การรู้ความจริง คือความจริงเดี๋ยวนี้แน่นอน
โดย เมตตา  3 พ.ย. 2568
หัวข้อหมายเลข 51334

อ.วิชัย: ตั้งแต่ฟังช่วงแรกที่มาสนทนากับท่านอาจารย์ แล้วก็ได้ฟังสนทนาจากกับ อ.อรรณพ ด้วย เห็นว่าแม้ขั้นปริยัติยังลึกซึ้งอย่างนี้ แล้วปฏิปัตติที่จะถึงเฉพาะโดยความเป็นอนัตตาแค่ไหน จนถึงปฏิเวธะจะละเอียดแค่ไหน ก็เกินที่จะคิดจริงๆ จริงๆ ครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: นี่คือ สัจจบารมี ถ้าไม่ตรงอย่างนี้ต่อไปยิ่งขึ้น ก็ไม่สามารถจะรู้ความจริงได้ เพราะความจริงลึกซึ้งอย่างยิ่ง กำลังเกิดดับทุกขณะก็ไม่ได้ปรากฏเลยสักอย่าง

อ.วิชัย: กราบท่านอาจารย์จริงๆ ครับ

อ.อรรณพ: ขอโอกาส อ.วิชัย ต่อเนื่องด้วยครับ วันนี้เป็นประโยชน์มากครับ ที่จะเป็นปริยัติเพิ่มขึ้นๆ รอบแรก สัจจญาณ หรือปริยัติครับท่านอาจารย์ เพราะว่าผมก็มาปรารถเมื่อวานสนทนากับท่านอาจารย์ว่า แม้สติปัฏฐานจะเกิดขึ้นบ้างนิดๆ หน่อยๆ เพราะมีปริยัติรอบแรกเกิดขึ้น แต่ว่า ก็หลงลืมมากมายหลายวัน อะไรก็เป็นไปได้ ถึงแม้ผู้ที่เจริญสติปัฏฐานบางทีก็หลงลืมไปนานๆ

ผมก็เลยปรารถว่า เหมือนกับว่า แม้ปริยัติจะสะสมมาในขั้นหนึ่งที่เพียงพอให้สติปัฏฐานเกิดขึ้นนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี ปริยัติอีกๆ เพื่อปฏิปัตติที่มีปัจจัยให้ให้ปฏิปัตติเกิด เพิ่มขึ้นๆ อย่างนั้นอีก ไม่ได้หมายความว่า ปริยัติที่เป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นก็ไม่ต้องมีปริยัติอีกอะไรอย่างนี้

กราบเท้าท่านอาจารย์ว่า ปริยัตินี่ ต้องเป็นไปโดยตลอด

ท่านอาจารย์: เป็นคุณอย่างยิ่ง เพราะแม้พระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว ก็ยังสนทนาธรรมกัน

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น แม้พระโสดานันท่านก็ยังต้องมีปริยัติอีก ต้องมี สัจจญาณอีกๆ ๆ พระโสดาบันก็มีสัจจญาณอีกเพื่อกิจญาณ กตญาณ ที่จะเป็นพระสกทาคามี

พระสกทาคามีก็ต้องมีปริยัติเป็นสัจจญาณต่อไปเพื่อปริยัติ ปฏิปัตติที่จะเป็นพระอนาคามีต่อไปนะครับ

เพราะฉะนั้น แม้จะกล่าวถึงท่านเหล่านั้น เพราะฉะนั้น แม้แต่ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม อบรมเจริญปัญญา แม้มีปริยัติเพียงพอที่ปฏิปัตติจะเกิดขึ้น แต่ปริยัตินั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะต้องสะสมอีกเพื่อปฏิปัตตินั้นจะปฏิปัตติละเอียดขึ้นทั่วขึ้น มั่นคงขึ้นจนเป็นปฏิเวธะ

กราบเท้าท่านอาจารย์จากเมื่อวานถึงวันนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง ต้องขอบคุณ อ.วิชัย กราบเท้าท่านอาจารย์ต่อครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

อ.อรรณพ: มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจคำของพระองค์ เพิ่มขึ้นๆ ที่จะเป็นสัจจญาณ

ท่านอาจารย์: แม้จะยาก แต่ก็คุณค่าสูงสุดในสังสารวัฏฏ์

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น บางท่านแม้จะมีการระลึกรู้สภาพธรรมะบ้างแล้ว แต่สังเกตุว่า ท่านอาจารย์ก็กล่าวถึงว่า รู้หรือยัง? รู้หรือยัง? แล้วก็ปริยัติหรือยัง? สมบูรณ์หรือยัง? ยังต้อง ปริยัติๆ อีก แม้ว่าสติปัฏฐานจะเกิดแล้ว ก็ต้องอีกๆ ๆ ๆ กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ มั่นคงต่อไปครับ แล้วขณะนี้ก็เป็นบารมี ท่านอาจารย์ก็เติมบารมี สัจจบารมี ที่ อ.วิชัย มาสนทนา

ท่านอาจารย์: ถ้าไม่มีบารมี ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้เลย จริงไหม?

อ.อรรณพ: จริงที่สุดครับ เพราะถ้าไม่มีความตั้งใจมั่นที่จะฟังพระธรรมที่จะสะสมปริยัติ สัจจญาณ ต่อไป ก็ไม่มีทางครับ

ท่านอาจารย์: เพราะการรู้ความจริง คือความจริงเดี๋ยวนี้แน่นอน ถ้าไม่รู้ ก็ไม่มีทางที่จะดับความไม่รู้ได้

อ.อรรณพ: ครับ บางทีทั้งหมดนี่ก็เป็นไปรวมลงไปในการที่จะเข้าใจความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้นะครับ ไม่ว่าพระโพธิสัตว์ท่านจะอุบัติในพระชาติที่ไม่พระพุทธศาสนา แต่ท่านก็สะสมบารมีซึ่งก็เป็นไปเพื่อ นี่แหละ ที่จะรู้ความจริง ที่ท่านอาจารย์กล่าวเจ้าชายสิทธัตถะก่อนเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิปัสสนาญาณะยังไม่เกิด กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ และอ.วิชัย ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 3 พ.ย. 2568

จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ