เรื่องเล่าต่างๆ ชาดก ตำนานนรก สวรรค์ มีไว้เพื่อเป็นอุบายหรือมีอยู่จริง??
โดย อยากรู้จึงถาม  21 มี.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 20833

ตำนาน พุทธประวัติ ชาดก เช่นกัณหา-ชาลี ชูชก เรื่องพระพุทธเจ้าเคยเสวยชาติ เป็นโน่น เป็นนั่น เป็นนี่ เป็นสัตว์ เป็นลูกพ่อค้า เป็นพระราชา เป็นฤาษี เรื่องนรกภูมิต่างๆ มีขุมนั้น ขุมนี้ ขุมนั้นโดนลงโทษแบบนี้ ขุมนี้โดนลงโทษแบบนั้น ขุมนี้เทวทัตอยู่เพราะทำกรรม ทำบาปไว้มาก สวรรค์ต่างๆ ชั้นนี้คนนี้อยู่ ชั้นนั้นคนนี้อยู่ มีความสวยงาม ปราสาทแก้วเจ็ดชั้น สารพัดอย่าง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อเป็นอุบายอะไรบางอย่าง เช่น ชี้นำให้คนทำดี ละชั่ว หรือท่านคิดว่าเรื่องเหล่านี้มีอยู่จริง อาจเป็นในโลกคู่ขนาน หรือเรื่องที่เกิดมาเมื่อนานสองสามพันปี หมื่นปีล้านปีที่แล้ว หากมีจริง สิ่งใดจะยืนยันเป็นหลักฐาน ไดโนเสาร์ พืช สัตว์โบราณ อารยธรรมโบราณ หลายๆ แห่งยังคงมีอยู่ แต่สิ่งเหล่านี้มีจริงหรือไม่ อย่างไร?

ขอได้โปรดชี้แนะ ตามเหตุผลและหลักการ

ด้วยความเคารพ

ป.ล.ขอถามแบบคนเบาปัญญา ชาติที่พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นกษัตริย์ผู้มีแต่ให้ ลูก เมีย ทรัพย์สมบัติยกให้เขาหมด ลูกตนเองต้องไปอยู่กับชูชก ตกระกำ ลำบาก แต่ตัวเองออกเดินทางเพื่อหาทางหลุดพ้น เช่นนี้เป็นบาปหรือไม่



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 21 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องภพภูมิ เรื่องอดีตชาติ นรก สวรรค์ จริงหรือไม่ เพื่อให้เห็นว่ากรรมมี ผลของกรรมก็ย่อมมี กรรมดีเมื่อได้ทำ ผลก็ย่อมมี กรรมชั่ว เมื่อได้ทำลงไป ผลก็ย่อมมีจากผลของการทำชั่ว ทำให้เกิดในภพภูมิที่ดีและไม่ดี ตามหลักเหตุผล ที่ว่า เหตุดี ผลก็ย่อมดี เหตุไม่ดี ผลก็ไม่ดี จะสร้างตึก เหตุไม่ดี คือ ทำไม่เป็น ตึกก็ไม่ดี ผลก็ไม่ดี สร้างตึก ทำเป็นและชำนาญ เหตุดี ตึกก็สร้างเสร็จ และดี ตามเหตุที่ดี ครับ

หากเราจะตัดสินสิ่งที่มีจริง ด้วยการเห็นเท่านั้น หากไม่ได้เห็นก็บอกว่าไม่มีจริง คงตัดสินแค่นั้นไม่ได้ครับ สิ่งที่ไม่เห็นแต่มีจริงก็ได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของเหตุ ผล และ เมื่อบุคคลเห็นด้วยตาตัวเองแล้วจึงเชื่อ แต่สำหรับผู้มีปัญญาแล้ว ย่อมเชื่อในสิ่งที่ แม้ไม่ได้เห็น เพราะเป็นเรื่องของเหตุและผลที่เป็นไปตามความเป็นจริง ในโลกมนุษย์ ที่เห็นๆ กันอยู่ ทำไม บางคนถึงได้รับความสุข เกิดมาพบสิ่งดีๆ เป็นส่วนมาก

ทำไมบางคนถึงได้รับความทุกข์ทรมาน ทางกายมากกว่าคนอื่น ทุกอย่างต้องมีเหตุ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาลอยๆ ครับ ในการได้รับสุข ได้รับทุกข์ ผู้ที่ได้รับความสุขทางกายที่ดี ก็ย่อมเกิดจากเหตุที่ดีคือการกระทำกุศลกรรม ทำสิ่งที่ดี ผู้ที่ได้รับสิ่งที่ไม่ดีทาง กาย หรือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ย่อมเกิดจากเหตุที่ไม่ดี เกิดจากการกระทำที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลกรรมนั่นเอง เพราะฉะนั้น จึงเป็นเรื่องของเหตุและผล ทำกรรมดีก็ย่อมได้รับสิ่งที่ดี ทำกรรมชั่วก็ย่อมได้รับสิ่งที่ไม่ดีครับ

บนโลกเราทำไมบางคนอาจโดนไฟไหม้ตัวเอง แต่ระยะเวลาไม่นาน แล้วจะมีสถานที่อื่นไหมที่ถูกไฟเผาตัวเองเป็นเวลานาน ทำไมคนอื่นไม่ถูกไฟไหม้ แต่ทำไม ต้องเป็นคนนี้ เพราะกรรมที่ไม่ดีของคนนั้นให้ผล แล้วถ้ากรรมที่ไม่ดีที่มีมาก มีกำลัง ผลก็ย่อมรุนแรงกว่านี้ ย่อมจะมีสถานที่ที่ได้รับการถูกเผาด้วยไฟนานกว่านั้น นี่เราพูดถึงเรื่องของเหตุและผล ว่ากรรมที่ทำที่เป็นกรรมไม่ดี ก็มีตั้งแต่มีกำลังน้อยก็ให้ผลไม่มาก จนถึงกรรมไม่ดีที่มีกำลังมาก การให้ผลก็ย่อมให้ผลในทางที่ไม่ดีมาก อันมีสถานที่ที่สมควรแก่การรับผลในทางที่ไม่ดี มี นรก เป็นต้น สัตว์เดรัจฉานบางประเภทก็ถูกฆ่าอย่างทารุณ แต่ระยะเวลาไม่นาน นี่เราพอจะเห็นได้ เป็นนรกของสัตว์หรือเปล่า ซึ่งก็ต้องเป็นเพราะผลของกรรมที่ไม่ดี แต่จะมีสถานที่อื่นไหมที่จะต้องได้รับการฆ่า ทรมานมากกว่านั้นเพราะกรรมชั่วที่ทำนั้นมีกำลังมาก จึงต้องมีสถานที่ที่เหมาะสมในการรับผลของกรรม ตามกำลังของกรรมชั่วที่ทำไว้


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 21 มี.ค. 2555

โดยนัยเดียวกับเรื่องของสวรรค์ ในโลกมนุษย์ก็มีผู้ที่ได้รับความสุข ได้พบสิ่งที่ดี นั่นเป็นผลของกุศลกรรมที่เขาทำไว้ให้ผล แต่หากเป็นกุศลกรรมที่มีกำลัง ประณีต ผลของกุศลนั้นก็ย่อมให้สิ่งที่ดีมากกว่านี้ ได้เห็นสิ่งที่ดี ได้ยินสิ่งที่ดี เป็นต้น อันมีสถานที่ที่เหมาะสมกับการได้รับผลของกรรมที่เป็นกรรมที่ดี ประณีต มีกำลัง มีสวรรค์ เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า เป็นเรื่องของเหตุและผล เป็นเรื่องของกรรมและผลของกรรม กรรมดีมีกรรมที่ดี ประณีตมากๆ ก็ย่อมมีสถานที่ที่เหมาะสมในการรับผลของกรรมที่ทำดี กรรมดีมีจริง และถ้าเป็นกรรมดีที่มีกำลังมาก ก็ย่อมมีสถานที่เหมาะสมในการรับผลของกรรมที่เป็นกรรมดี มีสวรรค์ เป็นต้น


ส่วนคำถามที่ว่า

ป.ล.ขอถามแบบคนเบาปัญญา ชาติที่พระพุทธเจ้า เสวยชาติเป็นกษัตริย์ผู้มีแต่ให้ลูก เมีย ทรัพย์สมบัติยกให้เขาหมด ลูกตนเองต้องไปอยู่กับชูชก ตกระกำ ลำบากแต่ตัวเองออกเดินทางเพื่อหาทางหลุดพ้น เช่นนี้เป็นบาปหรือไม่


ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนครับว่า บาป คือ อะไร

บาป คือ สภาพธรรมที่ไม่ดีที่เป็นจิต ที่ไม่ดี เป็นอกุศล และก็เข้าใจความจริงของ คำว่า พระพุทธเจ้า และ พระโพธิสัตว์ ครับ ว่าคืออะไร พระพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งจะต้องอาศัยการบำเพ็ญบารมี บารมี คือ บำเพ็ญกุศลธรรม ความดี ต่างๆ ไม่ใช่บำเพ็ญบาป คือ ทำกุศลทุกๆ ประการ เพื่อที่จะถึงความเป็นผู้เลิศ คือ ความเป็นพระพุทธเจ้า อันจะสามารถช่วยสัตว์โลก ให้พ้นจากทุกข์ได้ ไม่ใช่เพียงพระองค์เดียวที่พ้นจากทุกข์ ดังนั้น พระโพธิสัตว์ เริ่มจากจิตที่ดี คือ คิดที่จะช่วยให้สัตว์โลกพ้นจากทุกข์ คือ การเกิด แต่จะต้องทำกุศลประการต่างๆ อย่างมากมาย หาประมาณไม่ได้ และ การสละทุกสิ่ง เป็นทานบารมี ก็เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งที่จะต้องบำเพ็ญเพื่อถึงความเป็นพระพุทธเจ้า ดังนั้น พระเวสสันดร สละ สิ่งต่างๆ มีบุตร ภรรยา เพื่อตนเองหรือไม่ ไม่ใช่เลย ครับ ก็เพราะรู้ว่าการสละสิ่งเหล่านี้ได้ จะนำมาซึ่งความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อช่วยสัตว์โลกได้ รวมทั้ง กัณหา ชาลี พระนางมัทรี ก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงด้วย เพราะอาศัยการได้เป็นพระพุทธเจ้า ของพระเวสสันดร ครับ โดยการสละทุกสิ่ง ดังนั้น ด้วยจิตที่ดี คิดจะช่วยผู้อื่น ก็เป็นกุศล ไม่ใช่บาป การสละได้ ไม่ติดข้อง ก็ เป็นกุศล ไม่ใช่บาป เพราะโลกไม่ได้เข้าใจความจริง สำคัญว่าการมีความรักกัน ที่เป็น โลภะ แต่ไม่รู้ว่าเป็นโลภะ เป็นสิ่งที่ดี การสละได้ ดูเหมือนไม่มีเยื่อใย เป็นสิ่งที่ไม่ดี ครับ ดังนั้น การสละได้ ด้วยกุศล จึงไม่ใช่บาป แต่ผู้ที่ติดข้อง ขณะนั้นเป็นอกุศล เป็น บาป ครับ การกระทำเพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตน อันนำมาซึ่งความสุขกับสัตว์โลก ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐ และเป็นความดี ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา


ความคิดเห็น 3    โดย khampan.a  วันที่ 21 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นชาดกต่างๆ นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากความประพฤติเป็นไปของแต่ละบุคคล ตามการสะสม เป็นชีวิตในภพหนึ่งชาติหนึ่ง ตราบใดที่ยังไม่สามารถดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ สังสารวัฏฏ์ก็จะต้องดำเนินต่อไป ในอดีตชาติที่ผ่านๆ มา ก็เกิดมาแล้วนับไม่ถ้วน และก็ยังจะต้องเกิดต่อไปอีก สำหรับนรก สวรรค์ เป็นภพภูมิที่มีจริง นรกเป็นอบายภูมิภูมิหนึ่งในอบายภูมิ ๔ เมื่ออกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วถึงคราวให้ผล ก็สามารถทำให้เกิดในนรกได้ ตามควรแก่อกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า อบายภูมิเป็นภูมิที่ปรากฏได้ด้วยผลของอกุศลกรรม กล่าวคือ การกระทำที่เป็นอกุศล นั่นเอง ไม่ใช่กรรมที่เป็นกุศล ถ้ายังไม่รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้นได้ เพราะเหตุว่าโลภะ โทสะ โมหะ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ วันหนึ่งๆ มีมากมายเหลือเกิน นี้แหละที่จะเป็นเชื้อที่จะนำไปสู่อบายภูมิได้ เพราะเหตุว่า ถ้าอกุศลจิตนั้นมีกำลังมากขึ้น ทำให้กระทำอกุศลกรรม ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้เกิดในอบายภูมิได้ ซึ่งอกุศลกรรมเกิดขึ้นได้ก็เพราะมาจากการสะสมกิเลสไปทีละเล็กทีละน้อยนั่นเอง ซึ่งจะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลยทีเดียว

ในทางตรงกันข้าม กุศลกรรม ที่ได้กระทำแล้ว เป็นเหตุทำให้เกิดในสุคติภูมิ คือ เกิดเป็น มนุษย์ หรือเกิดเป็นเทวดา ทั้งหมดนั้น เป็นเหตุเป็นผลของธรรม ไม่ใช่เรื่องที่เขียนขึ้นในภายหลัง แต่เป็นการทรงตรัสรู้และทรงแสดงโดยบุคคลผู้เลิศผู้ประเสริฐที่สุดในโลก คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมเป็นจริงอย่างไร พระองค์ก็ทรงแสดงไปตามความเป็นจริงอย่างนั้น เพราะฉะนั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงในเรื่องของกรรม ผลของกรรม รวมไปถึงเรื่องของภพภูมิต่างๆ มีอบายภูมิ เป็นต้น ก็เพื่อที่จะเตือนให้ทุกคนเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ไม่ประมาทกำลังของกิเลส และไม่ประมาทในการกุศลประการต่างๆ เพราะเหตุย่อมสมควรแก่ผล เมื่อเหตุไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี แต่ถ้าเป็นเหตุที่ดีแล้ว ผลก็ย่อมจะเป็นผลที่ดี ซึ่งไม่มีมีใครทำให้ ไม่มีใครมอบให้ แต่เกิดขึ้นเพราะเหตุคือ กรรมที่ได้กระทำแล้ว พร้อมทั้งเตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาทในการอบรมเจริญปัญญา เพราะการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อการพ้นจากทุกข์ พ้นจากการเกิดในภพภูมิทั้งปวง ครับ


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 21 มี.ค. 2555

- ผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า พระโพธิสัตว์ (พระมหาโพธิสัตว์) พระโพธิสัตว์ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างครบถ้วน บริจาคสิ่งใหญ่ๆ ๕ อย่าง เรียกว่าปัญจมหาบริจาค คือ บริจาคอวัยวะ บริจาคชีวิต บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคบุตร และภรรยา ทั้งหมดเป็นของที่เป็นที่รักและสละได้โดยยากทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่รัก ก็ตาม และสิ่งที่มีค่าและเป็นที่รักยิ่งกว่านั้น คือ พระสัมมาสัมโพธิญาณ พระบารมีที่ทรงบำเพ็ญทั้งหมด ก็เพื่อสิ่งนี้ เพื่อจะช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ในแต่ละชาติของพระองค์ เพื่อประจักษ์แจ้งพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้น เป็นความละเอียดลึกซึ้ง ของพระมหากรุณาคุณ พระบริสุทธิคุณ และ พระปัญญาธิคุณของพระองค์ ซึ่งยากที่ปุถุชนทั่วๆ ไปผู้ไม่ได้สดับพระธรรม จะพิจารณาเข้าใจได้ แม้ผู้ที่ศึกษาพระธรรมมาบ้าง ก็ยังยากที่จะคิด พิจารณาให้เข้าใจถึงการกระทำทุกอย่างของพระโพธิสัตว์ในแต่ละชาติได้ โดยเฉพาะการบริจาคบุตรทั้งสอง คือ กัณหาและชาลี รวมถึงบริจาคภรรยา คือ พระนางมัทรี ในพระชาติที่พระองค์ทรงเป็นพระเวสสันดร ซึ่งทั้งหมดนั้น จะต้องศึกษาพิจารณาอย่างละเอียดในเหตุในผลจริงๆ จะเห็นได้ว่าทั้งพระนางมัทรี, กัณหาและชาลี ต่างก็มีความเข้าใจ ในเรื่องการบำเพ็ญพระบารมีเพื่อพระโพธิญาณของพระโพธิสัตว์ เป็นอย่างดี ซึ่งท่านเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่สะสมบารมีมาเพื่อที่จะเป็นผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในอนาคตข้างหน้า ทั้งนั้น [พระนางมัทรี คือ พระนางยโสธรา พิมพา, กัณหา คือ พระอุบลวรรณาเถรี, ชาลีคือ พระราหุล เป็นพระอรหันต์ทั้งหมดในกาลสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคดม] และ ก็พร้อมที่จะถูกบริจาค เพื่อการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของปัญญา เป็นเรื่องของความเข้าใจในพระธรรม ที่ได้สะสมอบรมมาทั้งนั้น ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 21 มี.ค. 2555

เมื่อวานก็ผ่านไปแล้ว วันนี้มีจริงฉันใด พรุ่งนี้ก็มีจริงฉันนั้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีเรื่องราว ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต เพราะฉะนั้น ชาติก่อมมีจริง ชาตินี้ก็มีจริง และ ชาติหน้าก็มีจริงเหมือนกัน ค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย pat_jesty  วันที่ 21 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย เซจาน้อย  วันที่ 22 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"เหตุย่อมสมควรแก่ผล"

"กรรมยุติธรรมเสมอ"

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ...


ความคิดเห็น 8    โดย jaturong  วันที่ 22 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย captpok  วันที่ 29 มี.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย chaweewanksyt  วันที่ 2 เม.ย. 2555

อนุโมทนา ความคิดเห็นที่ 2 และ 3 ค่ะ

สาธุ

สาธุ