ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๘
โดย khampan.a  18 ต.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 33115

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๘ * *

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้เพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวโลก เพื่อความสงบของชาวโลก แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจถูกต้อง ไม่มีการฟังธรรมของพระองค์เลย จะสงบได้อย่างไร
~ แม้แต่คำว่า สงบ ในวันนี้มีหรือเปล่า วันก่อนมีหรือเปล่า ตั้งแต่เกิดมามีบ้างหรือเปล่า ฟังธรรมแล้วมีบ้างหรือเปล่า เจริญขึ้นอีกบ้างหรือเปล่า ทั้งหมดต้องเป็นเรื่องของความจริง ไม่ใช่ความคิดเดา แต่ต้องเป็นเรื่องของความตรงต่อความจริง เพราะฉะนั้น คนที่จะได้สาระจากพระธรรม ต้องเป็นคนตรง ตรงที่จะรู้ว่า อะไรสงบ ถ้าความโกรธ เกิด ไม่สงบ ความไม่โกรธ สงบ แต่วันหนึ่งก็ไม่ใช่มีแต่ความโกรธ ความไม่รู้ล่ะ เห็นไหม? อะไรจะทำให้ความไม่รู้ซึ่งไม่สงบเลย เป็นความสงบ เพราะรู้ความจริง?
~ จะพึ่งคำของคนอื่นไหม? แต่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สืบทอดมาด้วยความเข้าใจถูก เป็นที่พึ่ง เพราะทุกคำมาจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกล่าวว่ามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่มีการได้ยินได้ฟังคำที่กำลังได้ฟังเดี๋ยวนี้เลย และกว่าจะได้รู้ความจริงแต่ละคำที่ตรัสถึงความจริงนั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ไม่ว่าชาติไหน เกิดเป็นใคร เมื่อไหร่ อย่างไร สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไม่ใช่อย่างอื่นเลย นอกจากการเข้าใจคำที่เป็นความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมด นี้คือ ที่พึ่งในสังสารวัฏฏ์
~ วันหนึ่งๆ ก็เริ่มพิจารณาว่า มีอกุศล คือ ความไม่รู้แน่นอน มากขึ้นๆ ทุกขณะ ทุกวัน เพราะฉะนั้น ไม่สงบ ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่จะทำให้สงบ ก็คือ ความเข้าใจถูกความเห็นถูก มิฉะนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะให้หมดความไม่รู้ซึ่งนำมาสู่ความไม่สงบได้เลย
~ พระธรรมทุกคำ นำไปสู่ความเข้าใจถูกต้อง ว่า ไม่มีเรา สำคัญที่สุด “อนัตตา” ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร จะเป็นอย่างที่อยากเป็น ก็ไม่ได้ จะไม่เป็นอย่างที่กำลังเป็น ก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่า เกิดแล้วเป็นแล้วทั้งหมด
~ โลกจะร่มเย็นสงบ ด้วยความเข้าใจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง
~ ความไม่รู้ นำมาซึ่งความไม่สงบเพราะนำมาซึ่งกิเลสทั้งหลาย
~ ใครอยากจะเป็นคนดีบ้าง? หนทางเดียว ก็คือว่า เข้าใจธรรมนั่นแหละ เพราะฉะนั้น ใครอยากเป็นคนดีบ้าง สังเกตได้จากคนที่จะฟังที่จะศึกษาพระธรรม จะเห็นคุณค่าหรือเปล่า? ถ้ายังไม่เห็นคุณค่า จะกล่าวว่า อยากจะเป็นคนดีได้ไหม จะเป็นคนดีได้อย่างไรในเมื่อไม่รู้
~ ขณะเดียวที่กุศลเกิด มีค่ามหาศาล เพราะขณะนั้น อกุศลใดๆ เกิดไม่ได้ และถ้ากุศลเกิด ทีละนิด ทีละหน่อย ยิ่งเพิ่มกำลังของกุศลขึ้น ที่จะห่างไกลจากอกุศล เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีปัญญาจะรู้จักไหม ว่า อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล
~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ตั้งแต่ตรัสรู้ จนกระทั่งใกล้จะปรินิพพาน พูดถึงสิ่งที่มีจริงทุกอย่าง ที่สามารถที่จะเข้าใจได้จากคำของพระองค์ที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริง จึงทรงแสดงความจริงโดยละเอียดอย่างยิ่งให้เข้าใจตามลำดับ
~ ความเป็นเรา หนักมาก โกรธคนนั้น ไม่ชอบคนนี้ อยากจะเปลี่ยนจากนี่ให้เป็นอย่างนั้น ไฝ่ฝันไปต่างๆ นานา โดยไม่รู้ความจริง ขณะนั้น กำลังไม่สงบแค่ไหน แต่ต้องการความสงบ โดยไม่เข้าใจความสงบ เพราะฉะนั้น สงบจริงๆ ต้องเป็นความสงบซึ่งทุกคนที่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไตร่ตรองเข้าใจ จึงสามารถที่จะเริ่มสงบจากความไม่รู้ได้
~ คนที่หมดกิเลส เป็นโทษกับใครหรือเปล่า? ไม่เป็น คนที่ยังไม่หมดกิเลส แต่เริ่มรู้จักกิเลส เป็นโทษกับใครหรือเปล่า? ก็ไม่เป็น เพราะฉะนั้น ก็รู้อยู่แล้ว พระธรรมสูงสุด มีค่ามาก ทำไมไม่เริ่มศึกษาให้ถูกต้องให้ตรง ไม่ใช่ไปคิดเอง?
~ ขณะที่มีความเข้าใจถูก ความเข้าใจถูก รักษาจิตขณะนั้น ไม่ให้เข้าใจผิด ไม่ให้ตกไปในทางไม่รู้
~ ก่อนอื่น ต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม จึงได้ศึกษา รู้ว่าไม่มีอะไรที่จะมีประโยชน์ยิ่งกว่าความเข้าใจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เพื่อสัตว์โลกทั้งหลายสามารถที่จะรู้ตามได้ เข้าใจตามได้ เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นอย่างนี้ เราก็ศึกษา แล้วจะไม่รู้หรือ? ในเมื่อพระองค์ได้ตรัสไว้ว่า ผู้ที่ศึกษาสามารถเข้าใจได้ แล้วก็มีผู้ที่เข้าใจด้วย สืบทอดกันมา แสดงให้เห็นว่าไม่พ้นวิสัยของผู้ที่เห็นประโยชน์และเคารพอย่างยิ่ง คือศึกษาด้วยความตรง ด้วยการที่ไม่เข้าใจผิดในคำที่พระองค์ตรัสแล้วแต่ละคำ
~ กำลังทะเลาะวิวาทกันอย่างนี้ แล้วตาย แล้วจะไปเกิดที่ไหน? [ถ้าจิตขุ่นมัวก็มีอบายเป็นที่หวังได้] แล้วขณะที่กำลังทะเลาะกัน จิตขุ่นมั่วหรือเปล่า? ถ้ารู้สึกตัว ว่า จะตาย แล้วยังจะทะเลาะกันไหมให้จิตขุ่นมัวเพื่อที่จะไปไหนกัน?
~ ไม่ควรเลยที่จะปล่อยให้เป็นอกุศลเพิ่มขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะสิ้นชีวิตไป ลองคิดถึงอกุศลในวันหนึ่งซึ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ได้ส่วนกับกุศลเลย แล้วจะเป็นอย่างไร?
~ พระพุทธศาสนา ไม่ใช่สำหรับคนไทยโดยเฉพาะ ไม่ใช่สำหรับชาติหนึ่งชาติใดโดยเฉพาะ แต่สำหรับทุกคนทุกโลกทั้งมนุษย์เทวดาทั่วทุกจักรวาล เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นส่วนที่จะสามารถดำรงคำสอนไว้ได้ ก็เป็นชีวิตที่เกิดมามีประโยชน์ที่สุดในสังสารวัฏฏ์ เพราะว่า เป็นชาตินี้ชาติเดียวที่เราจะเป็นคนนี้ ต่อไปจะเป็นใครเราก็ไม่รู้ แต่ในเมื่อเกิดมาเป็นคนนี้ ก็ทำทุกอย่างที่ดีที่สุด ที่คนนี้จะทำได้
~ ประเทศชาติจะสงบ ต้องมีคนในประเทศนั้นสงบ ถ้าคนไม่สงบ ประเทศชาติจะสงบได้อย่างไร
~ ถามใจจริงทุกคน ว่า อยากเป็นคนดีไหม? แค่นี้ คือคำตอบ ที่จะนำทางไปสู่ชีวิตที่ดีได้

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๗



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย Kalaya  วันที่ 18 ต.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะที่ได้อ่านและได้ฟังคำสอนของพุทธองค์จากท่านอาจารย์และวิทยากรทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย mammam929  วันที่ 18 ต.ค. 2563

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตที่เกิดขึ้นเป็นไปเพื่อดำรงคำจริงตามพระสัทธรรมในจิตขณะหนึ่งๆ ค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย natthayapinthong339  วันที่ 18 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 18 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย panasda  วันที่ 18 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย talaykwang  วันที่ 19 ต.ค. 2563

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย jaturong  วันที่ 20 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 9    โดย kukeart  วันที่ 23 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย มกร  วันที่ 26 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ