ภิกขุสูตร ... วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๗
โดย มศพ.  27 ก.ค. 2557
หัวข้อหมายเลข 25172

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ

ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ

สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

ภิกขุสูตร

(ว่าด้วยเหตุได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคืองและลุ่มหลง)

จาก [เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ ๗๓

... นำสนทนาโดย ...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

จาก [เล่มที่ 27] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ ๗๓

๓. ภิกขุสูตร

(ว่าด้วยเหตุได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคืองและลุ่มหลง)

[๗๔] เรื่องเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคเจ้า ว่า ขอประทานวโรกาส พระเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ผู้เดียว หลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่เถิด.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูกร ภิกษุ บุคคล ย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมถึงการ นับเพราะสิ่งนั้น บุคคลย่อมไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับเพราะสิ่งนั้น.

ภิ. ข้าแต่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว.

พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อได้โดยพิสดาร อย่างไร.

ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงรูป ย่อมถึงการนับเพราะรูปนั้น ถ้าครุ่นคิดถึงเวทนา ย่อมถึงการนับเพราะเวทนานั้น ถ้าครุ่นคิดถึงสัญญา ย่อมถึงการ นับเพราะสัญญา ถ้าครุ่นคิดถึงสังขาร ย่อมถึงการนับเพราะสังขาร ถ้าครุ่นคิดถึงวิญญาณ ย่อมถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ไม่ถึงการนับเพราะรูปนั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงเวทนา ก็ไม่ถึงการนับเพราะเวทนานั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสัญญา ก็ไม่ถึงการนับเพราะสัญญานั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสังขาร

ก็ไม่ถึงการนับเพราะสังขารนั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ไม่ถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เข้าใจเนื้อความแห่งพระภาษิตที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้ว โดยย่อได้โดยพิสดารอย่างนี้แล.

[๗๕] พ. ถูกแล้ว ถูกแล้ว ภิกษุเธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อ ได้โดยพิสดาร ดีนักแล ดูกร ภิกษุ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงรูป ก็ย่อมถึงการนับเพราะรูปนั้น ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึงเวทนา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึงสัญญา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึงสังขาร ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ย่อมถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น ดูกร ภิกษุ ถ้าบุคคลไม่ครุ่น คิดถึงรูป ก็ย่อมไม่ถึงการนับเพราะรูปนั้น ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงเวทนา ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึง สัญญา ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงสังขาร ฯลฯ ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงวิญญาณ ก็ย่อมไม่ถึงการนับ เพราะวิญญาณนั้น ดูกร ภิกษุ เธอพึงเห็นเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าวโดยย่อ โดยพิสดารอย่างนี้แล.

[๗๖] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปนั้น เพลิดเพลินอนุโมทนาพระภาษิตของ พระผู้มีพระภาคเจ้า ลุกจากอาสนะ ถวายบังคม กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ครั้งนั้นแล เธอได้เป็นผู้ผู้เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาทมีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่ ไม่นานเท่าไร ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร ทั้งหลายออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่ง ด้วยตนเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ก็ภิกษุ นั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย.

จบ ภิกขุสูตรที่ ๑

อรรถกถาภิกขุสูตรที่ ๑

ในภิกขุสูตรที่ ๑ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-

บทว่า รูปญฺเจ ภนฺเต อนุเสติ ความว่า ครุ่นคิดถึงรูปอย่างใดอย่างหนึ่ง.

บทว่า เตน สงฺขํ คจฺฉติ ความว่าครุ่นคิดถึงรูปนั้นด้วยความครุ่นคิดอันใดในกามราคะ เป็นต้น ด้วยความครุ่นคิดนั้นนั่นแลย่อมถึงการนับคือบัญญัติว่า รักแล้ว โกรธแล้ว หลงแล้ว.

บทว่า น เตน สงฺขํ คจฺฉติ ความว่า ด้วยความครุ่นคิดอันไม่เป็นจริงนั้น ย่อมไม่ถึงการนับว่า รักแล้ว โกรธแล้ว หลงแล้ว.

จบ อรรถกถาภิกขุสูตรที่ ๑



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 27 ก.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ภิกขุสูตร

(ว่าด้วยเหตุได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคืองและลุ่มหลง)

ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลให้พระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อเป็น เครื่องอุปการะเกื้อกูลแก่การเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคง

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงว่า บุคคลย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมถึงการนับเพราะสิ่งนั้น บุคคลย่อมไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับเพราะสิ่งนั้น

หมายความว่า ถ้าครุ่นคิดถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ย่อมถึงการนับ คือได้ชื่อว่า ติดข้อง ขุ่นเคืองใจ ลุ่มหลง เพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่ถ้าไม่ครุ่นคิดถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ย่อมไม่ถึงการนับ คือ ไม่ติดข้อง ไม่ขุ่นเคืองใจ ไม่หลง เพราะรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

เมื่อภิกษุรูปนี้ได้ฟังแล้ว ก็กราบทูลชื่นชมพระภาษิตของพระองค์ แล้วกราบทูลลากลับไป เป็นผู้ผู้เดียว ไม่ประมาท ในที่สุดท่านก็ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ถอดคำบรรยายธรรม-- ขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง--

โลภะ โทสะ โมหะ

โลภะ โทสะ โมหะ คือ อะไรครับ

สังขารธรรมและสังขารขันธ์

มีปกติอยู่ผู้เดียว [ปฐมมิคชาลสูตร]

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


ความคิดเห็น 2    โดย chatchai.k  วันที่ 28 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย paew_int  วันที่ 1 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย Jans  วันที่ 2 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย orawan.c  วันที่ 4 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ