มีภาวะที่เป็นธรรมะที่ไม่ลืมที่จะเข้าใจ
โดย เมตตา  18 ก.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 50956

[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 733

พระโยคาวจรนั้น เมื่อพิเคราะห์ดูว่า เบญจขันธ์เหล่านี้มีอะไรเป็นเหตุ ก็จะเห็นว่า มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ. แต่นั้นพระโยคาวจรจะยก (เบญจขันธ์) ขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ด้วยอํานาจนามรูป พร้อมทั้งปัจจัยว่านี้เป็น (เพียง) ปัจจัย และสิ่งที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น ไม่มีอย่างอื่นที่เป็นสัตว์หรือบุคคล มีเพียงกองสังขารล้วนๆ เท่านั้น แล้วพิจารณาตรวจตราไปว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลําดับแห่งวิปัสสนา.


อ.วิชัย: ท่านอาจารย์ครับ ถ้าไม่กล่าวถึงความมืด ก็ดูเหมือนว่าอยู่ในโลกสว่าง แต่เมื่อพิเคราะห์ที่ได้ฟัง คำ ที่หยั่งลงไปในความเป็นจริง แม้ขันธ์ก็ดูเหมือนจะเข้าใจในขั้นฟัง แต่ว่า ก็ไม่ได้เป็นความเข้าใจในขันธ์จริงๆ ซึ่งขันธ์ก็ยังอยู่ในความมืดอยู่ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จึงมีปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธะ แต่ละระดับลึกซึ้งตามลำดับ

อ.วิชัย: ครับ ขอโอาส ข้อความต่อไปครับ แต่นั้นพระโยคาวร จะยกเบญจขันธ์ขึ้นสู่ไตรลักษณะด้วยอำนาจนามรูป พร้อมทั้งปัจจัย

ท่านอาจารย์: ยกได้ไหม?

อ.วิชัย: ยกไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: ต้องรู้แล้วว่า ต้องหมายความว่าอะไร

อ.วิชัย: ต้องรู้ หมายความว่า รู้ความเป็นจริงของสิ่งนั้น

ท่านอาจารย์: มีภาวะที่เป็นธรรมะที่ไม่ลืมที่จะเข้าใจ ไม่ใช่ตัวตนที่ไปยก หรืออะไรทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจความจริงของภาวะที่มีจริง ไม่ใช่ไปคิดเอาเองตามคำ จะยกกันล่ะ ยกขึ้นมาซิ ยกขันธ์ไหนล่ะ? ยกกันใหญ่ ยกได้หรือ?

อะไรล่ะ ที่ไม่ลืม เห็นไหม? แล้วใช้คำว่า ยก อยู่ไหนก็ไม่รู้!! แต่เกิดจึงมี

อ.วิชัย: ครับ ดังนั้น สติเกิด ไม่ลืมครับ แล้วปัญญาก็รู้ตามความเป็นจริง หมายความว่าในความหมายนี้จะกล่าวอย่างนี้ได้ไหมครับว่า จากความไม่รู้ความเป็นจริง ก็คือความจริงก็ปรากฏขึ้นเหมือนกับการยกขึ้น แต่ว่า ก็คงไม่ได้ไปติดในคำครับ

ท่านอาจารย์: พูดใหม่สั้นๆ

อ.วิชัย: หมายความว่า ปกติไม่รู้ตามความเป็นจริงครับ เห็นความไม่เที่ยง ...

ท่านอาจารย์: แค่นี้ก่อน ปกติไม่รู้ตามความเป็นจริง ถูกต้องไหม?

อ.วิชัย: ถูกต้องครับ

ท่านอาจารย์: ทีละคำ ต่อไปนะ ปกติไม่รู้ตามความเป็นจริง แล้วต่อไป

อ.วิชัย: แล้วมีความเข้าใจขึ้น ก็เปรียบเหมือนการยกขึ้นที่จะให้รู้ตามความเป็นจริง

ท่านอาจารย์: คำนี้นะ หรือพูดเอง

อ.วิชัย: อันนี้พูดเองครับ

ท่านอาจารย์: อ่านข้อความนั้นซิ

อ.วิชัย: ครับ ท่านแสดงว่า แต่นั้นพระโยคาวจรจะยกเบญจขันธ์สู่ไตรลักษณะด้วยอำนาจนามรูป ...

ท่านอาจารย์: แค่นี้ก่อน แค่นี้ก่อน!! พระโยคาวรจะยก เก่งนะ!! นี่หรือคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ยก

แต่ต้องเข้าใจความหมาย ไม่มีความเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น ไหนเป็นไหน แม้โดยพยัญชนะจะยก ก็ยกไม่ถูกใช่ไหมล่ะ ไม่รู้อะไร!!

อ.วิชัย: ใช่ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น คำว่า ยก ก็คือว่า เป็นภาวะที่ไม่ลืมสิ่งที่ได้ฟังมาแล้ว แต่ไม่ใช่ตัวตน หรือภาวะนั้นไปยก แต่ระลึกได้ ถ้าระลึกไม่ได้ ไหนล่ะจะยก?

อ.วิชัย: ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ต้องฟังด้วยความเข้าใจในความเป็นจริง ไม่ใช่ไปทำตามพยัญชนะ

เพราะฉะนั้น ต่อไปทีละคำค่ะ

อ.วิชัย: แต่นั้น พระโยคาวจรจะยกเบญจขันธ์ ..

ท่านอาจารย์: จะยกไม่ได้แล้วนะๆ เข้าใจแล้วนะ

อ.วิชัย: จะยกไม่ได้ครับ

ท่านอา จารย์: เพราะฉะนั้น ต้องมีความเข้าใจอยู่ใช่ไหม?

อ.วิชัย: ครับ

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่เข้าใจจะนึกถึงจะใช้คำว่า ยกอะไร ก็ไม่ได้ทั้งสิ้น ถึงใช้คำว่ายกก็ต้องเข้าใจ แต่ความจริงไม่ใช่ยก

ขอเชิญอ่านได้ที่ ..

ขันธ์ ๕ มีอวิชชาเป็นต้นเป็นเหตุ [อรรถกถาสติปัฏฐานสูตร]

พระธรรมกับการดำเนินชีวิต [ปริยัติ-ปฏิบัติ-ปฏิเวธ]

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.ย. 2568

ต้องฟังด้วยความเข้าใจในความเป็นจริง ไม่ใช่ไปทำตามพยัญชนะ เพราะฉะนั้น จึงมีปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธะ แต่ละระดับลึกซึ้งตามลำดับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ