ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒๓

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ๔๕ พรรษา เรื่องของสภาพธรรมที่มีจริง ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตราบใดที่ยังยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราหรือเป็นตัวตน ที่จะพ้นทุกข์เป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้ารู้ความจริงว่าสภาพธรรมแต่ละอย่างไม่เที่ยง เกิดมาแล้วไม่มีสักขณะจิตเดียวที่เที่ยง ถ้ารู้ความจริงและประจักษ์อย่างนี้จริงๆ ไม่มีการยึดมั่นว่าเป็นเรา ความทุกข์ก็จะน้อยลง
~ พระพุทธพจน์ (คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ทั้งหมดทุกคำเป็นเรื่องของปัญญาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสะสมมาแสดงธรรมให้ผู้อื่นฟัง เพื่อผู้ฟังจะได้เกิดปัญญาด้วยอนุเคราะห์ให้เกิดปัญญา ให้มีความเห็นที่ถูก เพราะว่าจะอนุเคราะห์ด้วยทรัพย์สินเงินทองเครื่องอุปโภคบริโภคสักเท่าไหร่ ไม่มีวันจบ เพราะเหตุว่ายังมีเหตุที่จะให้เกิดทุกข์นานาประการ แต่ถ้าให้เข้าใจธรรม ก็ยังสามารถที่จะถึงความสิ้นทุกข์ได้
~ ใครจะให้ทรัพย์สินเงินทองสักเท่าไหร่ ก็หมดไป จะจากโลกนี้ไปได้ทุกขณะ เห็นอย่างนี้ก็ตายได้ ได้ยินอย่างนี้ก็ตายได้ เพราะฉะนั้น ทรัพย์สมบัติที่ว่ามีมากก็ไม่สามารถที่จะติดตามไปได้ แต่ความเข้าใจเริ่มต้นแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ไม่เข้าใจผิด รู้ว่าความจริงมีอยู่ทุกขณะและไม่ได้มีความเข้าใจเลยจนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วต้องไตร่ตรองด้วย
~ การฟังพระธรรมมีประโยชน์ทั้งหมด ทุกกาล บางทีโอกาสนี้อาจจะไม่สามารถประพฤติปฏิบัติตามได้ แต่เมื่อฟังไปๆ ก็ย่อมมีปัจจัยที่จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และอกุศลค่อยๆ ลดลง
*** ~ เป็นบุคคลนี้ได้ชาติเดียว จะเป็นคนดีไหม มีโอกาสที่จะเป็นคนดีและเป็นผู้ที่ได้เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี และรู้จักว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ที่เป็นรัตนะประเสริฐสุด เพราะสามารถที่จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ จากความไม่รู้สิ่งที่กำลังมีขณะนี้ เป็นเริ่มเข้าใจถูกในความจริงซึ่งถึงที่สุดไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้***
~ ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำไมไม่กล้าที่จะทำ และถ้าไม่ทิ้งสิ่งที่ผิดโดยเร็ว ก็จะสะสมสิ่งที่ผิดนั้นติดตามไปอีกมาก เพราะฉะนั้น คนที่มีความเข้าใจถูกต้อง ก็จะทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่หวั่นไหว
~ กว่าจิตใจจะมั่นคงหนักแน่นจริงๆ ในการเจริญกุศล ผู้นั้นจะเป็นผู้รู้ตัวดีว่าขณะนั้นเป็นไปตามอธิษฐานความตั้งใจมั่นจริงๆ หรือเปล่า เพราะจิตใจเปลี่ยนง่าย กลับกลอกง่าย ศรัทธาก็หวั่นไหวง่าย เปลี่ยนแปลงง่ายด้วย
~ ท่านผู้ใดที่ให้ทาน ท่านอาจจะไม่ได้พิจารณาจิตใจในขณะนั้นว่าเพราะเมตตา ท่านมีอุปนิสัยที่จะให้ ท่านก็ให้ ท่านสละวัตถุเพื่อประโยชน์สุขต่อบุคคลอื่น แต่ถ้าจะพิจารณาพื้นฐานที่ทำให้เกิดการกระทำนั้นก็คือเมตตา หรือท่านที่วิรัติ (งดเว้น) ทุจริต ทั้งกายและวาจา ก็จะได้เห็นว่า พื้นฐานที่ทำให้ท่านวิรัติทุจริตนั้นก็คือเมตตาด้วย ไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์แม้ด้วยกายหรือวาจาของท่านขณะนั้น ก็เพราะเมตตา
~ เมื่อไม่ติดไม่ยินดีในกาม (สิ่งที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ) โทสะก็ต้องลดน้อยลงเป็นของธรรมดา เพราะถ้าใครติดในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบทางกาย) มาก โทสะของคนนั้นก็มากด้วย เมื่อไม่ได้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่ต้องการ ขณะนั้นก็เกิดความขุ่นเคือง แต่ถ้าสละความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะลงไป ก็ย่อมเกิดโทสะน้อยลงไปด้วย
~ บารมีทุกบารมีมีประโยชน์มาก ถ้าเพียงแต่ค่อยๆ ระลึกได้และบำเพ็ญไป ถ้ามีเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดความไม่อดทน แล้วคิดถึงขันติความอดทน ในขณะนั้นก็จะเป็นการสะสมความอดทนต่อสภาพที่ไม่น่าพอใจ หรือต่อความสูญของสิ่งที่น่าปรารถนา
~ ความดี ดีจริงๆ หรือเปล่า? ดีจริงๆ ก็ต้องดี รู้คุณคือรู้ว่าความดีนั้นมีประโยชน์ ไม่มีโทษใดๆ เลยทั้งสิ้น และเห็นประโยชน์ของคุณความดีเพิ่มขึ้น เห็นคุณความดีที่เป็นเมตตาไหม? เห็นคุณความดีที่เป็นการช่วยเหลือคนอื่นไหม? เห็นคุณความดีของการที่จะเข้าใจธรรมไหม? เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นคุณของความดี มีหรือที่จะไม่ทำดี? ถ้าใครก็ตามที่ยังไม่ทำดี คนนั้นเห็นคุณของความดีจริงๆ หรือเปล่า?
*** ~ ถ้าโกรธใครที่ทำให้โลกปั่นป่วนเวลานี้ ก็จะได้รู้ว่าขณะนั้นเลวเท่าเขา เพราะขณะนั้นเป็นอกุศลจิตของตนเอง ***
~ ทุกคนก็อยากให้มีสิ่งที่น่าพอใจเท่านั้นเกิดขึ้น แต่ก็ยับยั้งสิ่งที่ไม่น่าพอใจที่กำลังเกิดและเกิดแล้วและจะเกิดต่อไปไม่ได้ แต่ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องจะไม่หวั่นไหว เพราะรู้ความจริง
~ ความเศร้าโศกไม่มีประโยชน์ เพราะเหตุว่าไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจอะไร ถ้ามีความเข้าใจ แม้คนที่อยู่ใกล้คนที่สิ้นชีวิตก็ไม่เศร้าโศก เมื่อบุคคลนั้นจากไปก็เป็นธรรมดา ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ สิ่งเดียวที่เป็นที่พึ่งทุกขณะในสังสารวัฏฏ์คือความเข้าใจธรรมที่ลึกซึ้ง
~ ถ้าท่านเป็นผู้ที่ตรงต่อธรรม ท่านก็เห็นว่าสภาพธรรมใดเป็นอกุศล สภาพธรรมใดเป็นกุศล เมื่อได้เห็นจริงว่าสภาพธรรมนั้นเป็นอกุศล ท่านก็จะเว้นการทำทุจริตกรรม เพราะถึงแม้ว่าอกุศลจิต ความพอใจ ความไม่พอใจ จะเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แต่ก็จะไม่ทำให้รุนแรง แรงกล้าถึงกับกระทำทุจริตกรรมลงไปได้
~ เจริญกุศลเท่าที่สามารถจะมีปัจจัยทำให้เกิดและเจริญได้ เพราะเหตุว่าสภาพธรรมทั้งหลายนั้นเป็นอนัตตา แม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ทรงแสดงเรื่องของกุศลทุกขั้น แต่ว่าปัจจัยของอกุศลจิตก็ยังมีมากเหลือเกิน ทำให้อกุศลจิตเกิดมาก ความตระหนี่ก็ยังมี และอกุศลอื่นๆ ก็ยังมีเชื้อมีปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้น
~ ถ้าเป็นอกุศลธรรม มีใครอยากจะมี? แต่ถ้าปัญญาไม่เกิด อกุศลธรรมนั้นๆ ก็ยังเกิดอยู่เรื่อยๆ และทางเดียวที่จะละคลายอกุศลธรรมได้ ก็ต้องเป็นปัญญาที่เจริญขึ้น
~ ทำดีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ให้ผู้อื่นได้มีโอกาสได้เข้าใจคำของพระองค์ด้วย
~ เมื่อยังไม่สิ้นชีวิตไป ก็ควรสะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูกซึ่งก็เป็นความดี ไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่าเป็นความดีด้วยความเข้าใจถูกต้องว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน
*** ~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประโยชน์มหาศาลอย่างยิ่ง เพราะถ้าขณะนั้นโกรธ เพิ่มความโกรธขึ้นไปอีก เมื่อไหร่จะหมด แต่ว่าถ้าเริ่มรู้ความจริง เห็นใจ เข้าใจ เขาโกรธแต่เราไม่โกรธ จบ ไม่มีเรื่องต่อไป ไม่เดือดร้อน แล้วก็ยังเป็นประโยชน์ทั้งเขาและเราด้วย ถ้าเราแสดงอาการโต้ตอบ เรื่องใหญ่โตมากมาย***
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๒๒


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

การฟังพระธรรมมีประโยชน์ทั้งหมด ทุกกาล บางทีโอกาสนี้อาจจะไม่สามารถประพฤติปฏิบัติตามได้ แต่เมื่อฟังไปๆ ก็ย่อมมีปัจจัยที่จะทำให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และอกุศลค่อยๆ ลดลง
ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ
เมื่อยังไม่สิ้นชีวิตไป ก็ควรสะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูกซึ่งก็เป็นความดี ไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่าเป็นความดีด้วยความเข้าใจถูกต้องว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
ธรรมมีมานัสพร้อม รับฟัง อันเกิดกุศลดัง ธาตุรู้ จิตเจตสิกเป็นพลัง เสริมส่ง หนุนแฮ กราบอาจารย์สุจินต์ผู้ เปี่ยมด้วยเมตตา