
ท่านอาจารย์: จะเอาอะไรล้างอวิชชา และอกุศลทั้งปวงที่สะสมมาได้!! ประมาทไหม? นี่คือเห็นประโยชน์จริงๆ สาตถกสัมปชัญญะ ต้องฟังต่อไป กุศลยังไม่มีกำลังพอที่จะละอกุศล แต่ถ้าไม่เห็นโทษจริงๆ ของอกุศล ไม่เห็นประโยชน์จริงๆ แม้กุศลที่จะไม่ปล่อยให้เป็นไปตามกระแสของชาวโลกเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ก็ต้องเป็นอย่างที่เป็นแล้ว และเป็นต่อไปอีกมากมายเท่าไหร่ประมาณได้ไหม? และทางยิ่งยากที่จะละที่จะเพิ่มที่จะขัดเกลาใช่ไหม? ถ้าไม่ขัดเกลาเสียเดี๋ยวนี้!!
นี่แหละ พระคุณมหาศาลของการเข้าใจพระธรรม จะเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเข้าใจจริง ๆ
ที่เคยนิสัยเป็นอย่าง นั้นหายไปไหน? ค่อยๆ ละไปจนน้อยลงๆ และมีการเห็นประโยชน์ในชีวิตเพิ่มขึ้น ชีวิตก็เป็น ไปในทางที่จะสะสมบารมี คุณความดีที่จะรู้ประโยชน์ของการที่จะละอกุศลทุกโอกาสที่จะเป็นไปได้
อ.ธนากร: ครับ ก็เป็นประโยชน์อย่างยิ่งครับ แล้วก็มีข้อความหนึ่งที่จับใจไพเราะ ที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่า สาตถกสัมปชัญญะ ต้องเดี๋ยวนี้ครับ ต้องเดี๋ยวนี้เพราะว่า ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่สาตถกสัมปชัญญะ อันนี้จะมีความละเอียดอย่างไรที่จะกล่าวถึง เพราะว่าก็มีหลายท่านที่จะมีโอกาสได้ฟังครับ ก็จะแบ่งปันให้ทุกท่านได้ฟังข้อความนี้ด้วยครับ
ท่านอาจารย์: น่าคิดมากเลย ฟังแล้วไม่ใช่ผ่านไป ต้องเดี๋ยวนี้ใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แล้วเมื่อไหร่?
อ.ธนากร: ผลัดไปเรื่อยๆ ครับ
ท่านอาจารย์: ทุกคำต้องไตร่ตรองไม่ใช่ปล่อยไป ปล่อยไปๆ ความไม่รู้ ความเข้าใจที่ไม่ละเอียดก็เพิ่มขึ้น ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้ แล้วเมื่อไหร่? เพราะไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ก็ต้องเป็นเดี๋ยวนี้ใช่ไหม?
อ.ธนากร: ใช่ครับ ต้องเดี๋ยวนี้ทันทีครับ เพราะว่าไม่มีอะไรเลยที่มีแล้วก็ปรากฏนอกจากเดี๋ยวนี้ครับ
ท่านอาจารย์: แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามปัจจัยแม้เห็นประโยชน์อย่างนี้ ก็ไม่สามารถห้ามอกุศลได้ จนกว่าการเห็นประโยชน์จะเพิ่มขึ้นละเอียดขึ้น ม้เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องเป็นอย่างที่เป็นนั่นแหละ เห็นไหม ความลึกซึ้งของสภาพธรรมะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ในความเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ อาศัยสาตถกสัมปชัญญะ ปัญญารู้ทั่วในสิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ละเว้นไม่ว่าจะนั่งจะนอนจะยืนจะเดินจะบริโภคอาหารจะทำอะไร คิดถึงคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ถ้าคิดแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ประโยชน์ไหม? ดีกว่าเห็นแก่ตัว
อ.ธนากร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะไม่เห็นประโยชน์ว่า เป็นประโยชน์ว่าเป็นโทษอย่างยิ่งในการที่จะเพิ่มความเป็นตัวตนไม่คิดที่จะสละ
เพราะฉะนั้น ฟังธรรมะเพื่อไตร่ตรองเพื่อเข้าใจถูกเพื่อเห็นประโยชน์ สาตถกสัมปชัญญะ จึงสามารถค่อยๆ ประพฤติตามได้ ไม่สามารถที่จะประพฤติตามได้ทีนที นี่คือความเข้าใจถูกต้องว่า ประโยชน์อยู่ที่ความเพียร วิริยะ ความอดทน ขันติต่อทุกอย่างไม่ว่าขณะนั้นเป็นอะไร จะสุขปานใดจะทุกข์ปานใด จะน่าตกใจน่าหวั่นเกรงปานใด ธรรมะเป็นที่พึ่งเมื่อเข้าใจ
อ.ธนากร: ครับ ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งครับ รู้สึกจริงๆ ที่ได้กล่าวเพราะว่า ถ้าไม่อาศัยการอธิบายโดยแยบคายในความเข้าใจจริงๆ บางทีก็เป็นแต่เพียงคำที่เหมือนจำได้ครับว่า สาตถกสัมปชัญญะแปลว่าความรู้ทั่งในประโยชน์ความรอบรู้ในประโยชน์ แต่ว่าก็ไม่ได้รู้เลยว่า ความเป็นจริงที่จะรู้ทั่วนี่เป็นอย่างไรบ้างครับ ก็เป็นพระมหากรุณาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ แล้วก็เป็นความหวังดีอย่างยิ่งของท่านอาจารย์ครับที่ทำให้พวกเราไม่ปล่อย และก็ไม่ข้ามไปเลยครับ
ท่านอาจารย์: มิเช่นนั้น การฟังทั้งหมดประโยชน์อยู่ตรงไหน ได้แต่ฟัง
อ.ธนากร: ใช่ครับ แม้แต่ฟังก็ยากครับ เพราะว่าบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับว่าฟังเพราะเคยชิน กับฟังเพราะว่าเห็นประโยชน์นี่ครับ มันก็มีความต่างกันเพราะว่า ถ้าได้ยินได้ฟังธรรมะจนกระทั่งเป็นความคุ้นเคยครับ บางทีก็ฟังบางทีก็เห็นประโยชน์ บางทีก็ฟังแต่ว่าไม่ใช่ฟังทุกครั้งแล้วก็จะเห็นประโยชน์ทุกครั้งครับ เพราะว่าอกุศลก็มี บางทีก็คิดเรื่องอื่นบ้าง อะไรบ้าง แต่ว่ารู้ว่าเป็นธรรมดาก็จริง แต่ว่าก็เป็นโทษครับท่านอาจารย์
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ธนากร ด้วยความเคารพค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ