ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “โสวจสฺสกรณ”
โดย อ.คำปั่น อักษรวิลัย
โสวจสฺสกรณ อ่านตามภาษาบาลีว่า โส - วะ - จัด – สะ- กะ - ระ - นะ มาจากคำว่า โสวจสฺส (บุคคลผู้ว่าง่าย) กับคำว่า กรณ (ธรรมที่กระทำ) รวมกันเป็น โสวจสฺสกรณ เขียนเป็นไทยได้ว่า โสวจัสสกรณะ แปลว่า ธรรมที่กระทำให้เป็นบุคคลผู้ว่าง่าย เป็นอีก ๑ คำที่แสดงถึงคุณธรรม ธรรมฝ่ายดีประการต่างๆ มีความไม่ติดข้อง ความไม่โกรธ เป็นต้น ที่อุปการะเกื้อกูลให้เป็นบุคคลผู้ว่าง่าย คือ บุคคลผู้ที่ผู้อื่นพึงว่ากล่าวพร่ำสอนได้โดยง่าย พร้อมที่จะน้อมรับในคำเตือนในคำแนะนำด้วยความเคารพ
ข้อความบางตอนในพระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ อนุมานสูตร แสดงถึงธรรมที่ทำให้เป็นบุคคลผู้ว่าง่าย ดังนี้
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย เป็นไฉน ? ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไม่เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ไม่ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามก แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ไม่ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามก นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นผู้ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นผู้ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นคนมักโกรธ อันความโกรธไม่ครอบงำแล้ว แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นคนมักโกรธ อันความโกรธไม่ครอบงำแล้ว นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย
ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่เป็นคนมักโกรธ ไม่ผูกโกรธเพราะความโกรธเป็นเหตุ แม้ข้อที่ภิกษุไม่เป็นคนมักโกรธ ไม่ผูกโกรธ เพราะความโกรธเป็นเหตุนี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกทั้งปวง พระองค์เสด็จไปในที่ต่างๆ ด้วยทรงมีพระมหากรุณา เพื่อให้สัตว์โลกได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจความจริง จะได้ขัดเกลากิเลสที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ และอบรมเจริญปัญญาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้นเป็นปัญญาของตนเอง จนกระทั่งสามารถดับกิเลสซึ่งเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตได้ในที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศคำสอนของพระองค์นั้น เพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกโดยตลอด แม้ว่าผู้นั้นจะอยู่แสนไกลเพียงใด แต่ถ้าเขาสามารถที่จะเข้าใจความจริงได้ ก็เสด็จไปโปรดแม้จะมีเพียงบุคคลเดียวก็ตาม นี้ก็แสดงถึงพระมหากรุณาของพระองค์ที่ทรงมีต่อสัตว์โลก เพราะสิ่งที่จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชีวิตอย่างสูงสุด คือปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก
ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ นั้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาให้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้นเป็นไปตามใจชอบได้ แม้แต่ความเป็นบุคคลผู้ว่าง่ายก็เป็นธรรมที่มีจริงที่เกิดขึ้นเป็นไป ซึ่งต้องเป็นธรรมฝ่ายดีเท่านั้น ในขณะที่มีการใคร่ครวญไตร่ตรองพิจารณาด้วยปัญญาเห็นถูกตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด แล้วน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูก ละเว้นในสิ่งที่ผิด เป็นผู้ว่าง่ายต่อพระธรรมคำสอน ว่าง่ายต่อการที่จะเป็นกุศล และเมื่อได้รับคำพร่ำสอนเป็นประโยชน์เกื้อกูล เตือนให้เห็นโทษของอกุศล เตือนให้เห็นคุณของกุศล ก็น้อมรับในคำพร่ำสอนนั้น แล้วน้อมประพฤติตามซึ่งต้องมีเหตุที่อุปการะเกื้อหนุนให้เป็นบุคคลผู้ว่าง่าย คือ กุศลธรรมประการต่างๆ นั่นเอง
จะเห็นได้จริงๆ ว่า ดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะยากสำหรับความเป็นบุคคลผู้ว่าง่าย แต่ต้องรู้จักตนเองตามความเป็นจริงว่าท่านเป็นผู้ว่าง่าย หรือว่ายาก ถ้าเป็นผู้ว่าง่าย ก็ต้องว่าง่ายต่อการเจริญกุศล แต่ถ้าว่ายากก็ยากเหลือเกินที่จะเห็นคุณของกุศล เพราะเหตุว่าถ้าสะสมอกุศลธรรมมามาก ประกอบด้วยโทสะ ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ประกอบด้วยมานะ คือ ความถือตน ความสำคัญตน หรือประกอบด้วยความเห็นผิด ยึดมั่นในความเห็นผิด แม้ว่าจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่มีเหตุผลอย่างไรก็ยังเป็นผู้ว่ายากไม่สามารถที่จะกระทำตามได้ นั่นก็เพราะอกุศลธรรมที่ได้สะสมมา ซึ่งไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคลไม่มีตัวตนเลย มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป
บุคคลผู้ว่าง่ายต่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมจะเป็นผู้มีความเจริญในกุศลธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป จนกว่าจะมีปัญญาเจริญขึ้นถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ในที่สุด ซึ่งจะเห็นได้ว่าพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต มีท่านพระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ เป็นต้น ล้วนเป็นผู้ว่าง่ายต่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้วทั้งนั้น จึงสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดไม่เกิดอีกเลย บุคคลผู้ว่าง่ายย่อมเป็นผู้มีที่พึ่ง แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผู้ที่ไม่น้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม นั่นคือผู้ที่ว่ายาก เป็นผู้ที่ไม่รับฟังคำสอน และจะมีความโกรธขัดเคืองไม่พอใจ จะทำให้เมื่อโกรธแล้วก็ย่อมห่างเหินไปจากพระธรรม หรือว่าอาจจะจากไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งก็จะไม่เป็นเหตุให้ขัดเกลากิเลส เพราะเหตุว่าไม่ยอมที่จะรู้จักอกุศลของตนเอง และไม่เห็นความหวังดีของผู้ที่กล่าวสอนหรือพร่ำสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือไม่เห็นคุณของพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเป็นคำจริง เป็นคำอนุเคราะห์เกื้อกูลทุกคำ ขณะที่เป็นผู้ว่ายากนั้น ก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรมประการต่างๆ นั่นเอง บุคคลผู้ว่ายาก จะไม่มีที่พึ่งเลย
ขณะนี้พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงยังดำรงอยู่ ยังไม่อันตรธานไป ก็เป็นโอกาสดีที่บุคคลผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของความเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่จะได้ฟังได้ศึกษา ได้สะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป การมีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และอยู่ในช่วงที่มีพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งมีศรัทธาที่จะฟังพระธรรมด้วยความตั้งใจ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องจริงๆ เป็นโอกาสที่หายาก ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นบุคคลผู้ว่าง่ายที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพละเอียดรอบคอบ มีความจริงใจที่จะน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วย เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เพราะกิเลสมีมาก ถ้าไม่ขัดเกลาด้วยกุศลธรรม นับวันกิเลสมีแต่จะพอกพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ละเอียดจริงๆ ที่จะประคับประคองให้ตนเองเป็นผู้มีความมั่นคงในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญาต่อไป พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งในชีวิต เป็นแสงสว่างนำทางชีวิตไปสู่คุณความดีทั้งหลายทั้งปวงอย่างแท้จริง
อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ
การมีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และอยู่ในช่วงที่มีพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งมีศรัทธาที่จะฟังพระธรรมด้วยความตั้งใจ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องจริงๆ เป็นโอกาสที่หายาก ดังนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นบุคคลผู้ว่าง่ายที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพละเอียดรอบคอบ มีความจริงใจที่จะน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ