อสัญญสัตตาพรหม มีแต่รูป ไม่มีนาม (จิตเจตสิก) แล้วกรรม-วิบากเก็บอยู่ที่ไหนหรือครับ
โดย ธุลีปดล  5 ก.พ. 2557
หัวข้อหมายเลข 24425

ได้อ่านเรื่องอสัญญสัตตาพรหม (พรหมลูกฟัก) พอทราบเพียงว่า เพราะการเห็นโทษและไม่ต้องการนามขันธ์และวิบากจากกำลังของฌาณ เป็นปัจจัยให้เกิดเพียงรูปโดยไม่มีนาม (จิต-เจตสิก) (ส่วนตัว รู้สึกว่าคล้ายเช่น นิพพานเทียว แต่ไม่ใช่นิพพาน เพราะยังมีรูป) แต่เช่นนี้แล้ว ในระหว่างที่มีแต่รูป ไม่มีนามนั้นกรรม-วิบาก จะเก็บไว้ที่ไหนหรือครับ?

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในธรรมทานล่วงหน้าครับ.



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 5 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

รูปพรหม เป็นบุคคลที่อบรมฌาน และ ฌานไม่เสื่อม ที่เป็นรูปฌาน ย่อมเกิดในรูปพรหม ซึ่งรูปพรหม มี 16 ภูมิ เพราะฉะนั้น รูปพรหมจึงมีมาก โดยมากรูปพรหมเป็นบุคคลที่มีขันธ์ 5 คือ มีรูปและมีนามด้วย ไม่ใช่มีเพียงแต่รูปเท่านั้น เพียงแต่ว่าที่ใช้คำว่า รูปพรหม หมายถึง ผู้ที่อบรมรูปฌานแล้วไม่เสื่อม เกิดในรูปพรหม ครับ ซึ่ง ตามที่กล่าวแล้ว รูปพรหมโดยมาก มีขันธ์ 5 อย่างเช่น สหัมบดีพรหม ที่เป็นรูปพรหม ลงมาอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม เป็นต้น ก็มีทั้งรูป และ นาม คือ มีขันธ์ 5 หากแต่ว่าในรูปพรหม มีภพภูมิหนึ่ง ที่มีแต่รูป ไม่มีนามเลย เรียกว่าอสัญญสัตตาพรหม หรือ พรหมลูกฟัก ที่มักเรียกกัน ครับ

พรหมลูกฟัก หรือ อสัญญสัตตาพรหม คือ พรหมที่มีเพียงแต่รูป ไม่มีนามธรรม คือ จิต เจตสิกเกิดขึ้นเลยครับ ซึ่งเกิดจากบุคคลที่อบรมสมถภาวนาจนได้ปัญจมฌาน แต่เป็นผู้ที่ปรารถนาที่จะไม่มีนามธรรมเพราะเห็นโทษว่า ความคิด ความวุ่นวาย ความเดือดเนื้อร้อนใจเกิดขึ้นได้เพราะมีนามธรรม จึงอบรมจิตให้สงบโดยเบื่อหน่ายต่อนามธรรม (สัญญาวิราคะ) เมื่อฌานไม่เสื่อมหลังจากที่ตายแล้ว ทำให้มีรูปปฏิสนธิ คือ เมื่อจุติจิตเกิดเคลื่อนจากความเป็นมนุษย์แล้ว เกิดเป็นพรหมที่เป็นอสัญญสัตตาพรหม เป็นเพียงรูปปฏิสนธิเท่านั้น แต่ไม่ใช่นามปฏิสนธิครับ จึงไม่มีนามธรรมเกิดขึ้นเลยครับ มีแต่เพียงรูปเท่านั้นครับ ซึ่งเมื่อบุคคลนั้นตายด้วยอิริยาบถใด อสัญญาสัตตาพรหมก็มีอิริยาบถนั้นไปตลอดอายุ ซึ่งมีอายุ 500 กัป ซึ่งในขณะนั้นไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมเลย แต่ก็อยู่ด้วยกำลังของกุศลที่เป็นฌาน เหมือนกับลูกศรที่ยิงออกไป หมดแรงเมื่อไหร่ก็ตกลงมา เมื่ออสัญญสัตตาพรหมจะจุติก็จุติด้วยรูปจุติเช่นกัน ไม่ใช่นามครับ ซึ่งจากคำถามที่ว่า ขณะที่เกิดเป็น อสัญญสัตาพรหม มีแต่รูป วิบากจะเก็บไว้ที่ไหน ในความเป็นจริง จะต้องเข้าใจครับว่า แม้จิตจะไม่เกิดขึ้น แต่ก็สะสมอยู่ในจิตดวงสุดท้าย ก่อนจะเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม คือ จุติจิตนั่นเอง ซึ่งเมื่อหมดกรรมที่จะทำให้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม ที่ท่านเปรียบเหมือนลูกศรที่ยิงไปในระยะไกล สุดท้ายก็ตกลงมา ก็ต้องได้รับกรรม คือ มีการเกิดใหม่ ก็เกิดปฏิสนธิจิต เกิดในภพภูมิใดภพภูมิหนึ่ง กรรมที่เคยทำไว้ ที่สะสมมาจนถึงจุติจิตของชาติสุดท้ายก่อนเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม ก็มาให้ผลได้ ทำให้เกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิใด ภพภูมิหนึ่ง

เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังไม่มีทางที่จะไม่เกิดได้เลยครับ และ ยังจะต้องมีเหตุปัจจัยให้เกิดวิบากต่อไป เพียงแต่ว่าแม้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม มีแต่รูป แต่ก็มีเชื้อ คือกิเลสที่ยังไม่ได้ดับในจุติจิตสุดท้ายก่อนเป็นอสัญญสัตตาพรหมสะสมมา ทำให้เมื่อหมดกรรม การเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม ก็เกิดนามปฏฺิสนธิจิต เกิดวิบากได้

ขออนุโมทนา ครับ


ความคิดเห็น 2    โดย ธุลีปดล  วันที่ 5 ก.พ. 2557
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 24425 ความคิดเห็นที่ 1 โดย paderm

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

รูปพรหม เป็นบุคคลที่อบรมฌาน และ ฌานไม่เสื่อม ที่เป็นรูปฌาน ย่อมเกิดในรูปพรหม ซึ่งรูปพรหม มี 16 ภูมิ เพราะฉะนั้น รูปพรหมจึงมีมาก โดยมากรูปพรหมเป็นบุคคลที่มีขันธ์ 5 คือ มี รูป และ มีนามด้วย ไม่ใช่มีเพียงแต่รูปเท่านั้น เพียงแต่ว่าที่ใช้คำว่า รูปพรหม หมายถึง ผู้ที่อบรมรูปฌานแล้วไม่เสื่อม เกิดในรูปพรหม ครับ ซึ่ง ตามที่กล่าวแล้ว รูปพรหมโดยมาก มีขันธ์ 5 อย่างเช่น สหัมบดีพรหม ที่เป็นรูปพรหม ลงมาอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม เป็นต้น ก็มีทั้งรูป และ นาม คือ มีขันธ์ 5 หากแต่ว่า ในรูปพรหม มีภพภูมิหนึ่ง ที่มีแต่รูป ไม่มีนามเลย เรียกว่า อสัญญสัตตาพรหม หรือ พรหมลูกฟัก ที่มักเรียกกัน ครับ

พรหมลูกฟัก หรือ อสัญญสัตตาพรหม คือ พรหมที่มีเพียงแต่รูป ไม่มีนามธรรม คือ จิต เจตสิก เกิดขึ้นเลยครับ ซึ่งเกิดจากบุคคลที่อบรมสมถภาวนาจนได้ปัญจมฌาน แต่เป็นผู้ที่ปรารถนาที่จะไม่มีนามธรรมเพราะเห็นโทษว่า ความคิด ความวุ่นวาย ความเดือดเนื้อร้อนใจเกิดขึ้นได้เพราะมีนามธรรม จึงอบรมจิตให้สงบโดยเบื่อหน่ายต่อนามธรรม (สัญญาวิราคะ) เมื่อฌานไม่เสื่อมหลังจากที่ตายแล้ว ทำให้มีรูปปฏิสนธิ คือ เมื่อจุติจิตเกิดเคลื่อนจากความเป็นมนุษย์แล้ว เกิดเป็นพรหมที่เป็นอสัญญสัตตาพรหม เป็นเพียงรูปปฏิสนธิเท่านั้น แต่ไม่ใช่นามปฏิสนธิครับ จึงไม่มีนามธรรมเกิดขึ้นเลยครับ มีแต่เพียงรูปเท่านั้นครับ ซึ่งเมื่อบุคคลนั้นตายด้วยอิริยาบถใด อสัญญาสัตตาพรหมก็มีอิริยาบถนั้นไปตลอดอายุ ซึ่งมีอายุ 500 กัป ซึ่งในขณะนั้นไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมเลย แต่ก็อยู่ด้วยกำลังของกุศลที่เป็นฌาน เหมือนกับลูกศรที่ยิงออกไป หมดแรงเมื่อไหร่ก็ตกลงมา เมื่ออสัญญสัตตาพรหมจะจุติ ก็จุติด้วยรูปจุติเช่นกัน ไม่ใช่นามครับ

ซึ่งจากคำถามที่ว่า ขณะที่เกิดเป็น อสัญญสัตตาพรหม มีแต่รูป วิบากจะเก็บไว้ที่ไหน ในความเป็นจริง จะต้องเข้าใจครับว่า แม้จิตจะไม่เกิดขึ้น แต่ก็สะสมอยู่ในจิตดวงสุดท้าย ก่อนจะเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม คือ จุติจิตนั่นเอง ซึ่ง เมื่อหมดกรรมที่จะทำให้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม ที่ท่านเปรียบเหมือนลูกศรที่ยิงไปในระยะไกล สุดท้ายก็ตกลงมา ก็ต้องได้รับกรรม คือ มีการเกิดใหม่ ก็เกิด ปฏิสนธิจิต เกิดในภพภูมิใด ภพภูมิหนึ่ง กรรมที่เคยทำไว้ ที่สะสมมา จนถึงจุติจิตของชาติสุดท้าย ก่อนเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม ก็มาให้ผลได้ ทำให้เกิดเป็น สัตว์ในภพภูมิใดภพภูมิหนึ่ง

เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ยังมีกิเลส ยังไม่มีทางที่จะไม่เกิดได้เลยครับ และ ยังจะต้องมีเหตุปัจจัยให้เกิดวิบากต่อไป เพียงแต่ว่า แม้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม มีแต่รูป แต่ก็มีเชื้อคือ กิเลสที่ยังไม่ได้ดับในจุติจิตสุดท้ายก่อนเป็นอสัญญสัตตาพรหมสะสมมา ทำให้เมื่อหมดกรรม การเกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม ก็เกิดนามปฏฺิสนธิจิต เกิดวิบากได้

ขออนุโมทนา ครับ

สาธุ กราบขอบพระคุณครับ ขอสอบถามเพิ่มเติมอีกนิดครับ เนื่องจากผมไม่มีโอกาสได้เรียนอภิธรรมเลยเพราะทำงานอยู่ต่างประเทศเป็นหลัก และมีเวลาศึกษาค่อนข้างน้อย (ต้องทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงดูตอบแทนคุณบิดามารดาไปด้วย) หากต้องการจะศึกษาอย่างเป็นลำดับเฉพาะที่เป็นพื้นฐานเพียงพอต่อการภาวนาอย่างถูกทาง (กระชับ รัดกุม ไม่พิสดารไป) ควรจะเรียนผ่านเวปหรือสื่อทางไหนดีครับ?ขอบพระคุณในความเมตตา

และอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย paderm  วันที่ 5 ก.พ. 2557

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

สามารถเรียน ศึกษาทางเวปได้ ครับ หากอยู่ต่างประเทศ ซึ่ง ในเวป มีให้ศึกษาทั้งหนังสือ ให้ดาวโหลดอ่านได้ ทั้งปรมัตถธรรมสังเขปที่สอนอภิธรรม และ หมวดฟังธรรม และอื่นๆ ซึ่งในเวป มีเนื้อหาครบถ้วน เพียงพอต่อการศึกษา และ หากสงสัย ก็สอบถามในกระดานสนทนานี้ได้ ครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 4    โดย papon  วันที่ 6 ก.พ. 2557

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย khampan.a  วันที่ 6 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ที่ยังมีการเกิดท่องเที่ยววนเวียนไปในสังสังสารวัฏฏ์ ก็เพราะว่ายังไม่ได้ดับเหตุที่จะทำให้มีการเกิด นั่นก็คือ อวิชชาและตัณหา เมื่อยังมีอวิชชาและตัณหาอยู่ ก็ยังต้องเกิดวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ เป็นไปตามเหตุปัจจัย แม้จะได้เกิดในพรหมภูมิ ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ เมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่

เฉพาะผู้ที่ได้รูปปัญจมฌาน ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายในนามธรรม ก็ทำให้เกิดเป็นอสัญญสัตตาพรหม มีเฉพาะรูปธรรมอย่างเดียว ไม่มีนามธรรมเกิดขึ้นเป็นไปเลยตลอดระยะเวลาที่เป็นอสัญญสัตตาพรหม สำหรับผู้ที่เกิดในอสัญญสัตตาพรหมภูมิ มีรูปปฏิสนธิอย่างเดียวเกิดขึ้นด้วยกำลังของฌานขั้นที่ ๕ เพราะเห็นโทษในนามธรรม เมื่อเคลื่อนจากภูมินั้น มีรูปจุติอย่างเดียว ไม่มีจิตและเจตสิก ส่วนจิตและเจตสิกไม่มีปัจจัยจึงไม่เกิดขึ้น เมื่ออสัญญสัตตาพรหมหมดอายุ ย่อมมีปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดต่อไป สิ่งที่เคยสะสมมาไม่สูญหายไปไหน

ถ้าจะกล่าวถึงรูปพรหมภูมิแล้ว เป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ คือ ขณะนี้ ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีสภาพธรรม คือ จิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นเป็นไป ควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาให้เข้าใจสภาพธรรมเหล่านี้ ตามความเป็นจริง เพราะจิต เจตสิกและรูป ไม่ได้อยู่ในตำรา แต่มีจริงทุกขณะ ซึ่งจะต้องอาศัยการฟังการศึกษา สะสมปัญญาไปตามลำดับ ธรรมเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่ไม่เหลือวิสัยสำหรับผู้ที่ตั้งใจศึกษาเพื่อความเข้าใจจริงๆ เพราะสิ่งที่สามารถรู้ได้ สามารถเข้าใจได้ ก็คือสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ นั่นเอง ครับ

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 6    โดย wannee.s  วันที่ 6 ก.พ. 2557

อสัญญสัตตาพรหมมีแต่รูป แต่ก็ยังไม่พ้นจากกรรม และ การเกิด ค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย isme404  วันที่ 23 มิ.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย Kamakul  วันที่ 27 ก.พ. 2561

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ


ความคิดเห็น 10    โดย chatjaroen  วันที่ 26 ส.ค. 2562

สาธุ

คงต้องขออนุญาตนำไปเผยแพร่ให้กับผู้ไม่รู้เพื่อเป็นธรรมทานครับ


ความคิดเห็น 11    โดย pmalivalya  วันที่ 15 ม.ค. 2565

อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ครับ


ความคิดเห็น 12    โดย chatchai.k  วันที่ 15 ม.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ