โมหะ ๔
โดย pirmsombat  27 ม.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 24383

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สม ลักษณะที่ไม่รู้ นั้นเป็น โมหะ แต่ว่าจะเจาะจง สภาพอย่างนั้นที่ผ่านไป ก็ไมใช่

ท่านอาจารย์ แล้วมันเป็นอะไร นี่ไม่ใช่บัญญัติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องชื่อนะ เกี่ยวกับไม่รู้ไม่เห็น หรือ อะไร อย่างไร ผ่านไปแล้วไม่ได้สนใจ แต่ไมใช่ว่า เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรเพราะฉะนั้นถ้าคุณสมนึกว่าไม่ใช่ โมหะ แล้วว่าเป็นอะไร ต้องเป็นอะไร จึงจะไม่ใช่โมหะ

จารุ ตัวดำๆ ก็เป็น โมหะ

ท่านอาจารย์ ก็แล้วแต่ พระอรหันต์เห็น หรือใครเห็น

จารุ คนธรรมดาเห็น

ท่านอาจารย์ เมี่อกี้เราพูดกันเรื่อง บัญญัติ กับปรมัตถ์ เราไม่ได้พูด ว่าเพียงผ่านไป แล้วเห็น พูดถึงว่าไม่รู้ปรมัตถ์หรือไม่รู้บัญญัติ เมื่อกี้คนละเรื่อง

จารุ ถ้าไม่รู้ทั้งปรมัตถ์หรือไม่รู้บัญญัติ ก็เป็น โมหะ ทั้งนั้น

ท่านอาจารย์ พระอรหันต์เห็น มีบัญญัติได้ไหม ... ได้ ท่านเป็น โมหะไหม ... ไม่เป็น เพราะฉะนั้น เรื่องบัญญัติตัดออกไปเลย ว่าไม่จำเป็นต้องรู้บัญญัติ อ้ายตัวอะไร ดำๆ ไม่ต้องไปเรียกชื่อ ได้ แต่ใครเห็น เห็นแบบไหน แบบเป็นโลภะ สนใจ หรือเห็นแบบผ่านไปไม่สนใจเลย ไม่สามารถจะบอกได้ ว่า เมื่อกี้เป็นอะไร

สม ถ้าอย่างนี้เป็น โมหะ นอกจากขั้นการศึกษา

ท่านอาจารย์ เรารู้ว่า อกุศล ไม่รู้ อกุศลเพราะฉะนั้น โมหะ ที่จะไม่รู้ว่า โลภะ หรือ โทสะ มันรู้ไม่ได้และ โลภะ ที่จะไม่รู้ว่าอันนี้เป็น โทสะ อันนั้นเป็น โมหะ ก็รู้ไม่ได้ โทสะ ที่จะไม่รู้ว่าอันนี้เป็น โลภะ อันนั้นเป็น โมหะ ก็รู้ไม่ได้เพราะฉะนั้น อกุศลจะรู้อะไรไม่ได้เลย แต่สติปัฏฐานสามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่ โลภมูลจิตเกิดสลับกับโมหมูลจิต จะให้โลภะ ไม่รู้ว่าขณะนี้เป็น โมหะ ก็รู้ไม่ได้ หรีอว่าขณะที่เป็น โมหมูลจิต ไม่รู้ว่าขณะนี้เป็น โลภมูลจิต ก็รู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่จะรู้ได้จริงๆ สติปัฏฐาน อย่างเดียว ซึ่งเป็นกุศลจึงจะรู้สภาพธรรม ตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้นจะมาพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าขณะนั้นเป็นอกุศล ไม่มี ทางจะรู้ได้เลย ในลักษณะ ที่ผ่านไปแล้ว หรือ ที่กำลังปรากฏ ถูกไหมคะ ต้องเป็นสติปัฏฐาน จึงจะรู้

สมนึก ตอนนี้จึงจะเข้าใจแน่นอน

ท่านอาจารย์ เวลานี้ โลภมูลจิต ก็เกิดสลับกับ โมหมูลจิต แต่โลภมูลจิต จะไม่รู้เลยว่าขณะไหนเป็น โมหะ และโมหมูลจิตก็ไม่รู้ด้วยว่า ขณะไหนเป็นโลภมูลจิตแต่ต้องมีทั้ง โลภมูลจิต และ โมหมูลจิต ซึ่ง สติปัฏฐาน เท่านั้ที่จะรู้ สามารถที่จะแยก ออกจากกันได้ ว่าลักษณะนี้เป็นสภาพธรรมอย่างไร ตามความเป็นจริง จะให้ โลภะต่อโลภะ มารู้ลักษณะของ โมหะนั้นเป็นไปไม่ได้

สุรีย์ สติปัฏฐาน เกิด ฟังไม่ถนัด

ท่านอาจารย์ รู้ได้ทุกอย่าง

ท่านอาจารย์ จะเอา โลภะ มารู้ โมหะ หรือเอา โมหะ มารู้ โลภะไม่ได้ ต้องพระอรหันต์ เห็นนั้นเห็นเท่ากัน แต่ท่านไม่มีอกุศล

(ยังมีต่อครับ)



ความคิดเห็น 1    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 27 ม.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 28 ม.ค. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ


ความคิดเห็น 3    โดย paderm  วันที่ 28 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 28 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย pirmsombat  วันที่ 28 ม.ค. 2557

ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณผู้ร่วมเดินทาง คุณผเดิม และ คุณคำปั่นครับ


ความคิดเห็น 6    โดย j.jim  วันที่ 28 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย napachant  วันที่ 1 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย nongnong  วันที่ 13 พ.ค. 2562

เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด


ความคิดเห็น 9    โดย chatchai.k  วันที่ 9 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ