กว่าจะหมดการที่เคยเข้าไปยึดถือ
โดย เมตตา  1 ธ.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 51569

[เล่มที่ 45] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้า 726

๑๓. โลกสูตร

ว่าด้วยตรัสรู้โลกพร้อมเหตุเกิดและความดับ

อรรถกถาโลกสูตร

ในโลกสูตรที่ ๑๓ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-

ความหมายของโลก

บทว่า โลโก ความว่า ชื่อว่าโลก เพราะหมายความว่าย่อยยับไป หักพังไป. โดยเนื้อความได้แก่อริยสัจ ๒ ข้อต้น แต่ในที่นี้พึงทราบว่า ได้แก่ ทุกขอริยสัจ. โลกนี้นั้น ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลัง ทั้งโดยจำแนกออกไป และโดยสรุปว่า สัตวโลก สังขารโลก และโอกาสโลก.


อ.อรรณพ: ก็ต้องเริ่มต้นตรงนี้ ใส่ใจตรงนี้ ก็คือเริ่มต้นที่จะฟังใส่ใจที่จะรู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้

ท่านอาจารย์: รู้ว่า พูดสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ เพื่อที่จะได้รู้ตัว มีความเข้าใจ หรือไม่เข้าใจแค่ไหน ระดับไหน

อ.อรรณพ: และจากตัวหนังสือเหล่านี้ อามิสสะ เหล่านี้ โลกามิสสะ กิเลสสามิสะ และก็วัฏฏามิสสะ ตัวหนังสือเหล่านี้ครับ จะเป็นประโยชน์ให้เข้าใจอย่างไรครับ

ท่านอาจารย์: เพราะว่า ตัวหนังสือว่า โลกะ รู้ไหมว่าอะไร?

อ.อรรณพ: ก็คือ สิ่งที่มีขณะเกิดแล้วก็ดับครับ

ท่านอาจารย์: เห็นไหม พูดให้รู้ว่าสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ นั่นเป็นโลก ถ้าไม่เกิด โลกไม่มี โลกอะไรก็ไม่มีทั้งสิ้น แต่เมื่อสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นเองเป็นโลก ถ้าไม่มีสิ่งนั้นโลกใดๆ ก็ไม่มีหมด เริ่มเห็นคุณ ลึกซึ้งไหม? พูดเรื่องโลก แต่เข้าใจโลกแค่ไหน?

และ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของโลกว่า คืออะไร ใช้คำนี้หมายถึงอะไร ไม่ใช่ไปอยู่ที่คำว่า โลกามิส แล้วก็นั่งแปล คิดตามคิดว่า เข้าใจแล้ว แล้วเดี๋ยวนี้ล่ะ!

อ.อรรณพ: โลกะ ความเป็นโลกยังไม่ปรากฏ เพราะยังไม่รู้ความเกิดขึ้น และดับไปที่เป็นโลกะของแต่ละหนึ่งครับ

ท่านอาจารย์: แค่นี้! เห็นความลึกซึ้งไหม ตามที่พูดทุกอย่างใช่ไหม? ยังไม่เห็นว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับ

อ.อรรณพ: ก็เลยถูกล่อ

ท่านอาจารย์: ต้องตรงอย่างยิ่ง จึงค่อยๆ รู้ทีละหนึ่ง ไม่สับสน ไม่ปนกัน ไม่หลอกลวง ไม่ปิดบังว่า ดับแล้ว เพราะเหตุว่า ยังอยู่

อ.อรรณพ: ดับแล้ว แต่ก็เหมือนยัง เพราะว่า ความเกิดดับที่รวดเร็ว กับความไม่รู้มหาศาล ก็เป็นอย่างนี้ครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ให้ทำอะไรหรือเปล่า?

อ.อรรณพ: ไม่ได้ให้ทำอะไรครับ เพราะว่าทำไม่ได้

ท่านอาจารย์: เห็นไหม! แล้วใครจะไปทำล่ะ ไม่ได้ให้ทำเลย ให้รู้ให้เข้าใจ ไม่ได้ให้ไปทำ เพราะฉะนั้น รู้แล้วก็รู้อีก รู้อีก แล้วค่อยๆ สะสมความรู้มั่นคงขึ้นละเอียดขึ้น รอบคอบขึ้น ไม่ได้ให้ไปทำอะไร

อ.อรรณพ: ครับ กิเลสอกุศลก็ไม่ดี แต่ก็เป็นเครื่องล่อได้อย่างไรครับ เพื่อจะเห็นในความเป็นไปของกิเลสครับ

ท่านอาจารย์: กิเลส ติดข้องในอะไร?

อ.อรรณพ: กิเลสติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นต้นครับ

ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้ค่ะ

อ.อรรณพ: ชอบอากาศเย็น

ท่านอาจารย์: ชอบความเย็นใช่ไหม?

อ.อรรณพ: ชอบความเย็น สภาพที่เย็นสบาย

ท่านอาจารย์: ยังมีอยู่หรือเปล่า สิ่งที่ชอบ?

อ.อรรณพ: ตามความเป็นจริง ก็เกิดแล้วดับแล้ว แต่ไม่ได้รู้ในโลกะของเย็นครับ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น เป็นผู้ตรง ความตรงก็คือว่า ยังไม่รู้ ต่อให้ฟังเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้

อ.อรรณพ: เกิดดับก็ยังไม่รู้แน่นอน กิเลสไม่ดีทำไมถึงเป็นเครื่องล่อครับ

ท่านอาจารย์: รู้หรือว่าไม่ดี? ชอบอาหารอร่อย รู้หรือว่าไม่ดี?

อ.อรรณพ: ถ้าโทสะก็พอว่าครับ ก็อาหารอร่อยก็ชอบครับ

ท่านอาจารย์: ความต่างกันของโลภะ กับโทสะ คืออะไร?

อ.อรรณพ: โลภะเป็นสภาพที่ติดข้อง โทสะเป็นสภาพที่ขุ่นเคืองครับ

ท่านอาจารย์: ทั้ง โลภะก็เกิด โทสะก็เกิด แล้วก็ดับใช่ไหม?

อ.อรรณพ: เป็นเช่นนั้น แต่ไม่ได้รู้

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น จึงเริ่มรู้ว่า ไม่รู้ระดับไหน?

อ.อรรณพ: เพราะฉะนั้น จะไปกล่าวถึง วัฏฏะ การวนเวียนอยู่อย่างนี้ก็ยิ่ง ความมีความเป็นวนเวียนอยู่อย่างนี้ก็ยิ่งลึกซึ้ง

เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะถามอะไร ท่านอาจารย์ก็ตอบเสมอว่า ศึกษาแต่ละคำ แต่ละข้อความเพื่อเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ และการที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจความจริงเดี๋ยวนี้ ก็จะเป็นการเข้าใจ แต่ละอย่างๆ ๆ แต่ละสิ่ง แต่ละคำ แต่ละข้อความ มิเช่นนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์อะไร ซึ่งยากครับ ไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไไร แค่โลภะ ก็สุดซึ้ง

ท่านอาจารย์: ไม่สงสัยในอีกแสนโกฏกัปป์ ล้านแสนโกฏกัปป์ ใช่ไหม?

อ.อรรณพ: เมื่อคืนก็สนทนากันครับ ก็ยิ่งเห็นเลยว่า ประมาณความไม่รู้ไม่ได้เลย แล้วความรู้ที่จะเกิดขึ้นที่จะไปสลายความไม่รู้นั้น จะต้องเป็นระยะเวลาที่นานแค่ไหน

ท่านอาจารย์: พิสูจน์ได้เดี๋ยวนี้เลยใช่ไหม?

อ.อรรณพ: พิสูจน์ได้เดี๋ยวนี้ว่า แม้สิ่งที่กำลังปรากฏเกิดดับ ก็ไม่ได้รู้โดยความเกิดดับของสิ่งที่กำลังปรากฏ

ท่านอาจารย์: และ ไม่พูดถึงเลยจะเป็นอย่างไร?

อ.อรรณพ: ก็ไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟัง ไม่มีโอกาสที่ได้สะสมความเข้าใจในสิ่งที่ก็เป็นไปตามคำที่ท่านแสดงทุกคำ ไม่ว่าจะ โลกะ กิเลสะ วัฏฏะ

ท่านอาจารย์: เป็นผู้ที่เริ่มตรงต่อความเป็นจริงในความเป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลยทั้งสิ้น กว่าจะหมดการที่เคยเข้าไปยึดถือ อะไรเกิด โน่น นี่ นั่น ฉัน เขา ลูก ประเทศ ดวงจันทร์ พระอาทิตย์ หมดทุกอย่าง กว่าจะหมดไม่เหลือในความเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด อีกนานเท่าไหร่ก็รู้ได้เลย

ถ้าไม่มีการฟัง ไม่มีการเข้าใจเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จะถึงความจริงไหม?

อ.อรรณพ: สภาพธรรมะเหล่านี้เขามีกำลังของเขาครับ

ท่านอาจารย์: ก็ได้แต่พูด เกิดดับ เมื่อไหร่สักที?

อ.อรรณพ: นั่นซิครับ

ท่านอาจารย์: ก็แค่พูดไป

อ.อรรณพ: แล้วจะไปเร่งไปทำอะไรก็ไม่ได้ครับ ต้นทุนมาน้อย

ท่านอาจารย์: เริ่มเข้าใจบารมีใช่ไหม?

อ.อรรณพ: เข้าใจครับ เพราะเห็นคุณค่าที่สุด

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น การที่จะไปที่หนึ่งที่ใด นั่งทำอะไร จะเป็นบารมีหรือเปล่า? เพราะไม่รู้จักคำว่า บารมี

อ.อรรณพ: มีแต่ไปเพิ่มสิ่งที่ทำลายบารมี ก็คือโลภะที่เกิดกับความเห็นผิด ทำลายบารมีหมดสิ้นครับ เพราะโลภะ เป็นปฏิปักษ์กับทุกบารมี โดยเฉพาะโลภะที่เกิดกับความเห็นผิด

เพราะฉะนั้น ยากครับที่จะออกจากสังสาระ ยากที่สุด

ท่านอาจารย์: ถ้าง่ายๆ เราคงไม่ต้องพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดแล้วพูดอีก ขณะที่กำลังพูดจะได้ใส่ใจ ค่อยๆ รู้ว่า สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้แหละ ถ้าไม่พูดถึงเลยจะสามารถทำให้ระลึกได้ถึงความจริงไหมที่ได้ฟังมาว่า เกิดดับ

อ.อรรณพ: ถ้าท่านอจารย์ไม่กรุณากล่าวตามคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่ได้ยินกัน ถึงจะได้ยินเรื่องเกิดดับ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็เป็นคำเป็นเรื่อง เพราะไม่ได้ใส่ใจว่า ที่ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อะไรเดี๋ยวนี้! อะไรเดี๋ยวนี้ที่เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ก็ได้ยินแต่คำแต่เรื่องราว แล้วก็ไม่ได้สะสมความรู้ความเข้าใจ เพราะ ในสิ่งที่ตรงจริงๆ มีจริงๆ นะครับ ตรง และจริง จริงๆ ก็คือสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็ต้องอดทนต่อไปใช่ไหม?

อ.อรรณพ: ขันติบารมีครับ

ท่านอาจารย์: จับด้ามมีดไหมนี่?

อ.อรรณพ: จับนิดหนึ่งๆ ครับ

ท่านอาจารย์: แตะหมดไปเท่าไหร่?

อ.อรรณพ: ไม่ทราบครับ

ท่านอาจารย์: ยังไม่รู้เลย ยังไม่หมดเลย แผ่วมาก กว่าจะถึงกว่าจะจับกว่าจะมั่นคง แค่แตะหรือยัง? ถ้าไม่รู้ว่า อยู่ไหน? คืออะไร? ไม่มีอะไรจะไปแตะได้

อ.อรรณพ: ยังไม่รู้ว่า ด้ามมีดอยู่ตรงไหน จะไปจับด้ามมีดได้อย่างไร ก็เพียงแต่พูดถึงด้ามมีด แต่ไม่รู้จักด้ามมีด จนกว่าจะได้ฟังได้สนทนาที่ท่านอาจารย์เกื้อกูลโดยนัยยะประการต่างๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ที่จะเข้าใจขึ้นครับ ก็เป็นหนทางเดียวที่จะออกจากสังสาระ

ขอเชิญอ่านเพิ่มได้ท่ ..

เพิ่งรู้ตัวว่ายังเป็นทาส

ตถาคตรู้โลกและอารมณ์ ๖ [โลกสูตร]

ขอเชิญฟังได้ที่ ..

เข้าใจให้ชัดเจนในทุกคำที่ได้ยิน

จนกว่าจะใส่ใจตรงลักษณะที่กำลังปรากฏ

โลกในพระวินัยของพระอริยเจ้า

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ

กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.อรรณพ ด้วยความเคารพค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 1 ธ.ค. 2568

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ