
บางส่วนจากการสนทนาธรรมที่บ้าน ซ.พัฒนเวศม์ 5/8/68
มีครบทุกอย่างก็ไม่อยากอยู่ คนไม่อยากอยู่มีหลายสาเหตุ ถ้าได้เข้าใจธรรมะก็ดี ... อยากหรือไม่อยากก็ต้องอยู่ เสียเวลาอยาก เสียเวลาไม่อยาก ... ความจริงคือไม่พ้น ไม่ว่าจะตายอีกก็เกิดอีกๆ ๆ ๆ ๆ ข้อสำคัญว่าเกิดแล้วมีปัญญาบ้างไหม!! ไม่งั้นมันมืดอยู่ตลอดเวลา แล้วกว่าพระพุทธเจ้าข้างหน้าอีกพระองค์จะตรัสรู้ ศาสนานี้ต้องอันตรธานก่อนเพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งให้อันตรธานนะ ... รีบๆ ใส่ไว้ในใจ สำหรับพระพุทธเจ้าองค์ข้างหน้าอย่างนั้นเลย ... จริงแสนจริง ... ไม่มีใครจะพ้นไปง่ายๆ
ฟังธรรมะไปด้วยความเบิกบานว่าได้สะสม ปลูกฝังความเห็นถูกต้องเท่านั้นเป็นที่พึ่ง ... อย่างอื่นพึ่งไม่ได้จริงๆ สมบัติเหรอ ... กำลังปวดแสนปวดจะมาช่วยอะไรได้?! ชื่อเสียงเหรอ ... อยู่ไหนล่ะ?! เกียรติยศอะไรต่ออะไร ... ถ้าไม่คิดไม่มี!! แล้วคิดไปทำไม..มันอยู่ไหนล่ะ?! มันมีจริงหรือเปล่า?! แต่ความดีถึงไม่มีใครเห็น ... ใครก็เปลี่ยนไม่ได้ ... เปลี่ยนให้เป็นไม่ดีไม่ได้ เปลี่ยนรู้ให้เป็นไม่รู้ไม่ได้ ฟังไปแต่ต้องคิด ... รีบๆ ไปไม่ได้สักประโยคเดียว..ต้องแต่ละประโยค ... ทีละประโยคเพื่อรู้แล้วล่ะ!!! คิดว่าลืมหรือ ... มันฝังไว้แล้ว เพียงแต่ว่ามันจะได้รับสิ่งที่บำรุงให้มันเติบโตแค่ไหนเท่านั้น!!
แต่อวิชชามันกลบเร็ว กลบแล้วก็อวิชชาโกยมาก่อน ... ข้อสำคัญทำให้ไม่กลัวตายและก็ไม่ต้องคิดถึงด้วย แต่สิ่งที่ขาด ... ความดีและความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ... สำคัญที่สุด!!!
ความจริงมีคำตอบทุกคำอยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจหรือเปล่า!!! อย่าง คำว่าธรรมะตอบทุกอย่าง ... เป็นธรรมะ ... เป็นธรรมะ ... เป็นธรรมะ ... มีจริง ... มีจริง ... มีจริง ... แต่มันไม่พอ ... มีจริงแต่ไม่รู้!!! ... ว่ามันชั่วขณะที่ปรากฏ กำลังปรากฏก็เกิดดับ ... เห็นไหมล่ะฉันทราคะ (ความยินดี ติดข้องพอใจ โลภะ) ในสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้!! ... ไม่งั้นจะไปละตอนไหน?! และถ้าไม่เข้าใจก็ละไม่ได้!! ต้องมีพื้นฐานตั้งแต่อริยสัจจะรอบที่หนึ่ง
ไม่อยากละเพราะอยาก ... ทุกคำไม่ใช่ให้ใครไปทำ แต่ให้เข้าใจความลึกซึ้งของสิ่งที่มีจริง ... เหนียวแน่นปานนั้น ... อะไรจะละลายยางมะตอยในถัง ... ไม่มีทางในสากลจักรวาล ... ความไม่รู้!! ถ้าไม่มีความเข้าใจ ... ไม่มีทางละได้!!!
ฉันทราคะ ... แค่ตื่นลืมตา ... มาแล้ว ... ใครล่ะตื่น ... ใครล่ะตื่น?? ... ไม่พ้นไปเลยซักขณะ!! ... อยู่ไปไม่รู้อะไรเลย ... เสียงก็ดังไป ได้ยินก็ได้ยินไป ... ประมาทไม่ได้เลยว่ามันมากมายมหาศาลระดับไหน ... สังสารวัฏจะอีกยาวไกลเท่าไหร่??

ความที่เป็นธรรมะ เป็นอนัตตา กว่าที่จะไถ่ถอนความเป็นเราต้องเป็นปริยัติ ... รอบรู้ ... ไม่ใช่ฟังแล้วจิต 89 ... มีเจตสิกเท่าไหร่ ... นั้นไม่ได้รอบรู้ ... แต่รอบรู้ในแต่ละหนึ่ง ... ทุกคำ!!!
ถ้าศึกษาธรรมะเข้าใจขึ้นๆ ๆ ไม่ใช่มีตัวเราที่ไปละ ไปนั่งทำอะไรต่ออะไร ... ความเข้าใจต่างหาก ... กว่าจะลึกซึ้งลงไปจนกระทั่งถึงความละเอียดที่เป็นปริยัติ ... ไม่อย่างนั้นปฏิบัติเกิดไม่ได้!! ... ใจร้อนจะไปทำให้สติเกิด ... มันไม่ใช่ ... มันต้องอริยสัจจะทีละรอบ ... รอบที่หนึ่งต้องมี!!!
ตัวธรรมะหลากหลายมาก และหนึ่งที่มีแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏ ... ไม่มีทางที่จะเกิดอีกได้เพราะฉะนั้นก็อยู่ไปๆ ๆ ๆ ๆ เป็นอะไรก็เป็นไปแต่ละชาติ แล้วก็หมดไปๆ ๆ ๆ ๆ ... ไม่รู้จบ ... ไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นถ้าไม่เห็นความลึกซึ้งจะไม่เข้าใจอริยสัจจธรรมแม้แต่ข้อแรก ... ทุกขอริยสัจจะ
อยู่อย่างนี้ ... เดี๋ยวนี้ไม่รู้สึกอะไรใช่ไหม?? ... ไปตลอดกาลนะ ... ออกไม่ได้ต้องเป็นอย่างนี้ไป ... คิดดู!! ถ้ายังไม่เห็นว่า แล้วมันได้อะไรถ้ามันไม่เหลือ?! แค่เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับ แล้วก็ไม่ใช่เรา ... ก่อนอื่นต้องรู้ว่าไม่ใช่เรา!! จึงสามารถที่จะละได้ ... ไม่ใช่เราเท่านั้น ไม่ใช่อย่างอื่นทั้งสิ้น เป็นแต่ละหนึ่งที่มีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับเร็วสุดที่จะประมาณได้ในความลึกซึ้ง เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้จักความลึกซึ้ง ... ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา ... ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า ... ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง!!!

รู้เพื่อละความไม่รู้ที่หลงมานานเท่าไหร่ในสังสารวัฏ ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ... หลงต่อไป ... ไม่มีทางออกจริงๆ เพราะมันมืดเพราะเหตุว่าโลกไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง
เดี๋ยวนี้โลกสว่างใช่ไหม?! แต่ความจริงโลกต้องมืด!! เพราะเหตุว่าทางหูไม่สว่าง ... จมูก ลิ้น กาย ใจไม่สว่าง ... สว่างนิดเดียวที่เห็นเกิด ... จริงไหม?? ... นั่นแหละวิปัสสนารู้แจ้ง ถ้าไม่มีความเข้าใจเลย จะไปถึงตรงนั้นได้ยังไง?!
มันไม่ใช่ไปถึงด้วยความอยาก มันไปถึงด้วยความเข้าใจความจริงว่าลึกซึ้งจึงละ ... พอละแล้วเป็นปกติ ... ถึงจะละฉันทะราคะในสิ่งที่กำลังปรากฏที่พระองค์ตรัสไว้ ... ไม่งั้นจะไปละฉันทราคะเมื่อไหร่?? ก็มันเกิดดับ ... ก็ต้องขณะที่มันยังไม่ดับ ... ทุกคำละเอียดชัดเจน ... ประมาทไม่ได้ ... เคารพสูงสุด ... มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ... มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
ทุกชาติที่มีโอกาสได้รู้ความจริงที่ลึกซึ้ง ... หนทางเดียว ... ถ้าเผินๆ ไม่มีทาง ... แล้วก็ลืม

ไม่ใช่ไปรู้ชื่อ ... เรียน ... ฟังเพื่อเข้าใจความลึกซึ้ง!!! ... ปัญญาก็ดับ ... ต้องละทั้งนั้นไม่ใช่ไปติด เห็นประโยชน์ของปัญญา อยากมีปัญญามากๆ ... เห็นโลภะไหม?? ... สนิทมาก ... เนียนมาก ... อยู่ด้วยกันมานานเท่าไหร่ ... ไม่หายไปไหน เพียงแต่ว่ามีโอกาสเกิดทันที ... แยบยลมาก ... ไม่มีใครรู้
ไม่มีเลยเพราะดับแล้วไม่กลับมาอีกในสังสารวัฏ ... ก็หลงไปอย่างนั้นเป็นธรรมะที่เกิดดับ ... เกิดดับ ... เกิดดับ ... ไม่มีวันจบเพราะไม่เห็นว่าเป็นทุกข์ ... เป็นทุกข์คือมันมีประโยชน์อะไร จากมันไม่เกิดแล้วมันเกิดแล้วมันดับ ... เหมือนเดิมที่ไม่มี ... แล้วมันมีประโยชน์อะไร?! ... มีประโยชน์ที่จะให้ความไม่รู้เกิดขึ้นติดข้องเท่านั้น!! ... แล้วมันก็ดับโดยไม่รู้ ... นี่แหละบรมโง่!!! ... ปัญญาจึงรู้เท่านั้นว่าบรมโง่ ... ฉลาดที่รู้ว่าบรมโง่!! ... เริ่มรู้ความจริง ... ไม่ประมาทเลย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ