คำว่าสังขาร จริงๆแล้วแปลว่าอะไรกันแน่ครับ
โดย Artwii  24 พ.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 31889

สังขารไม่เที่ยง ดับสังขาร มีคนใช้คำว่าสังขาร ในหลายรูปแบบ อันไหนถูกครับ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 25 พ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรจะเข้าใจว่า สังขาร
หมายถึง สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยปรุงแต่ง แสดงถึงสิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ซึ่งเมื่อเกิดแล้ว ก็ต้องมีความดับไป เป็นธรรมดา สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว จะไม่ดับ เป็นไปไม่ได้ เพราะล้วนดับไปทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะปัจจัยปรุงแต่ง ย่อมไม่พ้นไปจากจิต เจตสิก และรูป

ตามข้อความในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ดังนี้ คือ

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สังขารแม้ทั้งปวงในภพทั้งหลาย มีกามภพเป็นต้น เป็นสภาพไม่เที่ยงเลย เพราะอรรถว่า มีแล้ว ไม่มี
ไม่ว่าใครจะพูดว่าอะไรก็ตาม ก็ต้องกลับมาตรงที่ว่า แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้ว่าอย่างไร นี้คือ สิ่งที่สำคัญที่สุด
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ [อารมณ์คือสิ่งที่จิตรู้] จิต เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วดับไป และทุกขณะของชีวิตไม่มีขณะใดเลยที่จะปราศจากจิต จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับเป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เป็นอย่างนี้โดยตลอด จนกว่าจะสิ้นสุดสังสารวัฏฏ์
เจตสิก
(สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) ก็เป็นสภาพธรรมมีจริง เป็นสภาพธรรมที่เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกันกับจิต รู้อารมณ์เดียวกันกับจิต และในภูมิที่มีขันธ์ ๕ (คือมีทั้งรูปและนาม) เจตสิกก็อาศัยที่เกิดที่เดียวกันกับจิต ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก แต่ก็สามารถศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริงได้ เพราะมีจริงๆ แต่ไม่เคยรู้ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ตัวอย่างเจตสิก เช่น ผัสสะ (สภาพธรรมที่กระทบอารมณ์) เวทนา (ความรู้สึก) โลภะ (ความติดข้อง) โทสะ (ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ) โมหะ (ความหลง ความไม่รู้) สติ (สภาพที่ระลึกเป็นไปในกุศล) หิริ (ความละอายต่อบาป) โอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป) ปัญญา (ความเข้าใจถูกเห็นถูก) เป็นต้น
รูป หรือ รูปธรรม
เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร รู้อารมณ์อะไรๆ ไม่ได้ เพราะไม่ใช่สภาพรู้ รูปธรรม ก็เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดแล้วก็ดับไปเช่นเดียวกัน ทั้งหมดนี้ เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นสังขาร ยกตัวอย่างเช่น เห็นในขณะนี้ เกิดเพราะปัจจัยหลายอย่าง กล่าวคือมีอารมณ์ของจิตเห็น กล่าวคือ มีสีเป็นอารมณ์ มีเจตสิกเกิดร่วมกับจิตเห็น มีที่เกิดของจิตเห็น มีกรรมเป็นปัจจัยให้จิตเห็นเกิดขึ้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมนั้นๆ เลย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย ประสาน  วันที่ 27 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย เฉลิมพร  วันที่ 27 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 27 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย Artwii  วันที่ 28 พ.ค. 2563

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย yogototo  วันที่ 29 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 30 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ