากเข็ญของชาวโลกทั้งหมด ซึ่งต้องเป็นไปตามกรรม เพราะไม่รู้ว่าเหตุไรจึงเป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่มีความรู้มีความเข้าใจและเห็นโทษของความไม่รู้ ก็จะเริ่มเข้าใจความจริง และปัญญานั้นก็จะค่อยๆ ละความไม่รู้ จนกระทั่งสามารถที่จะละความเห็นแก่ตัว เพราะรู้ว่าไม่มีตัว
~ การสะสมความคิดของแต่ละคนในแต่ละวัน จะค่อยๆ ปรับปรุงเจริญขึ้นทางฝ่ายกุศล ทางฝ่ายปัญญา จนกว่าจะเป็นไปตามคลองของสภาพธรรมที่จะพิจารณาเห็นว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล และพิจารณารู้ถึงเหตุปัจจัยของสภาพธรรมนั้นๆ ด้วย
~ อวิชชามีมาก แต่ปัญญาที่เริ่มเข้าใจก็เริ่มสะสมสืบต่ออยู่ในจิต ไม่หายไปไหนเลย ต้องอยู่อย่างนั้นเอง เพียงแต่ว่าจะเติบโต เจริญขึ้นมากน้อยเท่าไหร่ในแต่ละครั้งที่ได้ฟังธรรม
~ ถ้าเราไม่รู้ว่าเรามีกิเลส เราจะละกิเลสไหม มีแต่พอกเข้าไปๆ
~ เห็นโทษของอกุศลว่าโทษนั้น ไม่ได้เป็นโทษของคนอื่นทั้งสิ้น แต่เป็นของตัวเองทั้งนั้น แล้วยังจะเพิ่มโทษให้กับตนเองทุกวันหรือ?
~ บารมีคือคุณความดีทุกประการที่ขณะนั้นเพราะเกิดกุศล อกุศลเกิดไม่ได้ ค่อยๆ เพิ่มทางฝ่ายกุศลขึ้น ตามกำลังของปัญญา
*** ~ ทุกคนก็ต้องตาย ก่อนจะตาย ดีต่อกัน ทำดีต่อกัน จะได้ไม่ต้องเสียใจ***
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๑๐


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ