ความลึกซึ้งของสภาพธรรม
โดย บ้านธัมมะ  18 พ.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 45946

เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเห็นความลึกซึ้งของสภาพธรรมที่ปรากฏเป็นปกตินี้เองว่า ยากที่จะให้บุคคลอื่นพิจารณาและรู้สภาพธรรมที่เป็นปกตินี้เองตามความเป็นจริง เพราะว่าอวิชชา ความไม่รู้ และความเห็นผิดในข้อปฏิบัตินั้น จะทำให้ท่านต้องการทำอย่างอื่นเช่น ทำให้จิตสงบ ซึ่งการปฏิบัติเพื่อให้จิตสงบนั้นมีก่อนการตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์โลกที่ยังไม่ทราบหนทาง ย่อมแสวงหาหนทาง และเห็นว่าหนทางหนึ่ง คือ การทำให้จิตสงบ

เพราะฉะนั้น การที่จะให้สัตว์โลกเกิดปัญญา พิจารณารู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริง เป็นตอนที่ยากที่สุดที่จะให้หันกลับมาเห็นความจริงว่า การรู้ของจริงที่เป็นสัจธรรมนั้น ไม่ใช่รู้อย่างอื่น แต่ต้องเพียรระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏจนกว่าปัญญาจะรู้ชัด

การที่จะพูดถึงวันเวลา เป็นต้นว่า เมื่อวานนี้ก็ดี หรือว่าอดีตที่ผ่านไปทุกๆ ขณะ ไม่ใช่เป็นการพูดลอยๆ แต่ว่าทุกๆ ขณะนั้นจะต้องมีสภาพปรมัตถธรรม สภาพธรรมแต่ละชนิดเกิดปรากฏในขณะนั้นด้วย เพราะฉะนั้น สภาพธรรม ปรมัตถธรรมที่เกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วนั้น เป็นสภาพธรรมแต่ละชนิดที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป เมื่อเป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน และทุกคนก็รับรองความจริงโดยการฟัง แต่ความรู้จริงที่เป็นขั้นอริยสัจธรรม ปฏิเวธธรรมนั้น คือการแทงตลอดในลักษณะสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว สามารถที่จะรู้ความจริงข้อนี้ได้ไหม ถ้าเป็นของจริงก็ทนต่อการพิสูจน์ ซึ่งท่านอาจจะคิดว่าปัญญาก็ยังไม่รู้ชัดสักทีหนึ่ง แต่การเจริญการอบรมความรู้เพื่อละความไม่รู้นั้น ขอให้คิดถึงจำนวนของอวิชชา และกิเลสที่สะสมมาในอดีตอนันตชาติว่ามากหรือน้อย ที่จะขัดเกลาให้หมดไปทันทีทันใด เพียงแค่สติเริ่มระลึกรู้ลักษณะของนามบ้าง รูปบ้างเล็กๆ น้อยๆ นั้น ได้ส่วนกันไหมกับกิเลสที่สะสมมาแสนนานและมากด้วย

ขอให้ท่านผู้ฟังพิจารณาและเปรียบเทียบเหตุกับผล เพื่อท่านจะไม่หลงไปปฏิบัติอย่างอื่น นอกจากสติจะระลึกรู้ตรงลักษณะสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 228