ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๘
โดย khampan.a  24 ก.ย. 2560
หัวข้อหมายเลข 29204

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๘


~ คนเราทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องมีกิจ มีหน้าที่ หน้าที่ของคฤหัสถ์ก็เป็นหน้าที่เรื่องของการที่จะดำรงชีวิตไปตามเพศของคฤหัสถ์นั้นๆ พระภิกษุที่ท่านสละอาคารบ้านเรือนบวชในสำนักของพระผู้มีพระภาค ก็ต้องมีกิจ ไม่ใช่ว่าบวชแล้วสบาย แต่ท่านมีกิจที่ต่างจากคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าคฤหัสถ์มีกิจในการที่จะดำรงชีวิตในทางโลก เป็นไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย) ต่างๆ ตามสบายของคฤหัสถ์ แต่ว่าผู้ที่เห็นว่า การขัดเกลากิเลสในเพศของบรรพชิตเหมาะควรสำหรับท่านที่ได้สะสมมา มากกว่าที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศของคฤหัสถ์ ท่านก็ละอาคารบ้านเรือน ละวงศาคณาญาติ ละทรัพย์สมบัติทั้งหมด ละกิจของคฤหัสถ์ทั้งหมดเพื่อกระทำกิจของบรรพชิต เป็นกิจเฉพาะของพระภิกษุทุกรูป เพราะเหตุว่าในครั้งก่อน เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสรู้และทรงแสดงธรรม เมื่อได้เสด็จจาริกไปทรงแสดงธรรม และก็มีผู้ที่ได้รับฟังพระธรรม เข้าใจแล้ว แล้วก็รู้จักอัธยาศัยของตนเองจริงๆ ว่า ใคร่ที่จะเป็นบรรพชิต จึงได้ขออุปสมบท ไม่ใช่ว่าขอบวชก่อน แล้วฟังพระธรรมทีหลัง แต่ว่าในครั้งนั้น ได้ฟังพระธรรมก่อน ได้เข้าใจพระธรรม แล้วก็รู้จักตนเองตามความเป็นจริงว่า เหมาะควรแก่เพศใด มีศรัทธาที่จะละอาคารบ้านเรือนอุปสมบทเป็นพระภิกษุหรือไม่

~ บรรพชิตครองจีวร แสดงเพศของศากยบุตร คือ ผู้ที่จะประพฤติดำเนินตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทำในสิ่งที่ไม่ดีได้อย่างไร อย่างเช่น พูดเล่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพูดเล่นหรือ? เพราะฉะนั้น ต้องเห็นกิเลสแม้เพียงเล็กน้อย ต้องเห็นโทษที่น่ารังเกียจจริงๆ จึงสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ในเพศบรรพชิตได้ มิฉะนั้น ก็ไปอบายภูมิ เพราะหลอกคนอื่น ลวงคนอื่นโดยการครองจีวรแล้วก็ไม่ประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ถ้าชื่นชมภิกษุที่ไปช่วยทำกิจของคฤหัสถ์ ก็เท่ากับเป็นการทำลายพระศาสนา ซึ่งไม่ใช่เป็นการที่ควรจะชื่นชม เพราะเหตุว่า พระภิกษุนั้นไม่ได้ทำกิจของพระภิกษุ เพราะพระภิกษุสละความเป็นคฤหัสถ์แล้ว จะไปทำกิจของคฤหัสถ์ได้อย่างไร

~ พระภิกษุ สามารถช่วยสังคมได้ตามพระธรรมวินัย ไม่ใช่ว่าไม่ช่วย แต่ช่วยในสิ่งที่คฤหัสถ์เขาช่วยไม่ได้ เพราะเหตุว่าคฤหัสถ์ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจธรรมอย่างผู้ที่ได้ศึกษาธรรมขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตซึ่งเป็นหัวหน้าของพุทธบริษัท เพราะฉะนั้น พระภิกษุช่วยคฤหัสถ์ให้มีความประพฤติที่ถูกต้องให้ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันและ (ทำให้คฤหัสถ์) ทำหน้าที่ของคฤหัสถ์ที่ดี เพราะฉะนั้น พระภิกษุต้องรักษาพระวินัย ไม่ใช่ไปทำหน้าที่อย่างคฤหัสถ์

~ ขณะนี้มีพระภิกษุที่ต้องอาบัติ (ล่วงละเมิดพระวินัย) มากมายในทุกเรื่อง เพราะไม่มั่นคงในพระศาสนา

~ วัดคือที่อยู่ของพระภิกษุ อยู่เพื่ออะไร? อยู่วัดแล้วทำอย่างคฤหัสถ์ได้ไหม? เพราะฉะนั้น วัด ก็ต้องเป็นที่อยู่สำหรับผู้ที่มีเพศที่ต่างจากคฤหัสถ์ และตลอดทั้งชีวิตอุทิศเพื่อการศึกษาพระธรรมซึ่งลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงสละอาคารบ้านเรือนที่จะใช้ชีวิตตลอดชีวิตเพื่อให้เข้าใจธรรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

~ ต้องเป็นผู้ตรงและจริงใจ ถ้ายังไม่สามารถที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต แล้วบวช ก็ไม่ตรง ไม่ตรงตั้งแต่บวช
~ ภิกษุจริงๆ มีความเคารพอย่างยิ่งในพระรัตนตรัย เพราะเห็นพระมหากรุณาที่ทรงอนุเคราะห์ให้เห็นโทษของกิริยาอาการที่เกิดเพราะกิเลส
~ พระภิกษุที่มีความเคารพในพระรัตนตรัย เห็นพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงอนุเคราะห์พระภิกษุให้มีความประพฤติที่ดีงามในการขัดเกลากิเลส ก็ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยทุกข้อ ไม่เว้นแม้แต่ข้อเดียว
~ ศีลทุกข้อ ไม่ได้ทรงบัญญัติให้ภิกษุลำบากให้ทรมาน แต่เพื่ออนุเคราะห์ในความเป็นผู้ที่ขัดเกลากิเลส ที่จะไม่ต้องโทษในฐานะที่เป็นภิกษุที่บริโภคอาหารของชาวบ้าน
~ คฤหัสถ์ เพียงเห็นครองผ้ากาสาวพัสตร์ เครื่องหมายเครื่องนุ่งห่มที่เป็นเชื้อสายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็กราบไหว้แล้ว เพราะฉะนั้น ความประพฤติต้องสมควร กับที่กล่าวว่าทำความดีในเพราะการขอ การขอที่นี่ขออย่างประเสริฐมาก ไม่เอ่ยสักคำ เพียงมีบาตร จีวรและอากัปกิริยาที่สงบ คนอื่นรู้แล้วว่า ผู้นี้ขัดเกลากิเลส ผู้นี้ไม่ประทุษร้ายใคร ผู้นี้บำเพ็ญเพียร เพราะฉะนั้น ด้วยศรัทธา เขาก็ทะนุบำรุงด้วยการให้ปัจจัย คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค เพื่อที่จะให้ดำรงชีวิตเพื่อที่จะให้ถึงจุดประสงค์คือการขัดเกลากิเลสและเพิ่มพูนปัญญาขึ้น แต่ถ้าพระภิกษุไม่เป็นอย่างนี้ ก็เป็นโจร หรือเป็นอลัชชี (ผู้ไม่ละอาย) เป็นหยากเยื่อ เป็นสิ่งที่ควรทิ้ง ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะมาทะนุบำรุง

~ คฤหัสถ์ยังไปอบายภูมิได้ แล้วพระภิกษุที่ผิดวินัยจะไม่ไปหรือ
~ ถวายเงินแก่พระภิกษุเมื่อไหร่ เท่ากับให้บัตรโดยสารแก่พระภิกษุไปนรกเมื่อนั้น

~ ภิกษุไม่มีเงินและทอง แล้วก็รับไม่ได้ด้วย ไม่มีตั้งแต่สละ ตั้งแต่วันที่บวชเป็นพระภิกษุ นี่ไม่มีเลยไม่มีแล้วกลับไปรับ ไม่ได้ จะไปทำกิจอะไรทั้งหมด (ที่เกี่ยวกับเงินทอง) ไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะเหตุว่า พระภิกษุต้องมีชีวิตในการขัดเกลากิเลส

~ ผิด กันมานาน สมควรหรือยังที่จะช่วยกันรักษาพระธรรมวินัย สิ่งที่ผิด ก็แก้ไขได้ ดีกว่าที่จะปล่อยไป ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ค่อยๆ ทำ ร่วมใจกันที่จะรักษาดำรงพระศาสนา คิดว่าไม่ยากถ้าจะทำจริงๆ และก็เป็นกุศลใหญ่หลวงด้วย ต่อพระศาสนา

~ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้นเป็นกุศล อกุศล พึ่งไม่ได้เลย แต่ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น คือคุณของกุศล ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้เจริญกุศลทุกประการอย่างละเอียด เพราะเหตุว่าเห็นโทษว่า อกุศลธรรมนั้นมีกำลังมากกว่า เพราะเหตุว่าสะสมมากกว่า

~ คิดด้วยความเมตตาว่าบุคคลใดก็ตามที่ได้ทำอกุศลกรรมไว้แล้ว เมื่อถึงกาลที่อกุศลกรรมให้ผล ใครก็ช่วยไม่ได้ มารดาบิดาก็ช่วยไม่ได้ ญาติพี่น้องมิตรสหายก็ช่วยไม่ได้ ก็จะทำให้เรามีแต่การที่จะคิดเป็นมิตรและก็ช่วยเหลือคนอื่น

~ เวลาติดข้อง ต้องเป็นทุกข์ อยากจะได้สิ่งที่เราต้องการ ถ้าไม่ได้ก็เป็นทุกข์ แต่ถ้าเราไม่ติดข้องมากนัก เริ่มเห็นความสุขขึ้นมาบ้าง คือ ไม่เดือดร้อน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
~
มีความหวังดี มีความเป็นมิตร ไม่ใช่เป็นมิตรเฉพาะกับคนที่ดี คนที่ไม่ดี เขาไม่ดี แล้วเราทำไมจะต้องไปไม่ดีตามเขา เพราะฉะนั้น ความเป็นมิตรจะแก้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าใครจะโกรธ ใครจะไม่ชอบ ใครจะเข้าใจผิด เราก็ไม่เดือดร้อน เพราะว่ามีเจตนาดีต่อเขา ที่จะให้เขาเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง

~ ถ้าเริ่มเป็นผู้ที่เห็นโทษของอกุศลทั้งหลาย และเจริญธรรมที่เป็นกุศลธรรม ก็จะเป็นผู้ที่อ่อนโยน เป็นผู้ที่ง่ายขึ้นในการที่จะให้กุศลจิตเกิดแทนอกุศล

~ อกุศลธรรมของเขา ย่อมให้โทษกับเขา อกุศลธรรมของคนอื่นไม่ได้มาให้โทษแก่เราเลย

~ ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลจริงๆ ถ้าท่านเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไร จะไม่มีโทษภัยอะไรซึ่งเกิดเพราะกุศลของท่าน แต่ถ้าท่านจะได้รับโทษภัยต่างๆ ให้ทราบว่าไม่ใช่เพราะกุศลของท่าน แต่การที่ท่านได้รับโทษภัยนั้น เพราะท่านมีอกุศลธรรมของท่านเอง
~ ถ้าทำดีแล้วปลอดภัยแน่นอน ไม่มีสิ่งที่ทำให้เดือดร้อนใจด้วยประการใดๆ เลยทั้งสิ้น.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๗

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย vilaiwan2499  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ ที่เกื้อกูลสาระธรรม

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย kukeart  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย panasda  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย Komvut  วันที่ 24 ก.ย. 2560

กราบอนุโมทนา สาธุ ครับ


ความคิดเห็น 5    โดย thilda  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนายิ่งค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย ประสาน  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย peem  วันที่ 24 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย siraya  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย kullawat  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย jaturong  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 12    โดย Patchanon  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 13    โดย worrasak  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 14    โดย worrasak  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 15    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 16    โดย noppachai  วันที่ 25 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 17    โดย ํํญาณินทร์  วันที่ 26 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 18    โดย s_sophon  วันที่ 29 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 19    โดย chatchai.k  วันที่ 10 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 20    โดย มังกรทอง  วันที่ 2 พ.ย. 2564

ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลจริงๆ ถ้าท่านเป็นผู้ที่มั่นคงในกุศลแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไร จะไม่มีโทษภัยอะไรซึ่งเกิดเพราะกุศลของท่าน แต่ถ้าท่านจะได้รับโทษภัยต่างๆ ให้ทราบว่าไม่ใช่เพราะกุศลของท่าน แต่การที่ท่านได้รับโทษภัยนั้น เพราะท่านมีอกุศลธรรมของท่านเอง น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ