อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต หิรีมาสูตร ข้อ ๓๐ มีข้อความว่า
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีผิวพรรณงาม ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสวแล้ว เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้เรา แล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ๗ ประการเป็นไฉน คือ ความเป็นผู้เคารพในพระศาสดา ๑ ความเป็นผู้เคารพในธรรม ๑ ความเป็นผู้เคารพ ในสงฆ์ ๑ ความเป็นผู้เคารพในสิกขา ๑ ความเป็นผู้เคารพในสมาธิ ๑ ความเป็น ผู้เคารพในหิริ ๑ ความเป็นผู้เคารพในโอตตัปปะ ๑ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
เทวดานั้นครั้นกล่าวดังนี้แล้ว ไหว้เรา กระทำประทักษิณ แล้วหายไป ณ ที่นั้นเอง ฯ
ภิกษุผู้มีความเคารพในพระศาสดา มีความเคารพในธรรม มีความเคารพ อย่างแรงกล้าในสงฆ์ มีความเคารพในสมาธิ มีความเพียร มีความเคารพอย่าง แรงกล้าในสิกขา ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ มีความเคารพ ยำเกรง เป็นผู้ ไม่ควรเพื่อความเสื่อม ย่อมมีในที่ใกล้นิพพานทีเดียว ฯ
ก็คงจะเห็นประโยชน์ของหิริโอตตัปปะ ซึ่งเป็นความรังเกียจและกลัวอกุศลธรรม
ถ . ที่ว่ามีความเคารพในสมาธินั้น เคารพอย่างไร คงไม่ใช่ทำให้เป็นฌานก่อน
สุ. สมาธิ คือ สัมมาสมาธิ จะใช้ในหมายความว่า การเจริญสมถภาวนา ก็ได้ ถ้าเข้าใจธรรมสอดคล้องกันทั้ง ๓ ปิฎก คงจะไม่มีข้อสงสัยเวลาที่กล่าวถึงสมาธิ ซึ่งต้องมุ่งหมายถึงสัมมาสมาธิแต่ละขั้นตามความสามารถ
การศึกษาธรรมต้องละเอียด ถ้าได้ยินว่า สมาธิ คำเดียว ก็จะทำสมาธิ หรืออยากทำสมาธิ นั่นผิดทันที เพราะไม่รู้ว่าสมาธินั้นต้องหมายความถึงสัมมาสมาธิ แต่ละระดับขั้น ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1584
รับฟัง ...
หิรีมาสูตร