หมดความสงสัยในทุกเรื่องได้ ก็โดยการรู้ว่า ลักษณะใดเป็นนามธรรม ลักษณะใดเป็นรูปธรรม ในขณะที่สภาพธรรมนั้นๆ กำลังปรากฏ ส่วนการศึกษาเรื่องปริยัติ ก็เพื่อประกอบความเข้าใจ เพื่อให้ขณะใดที่สติเกิด ขณะนั้นปัญญาสามารถละความสงสัยในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมนั้นๆ
รับฟัง ...
ทางเดียวที่จะหมดความสงสัย
การศึกษาธรรม จะต้องพิจารณาให้ตรงกับเหตุผล มิฉะนั้น คิดไปคิดมา ก็อาจจะเพิ่มความสงสัยขึ้น แทนที่จะละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน
แม้ว่าสภาพธรรมจะปรากฏรวดเร็วสักเพียงใดก็ตามทั้งนามธรรมและรูปธรรม แต่เมื่อสภาพธรรมใดปรากฏ สติสามารถที่จะศึกษา พิจารณา สังเกต สำเหนียก จนกว่าจะรู้ในลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ ว่า สภาพใดเป็นนามธรรม สภาพใด เป็นรูปธรรม
นี่คือประโยชน์ของการที่จะเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมทั้งหลาย เพราะถ้าความรู้ในลักษณะที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมยังไม่ชัดเจน ก็ยังเป็นตัวเรา ที่สงสัยเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะหมดความสงสัยในทุกเรื่องได้ ก็โดยการรู้ว่า ลักษณะใดเป็นนามธรรม ลักษณะใดเป็นรูปธรรม ในขณะที่สภาพธรรมนั้นๆ กำลังปรากฏ ส่วนการศึกษาเรื่องปริยัติ ก็เพื่อประกอบความเข้าใจ เพื่อให้ขณะใดที่สติเกิด ขณะนั้นปัญญาสามารถละความสงสัยในลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมนั้นๆ [ตอนที่ 1455]
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา