ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ๕๒๑
โดย khampan.a  15 ส.ค. 2564
หัวข้อหมายเลข 35416

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
* * ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ครั้งที่ ๕๒๑ * *

~ มีใครเป็นที่พึ่งที่สูงสุดในชีวิต ซึ่งไม่มีทางที่จะผิดเลย ผู้นั้น คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เมื่อได้ยินคำว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความเคารพในคำของพระองค์ที่ทรงแสดงเพื่อประโยชน์ทั้งหมดตลอด ๔๕ พรรษา คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อทุกคน
~ การฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ได้ฟังพระธรรมเหมือนได้เฝ้าเฉพาะพระพักตร์ฟังทุกคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วเพื่อผู้ที่มีโอกาสมีปัจจัยที่จะได้ฟังจะได้ไตร่ตรอง พิจารณา ประโยชน์อย่างยิ่งคือ ความเข้าใจของตนเอง ซึ่งความเข้าใจนี้ไม่ง่าย เพราะว่า คำนั้นเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสจากการที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานกว่าจะรู้ความจริง เพราะฉะนั้น แต่ละคำที่ตรัส ก็มาจากพระปัญญาคุณที่ได้ตรัสรู้ความจริง
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ จากความไม่รู้ ทำให้เกิดความเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน และก็มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถได้รับประโยชน์จากการที่ได้ฟังคำของพระองค์
~ ไม่มีใครที่จะมีความหวังดีเป็นมิตรพร้อมที่จะเกื้อกูลเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้อความในพระไตรปิฎกก็แสดงชัดเจน ว่า มิตรคือบุคคลผู้ที่หวังดีที่สุด ไม่มีใครเปรียบได้เลยเหนือกว่ากัลยาณมิตรใดๆ ทั้งสิ้น ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมทุกคำของพระองค์ เป็นที่พึ่ง
~ เหตุที่ไม่ดี เกิดแล้ว จะนำมาซึ่งผลที่ไม่ดีในวันหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่า ผลที่จะเกิดขึ้นนั้น จะมาในลักษณะใด ซึ่งไม่มีใครชอบ
~ ถ้าไม่ชอบผลที่ไม่ดี ก็ต้องทำเหตุที่ดีเท่านั้น
~ ควรจะเป็นคนดีไหม? แค่นี้ เคยคิดบ้างไหม ว่า ในวันหนึ่งๆ เราเห็นคนไม่ดี คนชั่ว คนทำทุจริตมากมาย จะเป็นอย่างนั้นไหม? และใครก็จะมารับผิดชอบแทนเรา ไม่ได้
~ เกิดมาแล้วก็ต้องตาย ชีวิตแสนสั้น แต่ว่า ตลอดชีวิตได้กระทำเหตุที่ไม่ดี ซึ่งผลต้องเกิดตามมาแน่นอน แต่เมื่อไหร่เราไม่สามารถที่จะรู้ได้ ต่อเมื่อใดเรารู้ว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล เราก็จะค่อยๆ มั่นคงในความดีเพิ่มขึ้น แล้วใครจะบอกเรา? นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงความจริงทุกอย่างโดยละเอียดยิ่ง
~ เริ่มไตร่ตรอง เพราะว่า เป็นปัญญาของแต่ละคน ไม่ใช่ให้เชื่อ แต่ให้คิดพิจารณาไตร่ตรอง นี่คือ มรดกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประทานให้ผู้ที่ฟังพระธรรม ได้เกิดสิ่งที่มีค่าที่สุด คือ ความเข้าใจถูกต้อง ถ้าไม่เคยได้ยิน ก็ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
~ หนึ่งขณะที่สิ่งใดมีในขณะนี้ สิ่งนั้นจริง เช่น เห็น จริง เมื่อกำลังเห็น ถ้าไม่เห็นแล้ว ดับไปแล้ว หมดแล้ว เมื่อเห็นแล้ว ดับแล้ว อยู่ไหน จะตามหาที่ไหนในโลกไหน ก็ไม่มี เพราะฉะนั้น ให้รู้ความจริงว่า สิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ เป็นความจริงแท้ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปแล้วไม่กลับมาอีก รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆ นั่นแหละ เป็นปัญญา
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ไม่ผิด แล้วก็ทำให้เข้าใจในเหตุในผล ชัดเจน
~ พระพุทธศาสนา คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้คนรู้จักความจริงถึงที่สุด สิ่งใดที่ถูก ก็ถูก สิ่งใด ที่ดี ก็ดี สิ่งใด ที่เลว ก็เลว ไม่ปะปนกัน เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจในโทษของความไม่ดี มีหรือที่คนที่รู้ความจริงแล้วจะทำชั่ว
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ทำให้ค่อยๆ มีความเห็นที่ถูกต้อง เกิดปัญญา มีความรู้ ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรหรือไม่ควร ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะว่า ถ้าหลงเข้าใจ ว่า สิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ดี คนนั้นก็ทำชั่ว ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ใดๆ เลย
~ คนที่จะเข้าใจความจริง ต้องเป็นผู้ตรง เพราะว่า ความจริง ตรง ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ดี คือ ดี ชั่ว คือ ชั่ว
~ คนที่เป็นเพื่อนดี ต้องพร้อมที่จะให้สิ่งที่ดีกับคนอื่น พร้อมที่จะให้ความเข้าใจถูกความเห็นถูก เราจะไม่ให้สิ่งที่ผิดเลย พระสัมพุทธเจ้าทรงเป็นยอดของกัลยาณมิตร ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ที่หวังดีเกินกว่าพระองค์ เพราะฉะนั้น ความหวังดีของพระองค์ทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา เพราะฉะนั้น เราหวังดีเมื่อเราเห็นคนที่เข้าใจผิดไม่เข้าใจธรรม ก็ให้เขาได้เข้าใจถูกต้อง ว่า สิ่งนั้นถูกหรือผิด ต้องเป็นคนตรง ถ้าไม่ตรง แก้ปัญหาไม่ได้ ไม่มีทางที่ประเทศจะมั่นคงได้
~ ถ้าเราไม่ดีคนหนึ่ง แล้วคนอื่นก็ไม่ดีคนหนึ่ง ไม่ดีคนหนึ่งไปเรื่อยๆ ทั้งประเทศ ก็ไม่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าเราเริ่มมีความเข้าใจธรรมและเป็นคนดี ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็ยังดีกว่าไม่แก้ไขเลย
~ พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งให้เป็นคนดี ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ยังรวมถึงชาติต่อๆ ไปอีกในสังสารวัฏฏ์ เพราะว่า ส่วนใหญ่ เราคิดง่าย คิดสั้นเฉพาะชาตินี้ ทำไมไม่คิดถึงโครงการสังสารวัฏฏ์ ที่จะต้องเป็นคนดีต่อไป
~ ธรรมคือสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงนี้ มากมายหลากหลาย เพราะฉะนั้น จะใช้กี่คำ? แต่เมื่อประมวลแล้ว ก็คือ ธรรม สิ่งที่มีจริงทั้งหมด
~ ความโกรธเมื่อวานนี้ ดับเมื่อวานนี้ แต่วันนี้โกรธใหม่ ไม่ใช่โกรธเก่า เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งขณะสิ่งที่เกิดแล้ว จะไม่ซ้ำเลย ไม่ใช่ว่าอันเดิมจะกลับมาอีก
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่เริ่มฟังจนกระทั่งประจักษ์แจ้ง เป็นปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าตอนต้น ไม่เริ่มจากความเห็นถูก ก็จะผิดไปเรื่อยๆ
~ ไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วไปทำ แล้วจะรู้อะไร นอกจากเข้าใจผิด คำไม่จริงทุกคำทำลายคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น คนที่เข้าใจผิด กล่าวตู่คำของพระองค์ และเมื่อไม่เข้าใจ ก็หันหลังให้พระองค์ ไม่มีทางที่จะกลับมาอีกเลยถ้าไม่เข้าใจให้ถูกต้อง
~ คนที่ไม่เข้าใจ นั้น มีมาก จึงไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น หนทางเดียว ก็คือว่า มีทางใดที่จะช่วยให้คนได้เข้าใจอย่างถูกต้อง ก็ทำ ไม่รีรอ เพราะใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันไหน
~ ต้องเป็นคนที่อาจหาญ เกิดมาแล้วต้องตายทุกคน ก่อนตาย ก็ทำดี และทำดีต้องเข้าใจธรรมด้วย เพราะถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็ดีได้เฉพาะเพียงส่วนที่สะสมมา แต่ว่าถ้าดีเพราะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น ความดีนั้นก็เพิ่มขึ้น มากขึ้น ไม่เห็นจะต้องกลัวตายเลย เพราะถึงอย่างไรก็ต้องตายกันทุกคน วันนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ตายที่ไหนก็ได้
~ บุญคือขณะที่กุศลจิต สภาพธรรมที่ดีงามเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ความเห็นถูกความเข้าใจถูกในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเหตุว่า ถ้าเข้าใจผิด ก็เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำไม่จริง ทำลายคำจริง


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๒๐



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 15 ส.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย kukeart  วันที่ 15 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย petsin.90  วันที่ 15 ส.ค. 2564

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย Kalaya  วันที่ 15 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณค่ะและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย มังกรทอง  วันที่ 15 ส.ค. 2564

คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่เริ่มฟังจนกระทั่งประจักษ์แจ้ง เป็นปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งถ้าตอนต้น ไม่เริ่มจากความเห็นถูก ก็จะผิดไปเรื่อยๆ

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 6    โดย Jans  วันที่ 15 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย เมตตา  วันที่ 16 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณ และยินดียิ่งในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย jaturong  วันที่ 16 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย Lai  วันที่ 16 ส.ค. 2564

อนุโมทนาค่ะคุณคุณคำปั่น


ความคิดเห็น 10    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ส.ค. 2564

ไม่มีใครที่จะมีความหวังดีเป็นมิตรพร้อมที่จะเกื้อกูลเท่ากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้อความในพระไตรปิฎกก็แสดงชัดเจน ว่า มิตรคือบุคคลผู้ที่หวังดีที่สุด ไม่มีใครเปรียบได้เลยเหนือกว่ากัลยาณมิตรใดๆ ทั้งสิ้น ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมทุกคำของพระองค์ เป็นที่พึ่ง น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 11    โดย Sottipa  วันที่ 16 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 16 ส.ค. 2564

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย มังกรทอง  วันที่ 16 ส.ค. 2564

ต้องเป็นคนที่อาจหาญ เกิดมาแล้วต้องตายทุกคน ก่อนตาย ก็ทำดี และทำดีต้องเข้าใจธรรมด้วย เพราะถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็ดีได้เฉพาะเพียงส่วนที่สะสมมา แต่ว่าถ้าดีเพราะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น ความดีนั้นก็เพิ่มขึ้น มากขึ้น ไม่เห็นจะต้องกลัวตายเลย เพราะถึงอย่างไรก็ต้องตายกันทุกคน วันนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ตายที่ไหนก็ได้

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 14    โดย เข้าใจ  วันที่ 16 ส.ค. 2564

กราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 15    โดย natthayapinthong339  วันที่ 17 ส.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 16    โดย มังกรทอง  วันที่ 18 ส.ค. 2564

ถ้าเราไม่ดีคนหนึ่ง แล้วคนอื่นก็ไม่ดีคนหนึ่ง ไม่ดีคนหนึ่งไปเรื่อยๆ ทั้งประเทศ ก็ไม่ดี เพราะฉะนั้น ถ้าเราเริ่มมีความเข้าใจธรรมและเป็นคนดี ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็ยังดีกว่าไม่แก้ไขเลย

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ