[คำที่ ๗๑๙] ธมฺมวิหารี
โดย Sudhipong.U  29 พ.ค. 2568
หัวข้อหมายเลข 50056

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ “ธมฺมวิหารี”

โดย อ.คำปั่น อักษรวิลัย

ธมฺมวิหารี อ่านตามภาษาบาลีว่า ดัม - มะ - วิ - หา - รี มาจากคำ ๒ คำรวมกัน คือ คำว่า ธมฺม (สิ่งที่มีจริงๆ ในที่นี้มุ่งหมายถึงธรรมฝ่ายดี) กับคำว่า วิหารี (บุคคลผู้เป็นอยู่) รวมกันเป็น ธมฺมวิหารี แปลว่า บุคคลผู้เป็นอยู่โดยธรรม แสดงถึงผลของการที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จากที่มากไปด้วยอกุศล ถูกอกุศลครอบงำ ก็มีธรรมฝ่ายดีเจริญขึ้น คล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ก็ทำให้เป็นผู้มีความเป็นอยู่โดยธรรมฝ่ายดี เป็นอยู่ด้วยปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก แทนที่จะเป็นอกุศลไปเรื่อยๆ

ข้อความในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ทุติยธรรมวิหาริกสูตร ได้แสดงความเป็นจริงของบุคคลผู้เป็นอยู่โดยธรรม ดังนี้

“ดูกร ภิกษุ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ เธอย่อมทราบชัดเนื้อความของธรรมนั้นที่ยิ่งขึ้นไปด้วยปัญญา ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรมอย่างนี้แล ดูกร ภิกษุ นี้เป็นอนุสาสนีของเราเพื่อเธอทั้งหลาย”

ข้อความในมโนรถปูรณี อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ทุติยธรรมวิหาริกสูตร แสดงถึงบุคคล ๖ จำพวกว่าเป็นบุคคลผู้เป็นอยู่โดยธรรม ดังนี้

ชน ๖ จำพวก คือ ภิกษุพหูสูต ผู้บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระขีณาสพ พึงทราบว่าเป็น ธรรมวิหารี (ผู้อยู่โดยธรรม)


กว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ทรงตรัสรู้นั้น ทรงบำเพ็ญพระบารมี สะสมคุณความดีมาตลอดระยะเวลาถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ เป็นเวลาที่ยาวนานอย่างยิ่ง ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์เท่านั้น แต่เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลกทั้งปวง พระองค์ทรงอนุเคราะห์สัตว์โลกด้วยการแสดงพระธรรม ประกาศความจริงให้สัตว์โลกได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ถ้าสัตว์โลกไม่ได้ฟังพระธรรม ก็จะไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด ไม่สามารถน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ไม่สามารถรู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้เลย พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทรงเตือนให้เห็นว่าอวิชชา ความไม่รู้ ตลอดจนถึงอกุศลธรรมทั้งหลายของแต่ละคนมีมากมายเพียงใด ถ้าไม่เริ่มฟังพระธรรมตั้งแต่ในขณะนี้ จะขัดเกลาให้เบาบางลงได้อย่างไร

จะเห็นได้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษาได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรม ซึ่งก็หมายถึงสิ่งที่มีจริงอยู่ในขณะนี้ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นธรรม เพราะในการฟังการศึกษาพระธรรมนั้น เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้จริงๆ ซึ่งตัวสภาพธรรมจริงๆ นั้น มีลักษณะเฉพาะของตนๆ โดยไม่ต้องใช้ชื่ออะไรๆ ก็ได้ แต่ที่มีชื่อหรือใช้ชื่อนั้น ก็เพื่อบอกให้รู้ว่ากำลังกล่าวถึงอะไร ก็เพื่อให้เข้าถึงตัวจริงของสภาพธรรมที่กำลังกล่าวถึงนั่นเอง เพราะการฟังพระธรรม จะต้องมีเรื่องที่กำลังฟัง และก็จะต้องเป็นผู้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรมนั้นๆ ด้วย สิ่งสำคัญคือ การฟังแล้วเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง ขอเพียงฟังให้เข้าใจจริงๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีค่ามาก มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ในโลกทั้งปวง ซึ่งถ้าไม่มีโอกาสได้ฟัง ไม่มีโอกาสได้ศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย บุคคลผู้ที่ฟัง ศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบเท่านั้น ถึงจะเข้าใจและได้รับประโยชน์จากพระธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่งคือ การฟังพระธรรม เป็นโอกาสที่หายากในชีวิต เป็นการยากมากที่จะได้ฟัง เมื่อมีโอกาสแล้ว ได้พบพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป ควรตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษาด้วยความเคารพ ไม่ประมาทในแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง

ขณะที่ฟังพระธรรม เป็นความดี ซึ่งก็หมายรวมถึงการพิจารณาไตร่ตรอง การสนทนา การสอบถามจากกัลยาณมิตรผู้ที่มีปัญญาด้วย ทั้งหมดทั้งปวงนั้น เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาทั้งสิ้น แต่จะเจริญขึ้นมากน้อยแค่ไหนนั้น ย่อมขึ้นอยู่ที่การสะสมมาของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ว ถ้าไม่ขาดการฟัง มีความคุ้นเคยกับการฟังพระธรรม ฟังบ่อยๆ เนืองๆ ถึงอย่างไรก็ต้องเข้าใจอย่างแน่นอน

ทุกคนที่ได้ฟังพระธรรม ก็เพื่อประโยชน์ที่จะได้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ แต่ถ้าไม่ฟังพระธรรม เว้นจากการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเสียแล้ว จะไม่มีทางที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้เลย จะไม่มีทางเป็นอยู่โดยธรรมได้เลย จะไม่มีธรรมฝ่ายดีเป็นเครื่องอยู่ได้เลย ก็น่าจะพิจารณาได้ว่า ก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม เป็นอยู่อย่างไร แล้วหลังจากที่ได้ฟังพระธรรมแล้ว เป็นอยู่อย่างไร เพราะขณะใดที่อบรมเจริญปัญญาและเจริญกุศลประการต่างๆ ขณะนั้นก็เป็นผู้เป็นอยู่โดยธรรมฝ่ายดีมีปัญญาเป็นที่พึ่ง และปัญญานี้เองก็จะอุปการะเกื้อกูลให้ธรรมฝ่ายดีประการต่างๆ เจริญขึ้น ซึ่งก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม ไม่ได้เป็นอย่างนี้ เพราะยังไม่ได้มีปัญญาเกิดขึ้นเจริญขึ้นนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว ก็ควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก สะสมเป็นที่พึ่งให้กับตนเองต่อไป เพราะประโยชน์สูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นอยู่ที่การมีโอกาสได้สะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

ขอเชิญติดตามอ่านคำอื่นๆ ได้ที่..

บาลี ๑ คำ



ความคิดเห็น 1    โดย chatchai.k  วันที่ 29 พ.ค. 2568

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ