คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต
โดย webdh  18 พ.ค. 2550
หัวข้อหมายเลข 3743

พระสุตตันตปิฎก เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 347

คน ๒ จำพวกที่กล่าวตู่ และไม่กล่าวตู่พระตถาคต

[๒๖๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่

ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้

มิได้ตรัสไว้ว่า ตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคต

ภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ ๑ ดูก่อนภิกษุ

ทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล. ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนที่

แสดงสิ่งที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้ตรัสไว้ว่า ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้

ตรัสไว้ ๑ คนที่แสดงสิ่งที่ตถาคตภาษิตไว้ ตรัสไว้ว่า ตถาคตภาษิตไว้

ตรัสไว้ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้แล ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต.



ความคิดเห็น 2    โดย อิสระ  วันที่ 19 พ.ค. 2550
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 3    โดย wannee.s  วันที่ 19 พ.ค. 2550

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 182

[๑๔๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลก

ย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่เป็นที่สองใคร. ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ

ไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใคร

เสมอ เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าคน

ทั้งหลาย บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัม-

พุทธเจ้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก

ย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่เป็นที่สองใคร ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ

ไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเสมอ

เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย.


ความคิดเห็น 4    โดย อารายเนี่ย  วันที่ 19 พ.ค. 2550

เรื่อง แสดงสิ่งที่ถูกย่อมเป็นบุญ แสดงสิ่งที่ผิดย่อมเป็นบาป

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 176

[๑๓๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า อธรรม

ฯลฯ ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ

ที่แสดงคำพูดอันตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้กล่าวไว้ว่าตถาคตภาษิตไว้

กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตได้ภาษิตไว้ กล่าวไว้ว่า ตถาคต

มิได้ภาษิตไว้ มิได้กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันตถาคตมิได้สั่งสมว่า

ตถาคตสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันตถาคตได้สั่งสมไว้ว่า ตถาคตมิได้

สั่งสมไว้ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันตถาคตบัญญัติไว้ว่า ตถาคตมิได้บัญญัติไว้

ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็น

ความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะเพื่อมิใช่ประโยชน์กื้อกูล ชน

เป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบ

บาปใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน.

[๑๓๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงอธรรมว่าอธรรม

ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข

แก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออัตถะเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก

เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็น

อันมาก และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น.

[๑๓๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า ธรรม

ฯลฯ ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า วินัย ฯลฯ

ที่แสดงคำพูดอันตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้กล่าวไว้ว่าตถาคตมิได้ภาษิต

ไว้ มิได้กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตได้ภาษิตไว้ ได้กล่าวไว้ว่า

ตถาคตได้ภาษิตไว้ได้กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมที่ตถาคตมิได้สั่งสมว่า

ตถาคตมิได้สั่งสม ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันตถาคตมิได้บัญญัติว่า ตถาคตมิได้

บัญญัติ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันตถาคตบัญญัติว่า ตถาคตบัญญัติ ภิกษุ

เหล่านั้นชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่ชน

เป็นอันมาก เพื่ออัตถะ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อ

ความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบุญเป็นอันมาก

และย่อมดำรงสัทธรรมนี้ไว้มั่น.

จบ อธรรมวรรคที่ ๑๑

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย


ความคิดเห็น 6    โดย medulla  วันที่ 20 พ.ค. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ