ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒๓
โดย khampan.a  29 ก.ย. 2562
หัวข้อหมายเลข 31202

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒๓

~ เป็นสิ่งที่น้อยคนจะคิด ว่า พระพุทธศาสนาที่ทุกคนนับถือสูงสุด (แต่ละคน) เข้าใจแค่ไหน?
~ วัด คือ ที่อยู่ของผู้สงบจากกิเลสในเพศของบรรพชิต วัดไม่ใช่ตลาดนัด วัดไม่ใช่ที่ทำมหรสพต่างๆ ใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะเหตุว่า เป็นที่ของผู้สงบ แล้วจะไปให้มีสิ่งที่ไม่สงบในวัดได้อย่างไร
~ เราหวังว่า ต้องมีพระภิกษุ ไม่มีพระภิกษุ ไม่ได้ ถูกต้องไหม?แทนที่จะเข้าใจว่าต้องมีผู้เข้าใจพระธรรมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม พระพุทธศาสนาจึงจะดำรงต่อไปได้ เพราะว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัดวาอารามอิฐหินปูนทราย แต่อยู่ที่ผู้ที่เข้าใจพระธรรมและเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้องด้วย
~ สิ่งที่กำลังมีตั้งแต่เกิดจนตายทุกขณะ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพในการตรัสรู้ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ที่จะให้คนอื่นหลังจากที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้วได้เข้าใจคำของพระองค์ เพราะว่า ถ้าไม่มีการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครสามารถที่จะเข้าใจอะไรที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้เลย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณที่ตรัสคำที่คนอื่นไม่สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง และเมื่อได้ฟังแล้ว ก็จะรู้ได้จริงๆ ว่าเป็นคำที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง มิฉะนั้นแล้วพระองค์ก็จะไม่ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานมากกว่าจะได้รู้ความจริง
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ทั้งหมด ทุกสมัย เปลี่ยนไม่ได้เลย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้คนสวดพูดตามโดยไม่เข้าใจ หรือว่า ทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้คนฟังเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง? เพราะฉะนั้น ควรที่จะได้เข้าใจด้วย ว่า จะพูดคำที่ไม่รู้จัก แล้วก็เสียเวลาเป็นชั่วโมง กับ การที่เวลาหนึ่งชั่วโมง จะฟังพระธรรมให้เข้าใจ อะไรจะเป็นประโยชน์กว่ากัน? ก็จะต้องเป็นผู้ตรง
~ เราจะเอากรรมของเราที่ได้กระทำแล้ว ไปให้คนอื่นรับผล เป็นไปไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ คำพูดที่มักจะมีผู้กล่าว คือ ทำไมถึงต้องเป็นเรา สงสัยเหลือเกิน แต่คำตอบ ก็คือว่า เพราะต้องเป็นเรา ตามกรรมที่ได้กระทำแล้ว
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้เหตุและผลซึ่งเป็นสภาพธรรมทั้งหมด ตรงตามความเป็นจริง ซึ่งละเอียดยิ่ง ได้ฟังแล้ว ก็รู้ว่า ไม่มีเรา แต่มีธรรมซึ่งเป็นเหตุและเป็นผล
~ ความเข้าใจความเป็นจริงของธรรม ก็จะนำไปสู่กุศลทั้งปวง ไม่รั้งรอโอกาสด้วย เพราะใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปวันไหน เดี๋ยวนี้ก็ได้ เย็นนี้ก็ได้
~ โอกาสที่จะทำความดีหายาก เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะทำความดีเมื่อไหร่ ถ้าไม่ทำ ขณะนั้น ก็เป็นอกุศล ก็สะสมอกุศลต่อไป
~ ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ความเข้าใจและเห็นโทษของความไม่รู้ ก็จะเริ่มเข้าใจความจริง และปัญญาก็จะค่อยๆ ละความไม่รู้ จนกระทั่งสามารถที่จะละความเห็นแก่ตัวเพราะรู้ว่าไม่มีตัว เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ความไม่ดีทั้งหมด เป็นอกุศล มาจากความไม่รู้และการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา แต่ความจริง เราอยู่ได้กี่วัน วันไหนจะไม่ใช่เราอีก (ตาย) แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ควรทำระหว่างที่มีชีวิต ก็คือ เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อันเป็นเหตุที่จะทำให้มีความประพฤติที่ดีและค่อยๆ ละความเข้าใจ (ผิด) ว่ามีเราซึ่งทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว ก็จะหมดปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัดต้นไม้ทำลายป่า หรือว่าทุจริตต่างๆ ในทุกวงการ
~ สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุด คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ จากการที่ไม่เคยรู้เลยว่าขณะนี้ สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ กำลังเกิดดับ ก็มีความเข้าใจขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย ~ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็เป็นอนัตตา (ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น) ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้เลยจริงๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่มีความเข้าใจว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง แต่ละหนึ่งๆ
~ มีเหตุที่จะทำให้เกิดสิ่งนั้น สิ่งนั้นจึงเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เข้าใจในเหตุในผล จะไม่ใช่ผู้ที่งมงาย

~ จริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ว่าใครทำอะไร ก็ไม่ใช่ (การทำตาม) คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะเหตุว่า เขาไม่ได้ฟัง เขาไม่ได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระองค์ตรัสว่าอย่างไร และนับถืออะไร เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
~ เมื่อมีความไม่รู้ ก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความเห็นผิด แต่ธรรมทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น คำที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ก็ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ เวลาฟังธรรม ก็รู้ว่า กำลังพูดธรรม หรือว่าไม่ได้พูดธรรมเลย ถ้าพูดธรรม ก็ต้องพูดถึงสิ่งที่มีจริงที่ทำให้เข้าใจขึ้นๆ ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ แต่เมื่อไม่ได้กล่าวอย่างนี้ ก็ไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะชื่อว่า พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้ไหม? ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนาก็อันตรธานจากความเข้าใจถูก เพราะเหตุว่า ไม่มีใครเข้าใจคำที่พระองค์ตรัสไว้
~ ก็ต้องเข้าใจความหมายของคำที่ได้ฟังแล้ว คือ คำว่า พุทธมามกะ หมายถึง เป็นบุคคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เมื่อไม่ทำตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้และกล่าวเป็นอย่างอื่น จะเป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างนี้ เขาพูดอย่างอื่น แล้วจะเป็นคนของใคร? ก็เป็นคนของคนอื่น ไม่ใช่คนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ เราต้องพูดให้รู้ว่า พระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อสัตว์โลกจะได้เข้าใจถูกต้อง ขณะนี้ กำลังวิกฤต (เสื่อมอย่างหนัก) ไม่ค่อยมีคนคิด แต่ว่า จะเข้าใจให้ถูกต้อง ก็คือว่า ถ้าที่ใด ไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่นั่น จะเป็นพระพุทธศาสนา ไม่ได้
~ รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทำอย่างไร แค่รู้คุณ ก็ยังไม่พอ รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะต้องทำทุกอย่างที่จะดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้คงอยู่สำหรับบุคคลอื่นจะได้เข้าใจถูกต่อไป
~ คนที่ไม่เข้าใจธรรม มีมาก และคนที่เข้าใจธรรมผิด ก็มีมาก หนทางเดียวที่เป็นผู้ที่หวังดีต่อคนที่ไม่เข้าใจธรรมหรือเข้าใจธรรมผิด ก็คือ มีความเป็นมิตรที่จะให้สิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น สิ่งใดก็ตามที่ได้ศึกษาแล้ว ถูกต้อง ก็ควรที่จะให้คนอื่นได้รับฟังด้วย
~ เห็นผิดกันมานานเท่าไหร่แล้วในสังสารวัฏฏ์ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงอนุเคราะห์ เพราะทรงเห็นประโยชน์อย่างยิ่งของความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น เราไม่มีทางที่จะท้อถอย เพราะเหตุว่า การที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจถูกต้อง เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ? (เป็นประโยชน์) แล้วทำไมไม่ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ สามารถที่จะทำประโยชน์ได้มากกว่าเกิดในกำเนิดอื่น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงให้เห็นความจริงว่า ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล มี และ ธรรมที่เป็นกุศล ก็มี แต่ว่าตราบใดที่ศรัทธายังไม่มั่นคง อกุศลก็ต้องเกิดมาก เช่นทุกวัน ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น การได้ฟังอย่างนี้ ก็เป็นการเตือนให้แต่ละคนไม่ประมาทที่จะเห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์ของกุศลแม้เพียงเล็กน้อย
~ พระพุทธศาสนา สอนให้คนรู้จักความจริงถึงที่สุด สิ่งใดที่ถูก ก็ถูก สิ่งใด ที่ดี ก็ดี สิ่งใด ที่เลว ก็เลว ไม่ปะปนกัน เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจในโทษของความไม่ดี มีหรือที่คนที่รู้ความจริงแล้วจะทำชั่ว
~ มิตร คือ ผู้ที่หวังดีพร้อมที่จะทำประโยชน์เกื้อกูล ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัย นั่น คือ มิตร เพราะฉะนั้น การที่เรากล่าวถึงพระธรรมวินัยเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เข้าใจถูก เราเป็นมิตรหรือไม่ใช่มิตร หวังดีหรือเปล่าที่จะให้เข้าใจให้ถูกต้อง?
~ ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำไมไม่กล้าที่จะทำ และ ถ้าไม่ทิ้งสิ่งที่ผิดโดยเร็ว ก็จะสะสมสิ่งที่ผิดนั้นติดตามไปอีกมาก เพราะฉะนั้น คนที่มีความเข้าใจถูกต้อง ก็จะทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่หวั่นไหว
~ เราเกิดมาแล้ว จำไหวไหมแต่ละชาติว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง ไม่หวาดไม่ไหวเลยในแสนโกฏิกัปป์ เคยเป็นอะไรมา เคยจากโลกนั้นไปในลักษณะใด มีพี่น้องกี่คน เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แล้วก็จะต้องเป็นอย่างนี้ แต่ว่าจำได้เพียงชาตินี้ อีกไม่นานก็ลืม เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด คือ ที่จำผิดไว้ว่าเป็นเรา ควรที่จะให้น้อยลงหรือว่าควรจะให้หมดไปไหม เพราะความจริง คือ ไม่มีเรา
~ จะเกิดเมื่อไหร่ จะตายเมื่อไหร่ จะเห็นเมื่อไหร่ จะสุขเมื่อไหร่ จะเจ็บไข้ได้ป่วยเมื่อไหร่ (ล้วนเป็นเพราะ) มีเหตุที่ได้กระทำแล้ว เพราะฉะนั้น จะหวั่นไหวไหมถ้าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้กระทำแล้ว ต้องนำผลที่ดีมาให้ ถ้าไม่ชอบสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะรู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีเท่านั้นที่จะนำผลที่ไม่ดีมาให้ เปลี่ยนเหตุกับผลได้ไหม ให้เหตุไม่ดีนำมาซึ่งผลดีได้ไหม หรือว่า เหตุดีนำมาซึ่งผลที่ไม่ดีได้ไหม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรงเห็นประโยชน์ของความโทมนัส (ความเสียใจ) ใดๆ เลยทั้งสิ้น แทนที่จะมีปัญญาเข้าใจถูกต้องกลับมาเสียเวลาร้องไห้ ร้องไห้ไปได้ประโยชน์อะไร? อกุศลทั้งหลายมีประโยชน์อะไร? เพราะฉะนั้น คำจริงต่างหากที่จะทำให้เห็นค่าของปัญญาที่สามารถที่จะรู้ว่าสิ่งที่ควร สิ่งที่ถูกต้องนั้นคืออย่างไร
~ เหตุกับผลต้องตรงกัน เพราะฉะนั้น อกุศลธรรม ธรรมฝ่ายไม่ดี ก็จะต้องนำไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดี ตรงกันข้าม ธรรมฝ่ายดีก็ต้องนำไปสู่ภพภูมิที่ดี ชีวิตประจำวัน ไปนรกง่ายไหม ลองคิดดู เพราะอกุศล มาก แต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงขั้นที่กระทำทุจริตกรรม คือ เบียดเบียนให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ยังไม่ใช่เหตุที่สมควรที่จะนำไปสู่อบายภูมิ แต่ว่าสามารถที่จะสะสมสืบต่อในจิตทำให้เป็นผู้ที่มีอุปนิสัยอย่างนั้น
~ คนเราเกิดมา เราเห็นคนที่ต่างกัน คนดี คนชั่ว เพราะฉะนั้น แสดงว่าก่อนจะชั่วอย่างที่คนอื่นเห็น ก็ต้องสะสมความไม่ดีทีละเล็กทีละน้อย และคนดีก็เช่นเดียวกัน ก็ต้องสะสมคุณความดีทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็เกิดมาเป็นอย่างนั้นได้ เพราะฉะนั้น จะเป็นอย่างไหน นี่ก็เป็นสิ่งที่น่าคิด
~ ชาติหน้า อาจจะมาถึงเร็วมาก โดยไม่รู้ตัวเลย เพราะฉะนั้น เวลาที่ยังเหลืออยู่ซึ่งไม่รู้ว่าจะมากน้อยเท่าไหร่ก็ควรจะเป็นเวลาที่มีค่าที่ได้ความเข้าใจจากพระธรรม เพราะว่าสามารถที่จะทำให้เกิดเป็นมนุษย์หรือว่าเป็นเทวดาก็แล้วแต่ แต่ก็มีโอกาสได้ฟังพระธรรมต่อไป เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตในสังสารวัฏฏ์ ก็คือ การเข้าใจความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
~ ทุกอย่างเกิดแล้วดับไป ไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้น จะเป็นเราหรือจะเป็นของใคร ไม่ได้ ข้อสำคัญ คือ ต้องเกิดอีก ต้องมีคนใหม่ที่มาจากคนนี้ ดีชั่ว อย่างไร ที่ได้สะสมไว้ในชาตินี้ และในชาติก่อนๆ ก็จะติดตามสืบต่อไป เป็นคนต่อไป เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นโทษของความไม่ดี ชาตินี้ก็เป็นคนดีที่สุด เท่าที่จะดีได้ ด้วยการเข้าใจธรรมขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒๒


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย เซจาน้อย  วันที่ 29 ก.ย. 2562

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย palsawangpattanagul  วันที่ 29 ก.ย. 2562

กราบเท้าบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณท่านอ.วิทยากรผู้ทรงภูมิความรู้ท่านๆ ท่าน


ความคิดเห็น 3    โดย kukeart  วันที่ 30 ก.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย kullawat  วันที่ 30 ก.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย Khemsai  วันที่ 30 ก.ย. 2562

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย siraya  วันที่ 30 ก.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย jaturong  วันที่ 30 ก.ย. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย panasda  วันที่ 1 ต.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย suporn.thun  วันที่ 2 ต.ค. 2562

ขอกราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย Nattaya40  วันที่ 26 ต.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ สาธุๆ ค่ะ