แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่า เป็นธรรม?
โดย เมตตา  18 ก.พ. 2568
หัวข้อหมายเลข 49508

[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 172

อนึ่ง จักขุนั้น ชื่อว่า เป็น อนัตตา ด้วยอรรถว่าไม่เป็นไปในอำนาจ. อีกอย่างหนึ่ง ความที่จักขุนั้นเป็นไปในอำนาจของใครๆ ในฐานะ ๓ เหล่านี้คือ จักขุนี้เกิดขึ้นแล้วขอจงอย่าถึงการตั้งอยู่ ถึงการตั้งอยู่แล้ว จงอย่าแก่ ถึงการแก่แล้ว จงอย่าแตกดับ ดังนี้ หามีได้ไม่ เป็นของสูญ ไปจากอาการที่เป็นไปในอำนาจนั้น เพราะฉะนั้น จักขุนั้น จึงชื่อว่า เป็นอนัตตา เพราะเหตุ ๔ เหล่านั้น คือ

โดยความเป็นของสูญ ๑

โดยความไม่มีเจ้าของ ๑

โดยเป็นสิ่งที่ควรทำตามชอบใจไม่ได้ ๑

โดยปฏิเสธต่ออัตตา


อ.คำปั่น: ได้ฟังคลิปธรรมเตือนใจที่ท่านอาจารย์ได้สนทนาเมื่อ ๑๒ ปีที่แล้วที่บ้าน นายแพทย์ทวีป และคุณพรทิพย์ ถูกจิตร เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๖ ครับ คำจริงเป็นจริงโดยตลอดจริงๆ ครับ จากคลิปธรรมเตือนใจ ชือว่า ลืมว่า เป็นธรรม ในแต่ละวันๆ ก็แทบจะไม่ได้คิดถึงธรรมเลย ก็เป็นผู้ที่ลืมธรรมตลอดครับ จากคำที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวเตือนว่า ลืมว่าเป็นธรรม จะเป็นเครื่องเตือน ส่องไปถึงจิตใจที่ยังมากไปด้วยความไม่รู้อย่างไรครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: ลืมว่า เป็นธรรม แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่า เป็นธรรม?

อ.คำปั่น: นี่ครับ แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่า เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ฟังอยู่ครับท่านอาจารย์ ก็ยังลืมอยู่ตลอดครับ

ท่านอาจารย์: แม้แต่ คำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

อ.คำปั่น: ครับ ลืมตลอดเวลา

ท่านอาจารย์: แล้วจะให้เป็นอัตตาหรือ?

อ.คำปั่น: ไม่ได้ครับ

ท่านอาจารย์: ต้องมั่นคง

อ.คำปั่น: ก็ได้ฟังอยู่ตลอดครับ ก็ต้องฟังบ่อยๆ เนืองๆ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกความเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่เริ่มฟังเริ่มศึกษาก็เหมือนแสนโกฏกัปป์ที่ผ่านมา คือไม่รู้เหมือนเดิมครับ

ท่านอาจารย์: และ กว่าจะหมดความไม่รู้ที่สะสมมาทุกวัน แสนโกฏกัปป์ จะเร็วไหมคะ?

อ.คำปั่น: เร็วไม่ได้เลยครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เป็นธรรมดา ฟังแล้วก็ลืม จนกว่าจะไม่ลืม

อ.คำปั่น: จึงขาดการฟังไม่ได้เลยครับ คือถ้าได้ฟัง ก็มีคำเตือนมีคำที่ให้คิดพิจารณา ให้ไม่ลืมในความเป็นจริงของธรรม แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ยังลืมอยู่ จึงต้องขาดการฟังไม่ได้จริงๆ ครับ

ท่านอาจารย์: แม้ไม่ลืมว่า เป็นธรรม พอหรือยัง?

อ.คำปั่น: ไม่พอครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม? คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประโยชน์สูงสุดในชีวิตทุกชาติ ทุกขณะ

อ.คำปั่น: ที่น่าพิจารณา ก็คือตั้งแต่เกิดจนถึงขณะนี้ แน่นอนครับว่า จนถึงตาย ก็คือธรรมทั้งหมด นี่ก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ตั้งแต่เกิดจนตายเป็นธรรมครับท่านอาจารย์

ท่านอาจารย์: แล้วรู้แค่นี้พอไหม?

อ.คำปั่น: ยังไม่พอครับ

ท่านอาจารย์: เห็นพระคุณไหม รู้เท่าไหร่ก็ยังไม่พอ?

อ.คำปั่น: ครับ นี่ก็เป็นข้อความที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ ก็ให้เห็นเลยว่า ก็ไม่พอจริงๆ ความรู้ความเข้าใจนี่ไม่พอจริงๆ ที่จะต้องสะสมต่อไปอีก เพราะว่ายากมากเลยครับกับการที่จะค่อยๆ เข้าใจความเป็นจริงของธรรมครับ

ท่านอาจารย์: จะสะสมนี่ เดือดร้อนไหม?

อ.คำปั่น: ไม่เดือดร้อนครับ

ท่านอาจารย์: เดือดร้อนเมื่อไหร่ สะสมหรือเปล่า?

อ.คำปั่น: ก็สะสมทางฝ่ายไม่ดี เป็นอกุศลครับ

ท่านอาจารย์: ทางฝ่ายอกุศลไม่ต้อง จะ เลยนะ มีปัจจัยเสมอ

อ.คำปั่น: มีมากเลยครับ ก็สิ่งละอันพันละน้อยที่ได้ฟังแต่ละครั้ง ก็เป็นประโยชน์ครับที่จะได้ไตร่ตรองพิจารณาในความเป็นจริง และทุกคำที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวมาเป็นประโยชน์เกื้อกูลทั้งหมดเลยครับที่จะต้องใส่ใจพิจารณาตลอดครับ ก็กราบเท้าท่านอาจารย์ครับ

ขอเชิญอ่านได้ที่..

ฟัง คิด พิจารณา ... ไม่ลืมว่าเป็นธรรมะ.

ขอเชิญฟังได้ที่..

อินทริยกถา ปุถุชนเจริญวิปัสสนา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 24 ก.พ. 2568

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ