ผู้ที่เป็นปุถุชนเจริญสติ ก็ระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิตที่เป็นกามาสวะได้ ที่เป็นทิฏฐาสวะได้ เวลาที่ผู้นั้นบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล ก็ยังมี กามาสวะ ยังมีภวาสวะ ยังมีอวิชชาสวะ ก็ระลึกรู้ต่อไปอีกจนกว่าจะเป็น พระสกทาคามีบุคคล ก็ระลึกรู้ลักษณะของกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะต่อไปจนกว่าจะบรรลุคุณธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล ก็หมดกามาสวะ แต่ยังมีภวาสวะและอวิชชาสวะ
รับฟัง ...
ขอให้อาจารย์อธิบายคำว่า ภวาสวะ
ถ. ขอให้อาจารย์อธิบายคำว่า ภวาสวะ
สุ. ผู้ที่ละความยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นพระอนาคามีบุคคล แต่ยังไม่หมดความยินดีพอใจในขันธ์ที่ไม่ใช่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ผู้ที่จะละภวาสวะได้ คือ พระอรหันต์ซึ่งท่านหมดกิเลสทั้งปวง ไม่มีกิเลสเหลืออีกเลย จะเห็นได้ว่า การละกิเลสต้องเป็นขั้นๆ การเจริญสติปัฏฐานก็ไม่ใช่ให้ละภวาสวะ หรือกามาสวะ หรืออวิชชาสวะ แต่ให้ละทิฏฐาสวะก่อน
เพราะฉะนั้น ถ้าผู้ใดเจริญสติบรรลุอริยสัจธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลละ ทิฏฐาสวะแล้ว ก็ยังมีกามาสวะ ยังมีภวาสวะ ยังมีอวิชชาสวะ ซึ่งแสดงให้เห็นความเหนียวแน่น ความหนาแน่นของโลภมูลจิต สราคจิตว่ามีประเภทต่างๆ กัน
ผู้ที่เป็นปุถุชนเจริญสติ ก็ระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิตที่เป็นกามาสวะได้ ที่เป็นทิฏฐาสวะได้ เวลาที่ผู้นั้นบรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล ก็ยังมี กามาสวะ ยังมีภวาสวะ ยังมีอวิชชาสวะ ก็ระลึกรู้ต่อไปอีกจนกว่าจะเป็น พระสกทาคามีบุคคล ก็ระลึกรู้ลักษณะของกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะต่อไปจนกว่าจะบรรลุคุณธรรมเป็นพระอนาคามีบุคคล ก็หมดกามาสวะ แต่ยังมีภวาสวะและอวิชชาสวะ
เพราะฉะนั้น ถ้าท่านเจริญสติ ท่านจะรู้ลักษณะของจิตเหล่านี้ได้ถูกต้องตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดขึ้น จิตประเภทไหนเกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ถ้าเหตุปัจจัยยังมีอยู่ ต้องเกิด อย่างทิฏฐาสวะยังไม่หมด เพราะเหตุว่ายังไม่ได้เป็นพระโสดาบันบุคคล ก็ยังจะต้องมีทิฏฐาสวะเกิดขึ้นปรากฏเป็นโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต์ให้จิตสำเหนียกระลึกรู้ได้ จนกว่าจะดับหมดเป็นพระโสดาบัน แต่ยังมีปัจจัยของจิตประเภทอื่นให้เกิดขึ้น จิตประเภทนั้นก็เกิดขึ้นได้ [ตอนที่ 134]
เปิดฟัง ...
กิเลส และ อาสวะ

ภวาสวะ คือ ความยินดีพอใจในภพในชาติ ไม่ว่าจะเป็นในการเห็น การได้ยิน ก็อยากจะเห็นอยู่เรื่อยๆ อยากจะได้ยินอยู่เรื่อยๆ อยากจะมีขันธ์ ๕ อยู่เรื่อยๆ [ตอนที่ 133]
ผู้ที่จะละภวาสวะได้ คือ พระอรหันต์ซึ่งท่านหมดกิเลสทั้งปวง ไม่มีกิเลสเหลืออีกเลย จะเห็นได้ว่า การละกิเลสต้องเป็นขั้นๆ การเจริญสติปัฏฐานก็ไม่ใช่ให้ละภวาสวะ หรือกามาสวะ หรืออวิชชาสวะ แต่ให้ละทิฏฐาสวะก่อน [ตอนที่ 134]
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ