ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๒
~ สิ่งที่ควรระลึกถึงบ่อยๆ คือ ความตาย ก่อนตายควรที่จะเป็นอย่างไร? นี้คือสิ่งที่สำคัญ เตรียมตัวที่จะเป็นคนใหม่หรือยัง จะเป็นคนใหม่ในชาติใหม่ก็มาจากคนนี้แหละ
~ เมื่อพูดถึงเรื่องของความตาย ก็ควรที่จะเป็นประโยชน์ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน ช้าหรือเร็ว ไม่มีเครื่องหมาย ไม่มีใครที่จะรู้ได้ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป จะไปสู่ทางไหน จะเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว ที่ไป ก็อยู่ที่ขณะนี้
~ พรุ่งนี้อาจจะเป็นชาติหน้าก็ได้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรประมาทที่จะสะสมความดีและความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นต่อไป
~ การเกิดเป็นมนุษย์ ชีวิตจะสั้น จะยาวแค่ไหน ไม่มีใครรู้ได้ แต่เมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรมสะสมไว้แล้ว ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เมื่อเกิดต่อไปข้างหน้า ชาติไหนชาติหนึ่งหรือชาติหน้า ก็อาจจะมีปัจจัยที่ทำให้ได้ยินได้ฟังอีก ที่จะสะสมต่อไปอีก
~ ไม่มีอะไรติดตามตัวไปได้ มีแต่ชั่ว ดี ที่ติดตามไป และสิ่งที่ดีที่ประเสริฐที่สุด คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะสามารถดับสิ่งที่ไม่ดีได้จนหมดสิ้น
~ มีเงินทองมากมาย แต่ก็เป็นทุกข์เดือดร้อนได้ จะเอาเงินไปซื้อให้ทุกข์หมดไป ก็ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นปัญญาแล้ว จะไม่นำทุกข์มาให้เลยแม้แต่น้อย
~ แทนที่เราจะคิดว่า ทำไมคนอื่นไม่เป็นมิตรกับเรา แล้วทำไมเราไม่เป็นมิตรกับเขาเลยล่ะ ไม่ต้องแสวงมิตรจากที่ไหน แต่เราสามารถที่จะเป็นมิตรกับผู้อื่นได้ทันที
~ ไม่ว่าจะเป็นคนชนชาติใด กุศลเกิด ก็เป็นกุศล อกุศลเกิด ก็เป็นอกุศล ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน แต่เป็นธรรม คือ เป็นสิ่งที่มีจริงๆ
~ คนโกรธ เป็นผู้เสียหาย เพราะอกุศลทำร้ายจิต ก่อนที่จะทำร้ายคนอื่น ก็ทำร้ายตนเอง ขณะที่ทำร้ายคนอื่น ก็คือ ทำร้ายตนเองด้วยอกุศลของตนเอง และเมื่อถึงคราวที่อกุศลให้ผล ก็ต้องให้ผลกับตนเองเท่านั้น เพราะเป็นอกุศลของตนเอง ไม่ใช่ของคนอื่น
~ เคยโกรธใคร เคยเกลียดใคร คนนั้นไม่ติดตามเราไปในภพหน้า แต่ความโกรธของเราติดตามไป ความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลให้ค่อยๆ ขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากจิตได้
~ ท่านอาจจะคิดขุ่นเคืองใจ แล้วก็คิดว่าบุคคลนั้นบุคคลนี้ เป็นผู้ตัดรอนประโยชน์ของท่าน ด้วยประการใดๆ ก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้สะสมกุศล และมีความตั้งมั่นในการขัดเกลากิเลส จิตของบุคคลนั้น จะสงบตั้งมั่นได้ไม่ยาก และจะเป็นผู้มีจิตเมตตาแม้ในฝ่ายที่เป็นศัตรู อย่างเร็ว
~ ถ้าท่านเป็นคนดี แล้วคนอื่นโกรธ คนที่โกรธท่านไม่สามารถทำให้ท่านเสื่อมจากคุณ จากศีล ของตัวท่านได้เลย เพราะว่า ยิ่งเขาโกรธ
ก็ยิ่งเป็นโทษสำหรับเขา
~ ถ้าเป็นมิตรกัน จะไม่หวังร้ายต่อกันเลย ถ้าโกรธเมื่อไหร่ ไม่เป็นมิตรเมื่อนั้น ถ้าหวังร้ายแม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ใช่มิตรเมื่อนั้น
~ ไม่เมตตาเลย มีประโยชน์ไหม? ใจ ขณะนั้นก็เดือดร้อนแล้ว (เดือดร้อน เพราะอกุศล)
~ ชีวิตของแต่ละคน อะไรนำไป ปกติ โลภะ (ความติดข้อง) และ อวิชชา (ความไม่รู้) นำไปในกิจทั้งปวง แต่เมื่อใดที่ปัญญาเกิด ปัญญาก็นำไปในกิจทั้งปวง ไม่ว่าจะพูด จะทำ จะคิด ก็เป็นไปในทางที่ดีงาม
~ ถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเข้าใจถูกต้องได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ยิ่งศึกษายิ่งรู้ความละเอียดว่าต้องศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพอย่างยิ่ง มิฉะนั้น ถ้าคิดเอาเอง ก็ผิดหมด จะทำให้พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลบเลือนด้วยความเข้าใจผิด ด้วยเหตุนั้น จึงต้องศึกษาพระธรรมทีละคำ เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง
~ ควรที่จะระลึกว่า ความดีที่ทำมาแล้วทั้งหมด ไม่พอ ทำเท่าไหร่ก็ยังไม่พออยู่นั่นเอง ถ้าเทียบส่วนกับอกุศลจิตที่เกิดขึ้น ในวันหนึ่ง ความดีที่ได้ทำ เล็กน้อยเหลือเกิน
~ แต่ละคน สะสมอัธยาศัยทั้งทางฝ่ายกุศลหรืออกุศลมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งควรจะต้องอบรมเจริญขึ้นทางฝ่ายกุศล "ทำดีเท่าไหร่ ไม่มีวันพอ" ควรจะเป็นคติประจำใจจริงๆ เพราะว่า อกุศลนั้น มากมายเหลือเกินที่จะต้องละ
~ ถ้าเน้นให้ทุกคนเห็นความสำคัญของพระธรรม ซึ่งเป็นแก่น เป็นหลัก ของแต่ละชีวิต ก็จะทำให้แต่ละชีวิตดำเนินไปในทางที่ถูกต้องขึ้น
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ สามารถที่จะให้ผู้พิจารณาขัดเกลากิเลสอกุศลธรรมได้อย่างละเอียด เพราะเหตุว่า ชี้ให้เห็นโทษของตนเองซึ่งยากที่จะเห็นได้ เป็นศาสดาแทนพระองค์ เป็นดุจครูอาจารย์ผู้คอยชี้โทษ เป็นกัลยาณมิตร คือ มิตรแท้ ผู้ที่ชี้ให้เห็นโทษของตนเอง
~ ต้องเป็นกุศลทั้งหมด จึงจะเป็นธรรมที่เป็นที่พึ่งได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ไม่ท้อถอยในการที่จะให้กุศลเกิดขึ้นแทนอกุศล อกุศลไม่ต้องทำอะไรเลย เกิดบ่อยๆ เกิดเรื่อยๆ เกิดขึ้นขัดขวางการกระทำกุศลหลายประการ เพราะฉะนั้น เวลาที่จะทำกุศลแต่ละครั้ง จะเห็นได้ว่า จะต้องมีความบากบั่นมั่นคงไม่ทอดธุระในธรรมที่เป็นกุศล
~ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ถ้าเป็นผู้ที่เริ่มรู้จักตัวเอง ก็จะเห็นตัวเองว่า ไม่ดี ซึ่ง ไม่ดี ในที่นี้ หมายความว่า ไม่ดีเพราะเต็มไปด้วยกิเลส ถ้าใครยังไม่เห็นกิเลสของตัวเองเลย ผู้นั้นก็จะไม่ขัดเกลากิเลส จะไม่มีแม้แต่จะฟังพระธรรม ไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของพระไตรปิฎก แต่ผู้ที่ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นพระวินัยบ้าง พระสูตรบ้าง หรือพระอภิธรรมบ้าง ก็เพื่อที่จะให้เกิดปัญญารู้จักตนเองตามความเป็นจริง
~ ก็มีแต่ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรมเข้าใจพระธรรมเท่านั้น ที่จะช่วยประคับประคองพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไปเท่าที่จะเป็นไปได้
~ คนที่พูดความจริง คำจริง เพื่อที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจอย่างถูกต้อง คนพูดเป็นผู้ที่หวังดีหรือเปล่า?
~ เสียหายอะไรที่จะพูดคำจริง เป็นประโยชน์หรือเปล่าที่จะให้คนที่ไม่รู้ คนที่ไม่ตรง ได้เริ่มพิจารณา ให้รู้ ให้ตรง เพื่อประโยชน์ คือ จากที่เคยเข้าใจผิด เคยหลงผิด เคยทำผิด ก็จะได้รู้ความจริง ว่า "ผิด" แล้วไม่ทำอย่างนั้นอีก
~ พระธรรมทั้งหมดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อมีปัญญาแล้ว กาย วาจา ของเราก็จะดีขึ้น คนที่เคยพูดคำที่ไม่น่าฟัง แต่พอเข้าใจในความเป็นเพื่อนและคิด ว่า คนอื่นก็ไม่อยากได้ยินคำอย่างนี้ จะหยุด แม้ว่ากำลังจะกล่าวคำที่ไม่น่าฟัง นี่คือ ความเมตตา คือ ความเป็นเพื่อน ทุกกรณี ทุกสถานการณ์ เป็นประโยชน์
~ เมตตา ความเป็นมิตร ไม่ได้เสียหายอะไรเลยทั้งสิ้น ขณะนั้นจิตใจที่เป็นเพื่อนหวังดีพร้อมที่จะเกื้อกูล สบายใจไม่เป็นทุกข์เดือดร้อนกับใครเลย และไม่ได้หวังร้ายกับใครด้วย ทั้งกาย ทั้งวาจา ถ้าเป็นอย่างนี้กับหนึ่งคน สองคน สามคน สี่คน เพิ่มขึ้น ความสงบจะมีในโลกไหม ไม่เบียดเบียนกันเลย เป็นมิตรจริงๆ เกื้อกูลกันจริงๆ หวังดีกันจริงๆ ตรงกับคำที่ว่าเมตตา ค้ำจุนโลก ทำให้โลกดำรงไปได้โดยความสงบ
~ ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ควรจะเป็นไปเพื่อการสะสมความดีและฟังพระธรรมให้เข้าใจ.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๑

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยเข้าใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญ