ถ้าฟังเพื่อเราพยายามนั้น การฟังเป็นโมฆะ [วัฑฒิสูตร]
โดย wittawat  30 ม.ค. 2555
หัวข้อหมายเลข 20463

ถ้าฟังเพื่อเราพยายามนั้น การฟังเป็นโมฆะ

การฟังธรรมทั้งหมดก็เพื่อความเข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อเราพยายาม นั้นคือ ลืมว่าเป็นธรรม ที่ฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม ก็เป็นโมฆะทั้งหมด เพราะถูกลบล้างด้วยอวิชชาที่ถือมั่นโดยความเป็นเรา แต่ที่ถูกคือ เข้าใจยิ่งขึ้น จนกระทั่งคล้อยตามความจริง น้อมไปสู่ความจริงว่า ทุกอย่างที่ปรากฏ แม้เดี๋ยวนี้ก็เป็นธรรม

อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากวัฑฒิ สูตร..ข้อความเตือนสติเรื่องวัฑฒิสูตร



ความคิดเห็น 1    โดย เซจาน้อย  วันที่ 30 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 31 ม.ค. 2555

ขออนุญาตเรียนสอบถามในประเด็นนี้ครับว่า

การศึกษาธรรมะสำหรับบุคคลทั่วๆ ไป มักมีตัวเราที่ศึกษา พยายามให้เราเข้าใจ และส่วนใหญ่ ส่วนมาก ขาดการแนะนำถึงหลักสำคัญเบื้องต้นว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ แม้การศึกษาก็เป็นธรรมะ มิใช่เราศึกษา" การที่ผู้ศึกษาขาดความเข้าใจเรื่องนี้ จะทำให้การศึกษาที่มีมาแล้วเป็นโมฆะ หรือถูกลบล้างทั้งหมด เพราะอวิชชา หรืออาจจะพอถือได้ว่า ได้ความรู้เกี่ยวกับคำสอนในพระธรรมมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย ผิน  วันที่ 31 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย paderm  วันที่ 1 ก.พ. 2555

เรียนความเห็นที่ สอง ครับ

พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งครับ หากไม่ได้เริ่มจากความเข้าใจถูกเบื้องต้น ก็ทำให้เข้าใจพระธรรมผิดไปได้ ดังนั้นจึงเป็นโมฆะ โมฆะในความเห็นถูก แต่ไม่เป็นโมฆะกับความเห็นผิด เข้าใจผิดที่เป็นอกุศลครับ การศึกษาพระธรรมจึงเปรียบเหมือนดาบสองคมซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ถ้าไม่เริ่มจากความเข้าใจถูกเบื้องต้น เพราะเมื่อไม่เข้าใจตัวอักษร พยัญชนะ กอไก่ ขอไข่ การผสมคำ ที่เป็นสิ่งที่ยากกว่า ก็ไม่ถูกต้องเข้าใจผิดครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย ผู้ร่วมเดินทาง  วันที่ 1 ก.พ. 2555

ตามที่อาจารย์อธิบายมานั้น แสดงถึง ความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่งว่า การศึกษาพระธรรม จำเป็นอย่างมากที่ต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจถูกต้องเสียก่อน นั้นก็คือ ต้องระวังความเป็นตัวตน ซึ่งผู้ที่เริ่มต้นศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องนี้ หรือฟังแล้วยังไม่เข้าใจจริงๆ โดยเฉพาะศึกษาไม่ละเอียดเนื่องจากส่วนใหญ่จะอ่านได้แต่พระสูตรที่เป็นเรื่องราวที่พอเข้าใจได้ ทำให้ผู้ศึกษาก็จะศึกษาพระธรรมด้วยความเป็นตัวเป็นตน ซึ่งทำให้การศึกษากลายเป็นโมฆะไปเสียในที่สุด

ซึ่งอาการของการศึกษาด้วยความเป็นตัวตนนี้ ผมเข้าใจว่าเริ่มต้นมิได้แสดงถึงความเป็นตัวตนมากเพราะยังรู้เรื่องราวน้อยอยู่ แต่เมื่อไหร่ที่ศึกษาไปมากๆ รู้เรื่องราวมากๆ แล้ว ก็จะแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นตัวตนได้มากทีเดียว กลับกลายไปว่า ถลำลึกไปแล้ว หากไม่พบผู้ที่มีปัญญาเป็นกัลยาณมิตรที่จะชี้แนะให้กลับมาเริ่มต้นเสียใหม่ สุดท้ายการศึกษาที่ไม่ถูกต้องนั้นก็มิได้ช่วยเหลืออะไรให้เข้าใจพระธรรมได้จริงๆ เลย

ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างที่ผมคิดหรือเปล่าครับ

หากเป็นเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญของการศึกษาพระธรรมก็คงจะไม่พ้นไปจากการศึกษาให้เข้าใจเรื่องของความไม่เป็นตัว เป็นตน นี้ให้เข้าใจดีเสียก่อน นะครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมครับ