ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๘๓

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงต้องการเครื่องสักการะใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้ทรงต้องการดอกไม้ธูปเทียนอะไรทั้งหมด แต่พระองค์ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้เขามีความเห็นที่ถูกต้อง ด้วยพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพื่อเขาซึ่งไม่รู้ จะได้รู้ เพราะฉะนั้น คำใดที่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำจริง เป็นคำที่ทุกคนควรเคารพ ไม่ใช่ไปบิดเบือน หรือว่าไปทำสิ่งซึ่งทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะความไม่รู้
~ ถ้าไม่เริ่มเข้าใจว่า เดี๋ยวนี้ เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงแล้วทรงแสดง ก็ไม่มีการที่จะรู้จักธรรมได้เลย เพราะเดี๋ยวนี้มีสิ่งที่กำลังมีจริงๆ แต่ไม่เคยเข้าใจถูกต้อง จึงฟังคำของผู้ที่ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
~ อกุศลหรือกิเลสทั้งหลาย ติดตามมามากมาย จนเป็นเหตุให้ทำทุจริตต่างๆ ซึ่งทุจริต เป็นโทษ แล้วใครจะมีพระมหากรุณาแสดงธรรมให้พ้นจากโทษคือความไม่รู้และความติดข้องซึ่งเหตุให้ทำอกุศลกรรมซึ่งจะนำมาซึ่งผลที่ไม่ดี? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ทุกคนมีโทษมาก มีข้อที่ควรตำหนิมาก แต่ผู้ที่จะชี้โทษให้เห็นตามความเป็นจริง ไม่มีใครที่สามารถจะทำได้มากเท่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วพิจารณา ก็ย่อมเห็นโทษของกิเลสซึ่งทุกคนยังมีอยู่มากทีเดียว
~ การพูดถึงบุคคลอื่น ไม่จำเป็นต้องเป็นอกุศลเสมอไป พูดถึงเพื่อหาทางเกื้อกูลบุคคลนั้นก็ได้ แต่ถ้ามุ่งที่จะติเตียนอย่างเดียว ขณะนั้นก็เป็นอกุศล ถ้าพูดถึงอกุศลของใครแม้ของตนเองเพื่อที่จะให้ระลึกได้ และหาทางเกื้อกูลบุคคลอื่น หรือแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น ย่อมเป็นกุศล ไม่ใช่ว่าการพูดถึงบุคคลอื่นต้องเป็นอกุศลเสมอไป แล้วแต่จิตในขณะนั้น
~ แต่ละคนอาจจะไม่เห็นอกุศลของตนเอง แต่เห็นอกุศลของคนอื่นง่ายกว่า เพราะฉะนั้น การเป็นผู้ตรง คือ ไม่ว่าจะเป็นเราหรือเป็นเขา อกุศลต้องเป็นอกุศล ถ้าเขาฟังเรื่องของอกุศลธรรมและพิจารณารู้ว่า แม้เขาเองก็มีอกุศลธรรมนั้น เขาก็ควรที่จะระลึกได้ว่า เขาควรจะแก้ไข ไม่ใช่ว่าไม่ควรพูดเลย แต่ควรเป็นไปในทางสร้างสรรค์ หรือในทางที่ทำให้เกิดกุศล เกื้อกูลให้เขารู้จักตนเองเพื่อจะได้แก้ไข
~ ระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ประเสริฐที่สุด คือ ขณะที่ได้ฟังแล้วเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อละความไม่รู้และความติดข้อง ไม่ใช่เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย
~ ต้องมีความเข้าใจมั่นคง ว่า สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้แหละ ที่ใช้คำเรียกสิ่งนั้นว่าธรรม เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริง ว่า สิ่งนี้เกิดแล้วก็ดับไป แล้วก็ไม่ใช่ของใครทั้งสิ้น หมดแล้ว ไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏฏ์
~ กำลังมีเห็น ทุกคนเห็น ศึกษาเรื่องเห็น ว่า เห็นไม่มีใครไปทำให้เกิด แต่เห็นเกิดกำลังปรากฏว่าเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้น ต้องมีสิ่งที่อาศัยกันและกันทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีสิ่งใดเป็นปัจจัย สิ่งนั้นเกิดไม่ได้
~ ฟังความจริงของทุกอย่าง จนกระทั่งมีความเข้าใจถูกต้อง ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เรา
~ เอาอกุศลที่มีอยู่ในใจออกไปได้ไหม ถ้าไม่ใช่ปัญญา แล้วปัญญาจะมาจากไหน คิดเองไม่ได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
~ เมื่อคนอื่นเขาไม่ดี ขณะนั้นเรากำลังคิดด้วยจิตอะไร เมตตาเขาได้ไหม? คนที่ไม่ดีทั้งหลาย ตายแล้วไปไหนกัน มีที่ไปแน่ๆ ตามขณะจิตที่กำลังเดินทางด้วยอกุศล แล้วจะถึงเมื่อไหร่ วันไหน เวลาไหน ใครๆ ก็ห้ามไม่ได้
~ ถ้าเป็นผู้ที่เข้าใจเรื่องกรรมและผลของกรรม จะไม่รีรอการทำกุศลทุกประการ ทุกขณะด้วย ทำให้เราเจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งขึ้น เพราะว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราจะไม่อยู่โลกนี้ในวันไหน อาจจะเป็นขณะต่อไป พรุ่งนี้หรือเดือนนี้ก็ได้
~ ผู้ที่หวังร้ายต่อท่าน ก็เป็นอกุศลจิตของเขา
~ ปัญญาเข้าใจถูกต้องว่า อกุศลเป็นโทษแน่นอน ในขณะที่อกุศลเกิดทำร้ายใคร? ทำร้ายจิตที่กำลังเป็นอกุศลในขณะนั้น แล้วยังทำร้ายต่อไปถึงคนอื่นอีกมากมาย ตามกำลังของอกุศลนั้นๆ
~ เรื่องของธรรม เป็นเรื่องที่ตรงตามสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง เมื่อเป็นอกุศลก็ต้องเป็นอกุศล ถ้าธรรมนั้นเป็นอกุศล จะเปลี่ยนสภาพธรรมนั้นให้เป็นกุศลไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคจึงได้ทรงแสดงความละเอียดของอกุศลธรรม ซึ่งจะต้องละให้หมดสิ้นไป เพราะเหตุว่า ถ้าไม่ทรงแสดงโดยละเอียด ท่านผู้ฟังก็จะไม่ทราบว่าอกุศลธรรมนั้นมีความละเอียดมากเพียงใด และการละก็ต้องเป็นการละโดยละเอียด จะต้องเป็นการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ละได้อย่างเด็ดขาด) จริงๆ
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจเดี๋ยวนี้ แล้วจะมีเมื่อไหร่ ทุกขณะเป็นประโยชน์มาก ที่จะต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อความเป็นจริง รู้สึกว่าคนที่ได้เข้าใจธรรมแล้ว รู้แน่ว่าต้องตาย ก็ไม่หวั่นไหว แต่ก่อนตายทำอะไร เห็นไหมสำคัญกว่า มิฉะนั้น เราก็ไม่ได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดก่อนตาย เพราะอย่างไร ใครจะรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ จะตายวันไหน เดี๋ยวนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ แต่ว่าได้มีสิ่งที่ได้กระทำแล้วที่เป็นประโยชน์
~ ยิ่งรู้ว่าอกุศลมากเท่าไหร่ เกิดมาเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส โดยการที่ว่าถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะขัดเกลาได้ และปัญญาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะละอกุศลซึ่งมีกำลัง ที่จะเกิดบ่อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าใจคำว่าบารมี (ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็สามารถที่จะลดปริมาณ จำนวนของอกุศลซึ่งถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล
~ ธรรมที่เป็นฝ่ายกุศลที่สะสมมายังไม่มากพอที่จะเท่ากับทางฝ่ายอกุศล ถ้าเห็นอย่างนี้จริงๆ ก็ยิ่งต้องเพิ่มความเพียรทางฝ่ายกุศลขึ้น ความเพียรขั้นต้นของการเจริญกุศล ก็คือ ต้องเพียรฟังพระธรรมให้เข้าใจเพิ่มขึ้น ไม่ใช่วันนี้วันเดียว แต่ว่าวันอื่นๆ ต่อไปด้วย
~ ทาน การให้ ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้รับปลาบปลื้มใจ และจิตของผู้ให้ก็อ่อนโยน คือ อ่อนโยนพอที่จะเสียสละวัตถุของตนเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่นได้ ในขณะนั้น จิตก็มีความสบาย เพราะว่าไม่มีความตระหนี่ ได้ประโยชน์ทั้งจิตใจของตนเองก็อ่อนโยนและเบิกบานที่เห็นผู้รับมีความสุขได้ใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขา เพราะฉะนั้น โลกย่อมร่มเย็นต่อไปได้ด้วยทาน การให้
~ การสงเคราะห์แก่ผู้ที่ควรสงเคราะห์ ไม่เลือกสัตว์ บุคคล ผู้ใดที่อยู่ในสภาพที่ควรสงเคราะห์ช่วยเหลือให้ความสะดวก ให้ความสบาย ท่านก็ควรจะสงเคราะห์แก่ผู้นั้น แม้เพียงเล็กน้อยในขณะนั้น ก็เป็นกุศลจิต
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๘๒


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาครับ
จากฟังธรรม ที่ท่านอ.สุจินต์ ด้วยความเมตตาอันสูงยิ่ง ให้เรา (จิตและเจตสิก) ได้ฟังแล้วฟังอีกโดยไม่หยุดหย่อน พึงไตร่ตรอง อันเกิดความเข้าใจตามกุศลที่แต่ละคนได้สะสมมา ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ
กราบอนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ฟังธรรมะในดิถี ถูกต้อง อาจารย์สุจินต์ศรี เป็นหลัก จิตเจตสิกรูปสอดคล้อง มั่นแฟ้นคำจริง