เข้าใจธรรม...ตรงนี้
โดย ใหญ่ราชบุรี  28 ส.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 25414

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

กราบเท้า บูชา พระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับกุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)

ขอเชิญรับฟัง...

เข้าใจธรรม...ตรงนี้

ผู้ถาม ผมขออนุญาตครับ ใครเป็นคนที่ “ตีความ” - ธรรมะ คำสอนของพระพุทธเจ้า “ถูกที่สุด” ขอบพระคุณมากครับ

ท่านอาจารย์สุจินต์ สนใจ เรื่อง “ปัญญา” ไหมคะ เพราะว่า พระพุทธเจ้า เป็น พระพุทธเจ้า ด้วย “พระปัญญา” ไม่ใช่ด้วยอย่างอื่น แล้ว “ปัญญา“ ที่เป็น “ปัญญา“ ของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้อง “ไม่มี ผู้ใดอีก ที่จะไปเปรียบได้“ ไม่ใช่ว่า อาจารย์ท่านโน้น หรือท่านนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็น “ผู้ที่ ศึกษาธรรมะ จริงๆ “ ก็ เริ่ม ที่จะ เข้าใจ ว่าคนอื่น ไม่ใช่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่า จะ พูด อะไร ก็ตาม ก็ต้อง พิจารณา ดู ว่า ธรรมะ ที่ทรงแสดง “เป็น-ความจริง-แค่ไหน“ อย่าง พูดถึง เรื่องธรรมะ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เท่านี้ ก่อน “จริง หรือเปล่า“ คือ “ต้อง พิจารณา เป็นขั้นๆ ไป“ ว่า “จริง ไหม“ ยัง ไม่ต้อง ”มีใคร” ทั้งนั้น ไม่ต้อง เอา “ชื่ออื่น” เข้ามาเลย ขณะนี้ “เห็น“ .. “เป็นธรรมะ” ชนิดหนึ่ง “เป็นสิ่งที่มีจริงๆ ” จริง หรือเปล่า คะ

เพราะ คิดว่า คงจะอยากได้เหตุผล ใช่ไหม ที่ไม่ไปปฏิบัติ “เป็นธรรมะ” หรือเปล่า “เห็น” .. “เป็นของจริง” หรือเปล่า หรือ ไม่ใช่ พูดเรื่องอื่น ไม่ใช่ เรื่องนี้ เป็นความจริง “สัจธรรม สิ่งที่มีจริงๆ “ ... “จริง-ตลอดกาล” เพราะว่า “เห็น“ ไม่ว่าจะ ”เห็น” ชาติก่อน “ก็ต้อง มีลักษณะ อย่างนี้” ขณะนี้ ”เห็น” ก็ “เห็น” – “สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา“ ไม่ว่า ชาติไหน ภาษาไหน แม้แต่ สัตว์ ที่มีตา “เห็น“ ก็คือ “เห็น“

เพราะฉะนั้น “เป็นสภาพธัมมะ” ที่ไม่มีเจ้าของ เพราะว่า มีเหตุปัจจัย จึงเกิด แล้วก็ดับ ถ้า ไม่มี ใครที่ ”ตรัสรู้” ความจริงอย่างนี้ เราสามารถจะ “คิดเอง” ได้ไหม ว่า “ขณะนี้” - “ เป็นธรรมะ ที่ไม่ใช่เรา

ผู้ถาม ก็คงไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์สุจินต์ เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย เพราะฉะนั้น ต้องอาศัย การเป็นสาวก คือ ผู้ฟังธรรม จากผู้ที่ตรัสรู้ แล้ว พิจารณา เมื่อพิจารณาแล้ว - เมื่อกี้ ก็ตอบว่า “เป็นธรรม” เพราะฉะนั้น “ธรรมะ” คือ “ทุกอย่าง ที่มีจริงๆ “ ความเห็นถูก เป็นธรรมะ หรือเปล่า

ผู้ถาม ก็เป็น

ท่านอาจารย์สุจินต์ ความเห็นผิด เป็นธรรมะ หรือเปล่าคะ

ผู้ถาม ก็เป็น

ท่านอาจารย์สุจินต์ ก็เป็น กุศล สิ่งที่ดี สภาพธรรมะที่ดี เป็นธรรมะ หรือเปล่า ที่ไม่ดี ก็เป็นธรรมะ “ทั้งหมด ไม่ใช่เรา“ แล้ว ทำอย่างไร จะ “รู้ ความจริง ในขณะนี้“ ซึ่ง “ขณะนี้“ เป็น “ขณะหนึ่ง“

“ชีวิต ทุกคน ดำรงอยู่ เพียงชั่ว จิต หนึ่งขณะ ที่เกิดขึ้น“ ถ้า จิต-ไม่เกิด ก็ไม่มีแล้ว ชีวิตไม่มี ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ แต่ เมื่อ มี -สภาพธรรมะ-ที่เกิดขึ้น / แล้วก็ “ เห็น “ นะคะ / แต่ไม่เคยรู้ความจริง แต่เมื่อมี ผู้ที่ ตรัสรู้ และ ทรงแสดงว่า สิ่งนี้จริง และ สอน -ให้เรา -เข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น จนกระทั่ง “ความเข้าใจ” สามารถจะ เข้าใจ “ตัวจริงของธรรมะ” ที่กำลัง “เห็น” ว่า “เป็นธรรมะ“ ที่เป็น นามธรรม ไม่ใช่ รูปธรรม

เพราะว่า ธรรมะ มี ๒ อย่าง ไม่ว่า จะอยู่ ใน โลกนี้ หรือ โลกไหน ก็ตาม คือ สภาพธรรมะ อย่างหนึ่ง เกิด แล้ว ก็ต้อง “รู้” สิ่งหนึ่งสิ่งใด ส่วน สภาพธรรมะ อีกอย่างหนึ่ง เกิด แล้ว ก็ ไม่สามารถจะ รู้“ อะไร ได้เลย ซึ่งใช้คำว่า “รูปธรรม“ สำหรับ สภาพธรรมะ ที่ ไม่รู้อะไรแล้วก็ สภาพรู้ ก็เป็น “นามธรรม” นี่ จริง ไหมคะ ก็จริง

เพราะฉะนั้น ก็ต้องฟัง จนกระทั่ง มีความเข้าใจ ใน “ความเป็นอนัตตา” จนกระทั่ง สามารถที่จะ ประจักษ์แจ้ง ลักษณะ ของ สภาพธรรมะ ซึ่งปรากฏ ทีละอย่าง แล้วก็เกิด แล้วก็ดับ

นี่คือ “การอบรมเจริญปัญญา” ไม่ใช่ ให้ทำอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ไม่ต้อง ไปที่ไหน ที่นี่ ก็มี สภาพธรรมะ ปรากฏ อยู่ที่ไหน ก็มีสภาพธรรมะ ปรากฏ แต่ ไม่รู้ เพราะ ไม่ได้ฟัง แล้วก็ ไม่มี ปัจจัย พอ ที่จะ มี การเข้าใจ สภาพธรรมะ ซึ่งเป็น “ตัวจริงๆ “ จนกว่า จะ ฟัง แล้วก็ มี ปัจจัย พร้อมที่จะ มี การเข้าใจ

สิ่ง ที่กำลัง - ปรากฏ ... ตรง - ตามความเป็นจริง ... อย่างนั้น ซึ่ง เป็น – เรื่อง ของ “การอบรม” ซึ่ง ใช้ คำว่า “ภาวนา“ ไม่ใช่ ท่องบ่น หรือว่า ไม่ใช่ ปฏิบัติ ไม่ใช่ ตัวเรา ทำ แต่ว่า เป็น การทำหน้าที่ ของ สภาพธรรมะ แต่ละอย่าง ถ้า “เข้าใจขึ้น” อย่างนี้ จริงๆ ต้องไป ที่ไหน ไหม

ผู้ถาม ถ้า จริงๆ แล้วไม่ต้องไปที่ไหนก็ได้ ใช่ไหมครับ แต่ ท่านอาจารย์ บอกว่า ณ ที่นี้ ก็มีธรรมะปรากฏ ก็นัย กลับกัน ณ ตรงนั้น ทีนั้น ก็มีธรรมะปรากฏด้วย

ท่านอาจารย์สุจินต์ แล้ว เวลานี้ อยู่ที่ไหน

ผู้ถาม ตรงนี้

ท่านอาจารย์สุจินต์ เพราะฉะนั้น -เข้าใจ-ธรรมะ-ตรงไหน

ผู้ถาม ตรงนี้

ท่านอาจารย์สุจินต์ ทำไม ถึงจะ ต้องไป ที่อื่น เพื่อที่จะเข้าใจ ในเมื่อ สภาพธรรมะ มีตรงนี้ สามารถ จะ เข้าใจ ตรงนี้ ได้ ทีละเล็ก ทีละน้อย ก็จะ เข้าใจ ธรรมะ ไม่ว่า จะอยู่ตรงไหน ทั้งสิ้น แต่ ถ้าตรงนี้ ไม่เข้าใจ แล้วคิดว่า จะไป เข้าใจ ตรงอื่น นี่ เป็นไปได้ หรือคะ

ผู้ถาม ท่านอาจารย์ ไม่เชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ ที่พุทธองค์ทรงยกย่อง ผมจำชื่อไม่ได้นะครับ ที่บอกว่า คือ “เทศนาได้ตรงใจ”

ท่านอาจารย์สุจินต์ ยังไง ก็ตามแต่ ค่ะ แต่ ประโยชน์ ของ ผู้ฟัง คือ “ความเข้าใจ” จาก การที่ -ได้ยิน-แล้วไตร่ตรอง เพราะว่า ถ้าเพียงแต่-ได้ยิน - ก็ผ่านหูไปเฉยๆ นะคะ / ยัง ไม่เป็น “ความเข้าใจ” แต่ ผู้ที่ จะ”เข้าใจ” ธรรมะ ลึกลงไปอีก ชัดเจนลงไปอีก ละเอียดลงไปอีก ก็คือว่า เมื่อ ได้ยินแล้ว ก็ไตร่ตรอง เพิ่มขึ้น จนกระทั่ง เป็น “ความรู้” จริงๆ

ถอดคำบรรยายธรรม โดย ใหญ่ราชบุรี – ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 29 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย pulit  วันที่ 30 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย chvj  วันที่ 30 ส.ค. 2557

เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 30 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย nopwong  วันที่ 31 ส.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 6    โดย orawan.c  วันที่ 1 ก.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 22 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ