
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ไม่มีหนทางอื่นเลย นอกจากเข้าใจในความลึกซึ้งเมื่อไหร่ เมื่อนั้นกำลังชำระล้างสิ่งที่สกปรกมาก เหนียวมากแน่นมากลึกมากแสนโกฏกัปป์ ยิ่งกว่านั้นอีก แล้วกว่าจะหมดได้ และสิ่งที่ได้ยินได้ฟังแค่น้อยนิดแค่ไหน ไม่สามารถที่จะประมาทได้เลยว่า ตามความเป็นจริง ทุกคำ เป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วทรงแสดงเพียงทีละหนึ่ง ให้รู้ว่าหลากหลายมาก ปะปนกันไม่ได้เลย
แต่เวลานี้ไม่รู้สักหนึ่ง ใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ครับ รู้ได้ยากครับ แค่หนึ่งนี่ก็รู้ได้ยากมาก ครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น หนึ่งที่ไม่รู้คืออะไร เดี๋ยวนี้?
อ.ณภัทร: หนึ่งที่ไม่รู้ ก็คือเห็นขณะนี้ครับ
ท่านอาจารย์: เห็นไหม เห็นเท่าไหร่ พูดถึงเห็นนานเท่าไหร่ ฟังแล้วฟังอีกว่า เห็นมีจริงๆ และเห็นก็กำลังมี
แต่กระนั้น ก็ยังไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีแล้วตรัสรู้
ขณะที่ฟังอย่างนี้ เริ่มค่อยๆ เป็นหนทางที่จะค่อยๆ รู้หนทางละความไม่รู้ที่ละเอียดมากลึกซึ้งมาก เพราะขณะนี้ไม่รู้ทุกอย่างเต็มไปหมด ไม่ใช่แค่วันนี้ด้วย สะสมมาอีกๆ ๆ ตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อกี้ จนถึงเดี๋ยวนี้ และต่อไป
อ.ณภัทร: ครับ เพราะอย่างในคิดครับ ท่านอาจารย์ก็กล่าวไว้ว่า เห็น เห็นแล้วก็มีได้ยิน แล้วก็มีเห็นอีก เพราะฉะนั้น เห็นที่เกิดก่อนได้ยิน ก็ไม่ใช่เห็นที่เกิดหลังจากได้ยิน
ท่านอาจารย์: แล้วยังมี คิด ติดตามไปทุกอย่างที่ปรากฏ ไม่รู้อะไรเลย
อ.ณภัทร: เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งๆ เกิดดับรวดเร็ว ยากที่จะรู้ได้จริงๆ ครับ
ท่านอาจารย์: รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีละน้อยไหม?
อ.ณภัทร: ทีละน้อยๆ แล้วก็ซาบซึ้งที่มีโอกาสได้ยินได้ฟัง ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังก็มืดสนิทต่อไปครับ
ท่านอาจารย์: ขณะที่กำลังปลาบปลื้มยินดีเป็น เห็น หรือเปล่า?
อ.ณภัทร: ไม่ใช่เห็นครับ
ท่านอาจารย์: มีจริงไหม?
อ.ณภัทร: มีจริงครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ เมื่อไหร่ที่ปลาบปลื้ม เมื่อนั้นรู้ว่า มีจริง เป็นธรรมะที่กำลังปรากฏแต่ละหนึ่ง ไม่ใช่เห็น ไม่ใช่ได้ยิน ไม่ใช่คิด ไม่ใช่จำ นี่คือศึกษาธรรมะเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น จนกว่าจะประจักษ์แจ้งความจริง อริยสัจจธรรม ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๓ รอบ
อ.ณภัทร: ท่านอาจารย์กำลังเตือนให้ไม่ประมาทที่จะให้ไม่นึกถึงสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมะอะไรก็แล้วแต่
ท่านอาจารย์: เมื่อวานก่อนก็ฟังอย่างนี้ใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: แล้วระลึกบ้างได้ไหม?
อ.ณภัทร: ก็ต้องเรียนท่านอาจารย์ ...
ท่านอาจารย์: ไม่ใช่ว่า ต้อง ถามว่าแล้วระลึกอย่างนี้ได้บ้างไหม?
อ.ณภัทร: ได้บ้าง แต่ ...
ท่านอาจารย์: แน่หรือ ทั้งวัน เมื่อวานนี้ทำอะไรบ้าง แล้วระลึกอะไรได้บ้าง?
อ.ณภัทร: ระลึกแข็งที่ปรากฏ เวลาที่อาบน้ำครับ
ท่านอาจารย์: เมื่อวานนี้หรือ?
อ.ณภัทร: เมื่อเช้านี้ครับ
ท่านอาจารย์: เมื่อเช้านี้ระลึกถึงว่าอย่างไร?
อ.ณภัทร: แข็งที่ปรากฏเวลาที่เราอาบน้ำกระทบสัมผัสน้ำถูสบู่ครับ
ท่านอาจารย์: ระลึกว่าอย่างไร?
อ.ณภัทร: ระลึกแข็งที่มีที่ปรากฏกับการกระทบสัมผัสครับ
ท่านอาจารย์: ขณะนั้นมีแต่แข็งหรือเปล่า?
อ.ณภัทร: ยังมีความเหมือนกับว่า สภาพที่รู้แข็งเกิดพร้อมกับแข็ง แต่ตามความเป็นจริงเป็นอย่างนั้นไม่ได้ครับ
ท่านอาจารย์: ทีละหนึ่ง ไม่ใช่หรือ?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ ต้องทีละหนึ่งครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น แข็งปรากฏแล้วยังงัย?
อ.ณภัทร: แล้วก็มีสภาพธรรมะอื่นอีกครับ แข็งก็หมดไปแล้วครับ
ท่านอาจารย์: คิด ระหว่างนั้นที่อาบน้ำใช่ไหม?
อ.ณภัทร: มีคิด ใช่ครับว่า คิด บางทีก็คิดว่า แข็ง
ท่านอาจารย์: แล้วยังงัย?
อ.ณภัทร: ตรงนี้ครับเป็นสิ่งที่ยากมากที่ว่า ธรรมะจะปรากฏทีละหนึ่งจริงๆ ที่ไม่มีอย่างอื่นปะปนครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ฟังแล้วต้องตรงตามความเป็นจริง แม้แข็งกำลังปรากฏ ได้ฟังว่าแข็งเกิดดับ ได้ฟังว่าแข็งมีจริง แต่ขณะนั้นลืมสิ่งที่ได้ฟัง เพียงแค่รู้ว่า มีแข็ง เริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะเข้าใจตามที่ได้เข้าใจมาแล้วมากมายมหาศาลใช่ไหม? ตั้งแต่ได้ยินธรรมะ ได้ฟังธรรมะ ได้ไตร่ตรองธรรมะ เข้าใจโน่น เข้าใจนี่ จนกว่าจะขณะนั้นเป็นเพียงธรรมะ
อ.ณภัทร: เหมือนอย่างกับว่า การที่ปัญญาจะค่อยๆ รู้ขึ้นตรงขึ้น ก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ใช่ไหมครับ มันก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ครับ
ท่านอาจารย์: ถ้ารู้ถูกไหม รู้อย่างนี้ถูกไหม? ไม่ใช่ถามคนอื่นเลย
อ.ณภัทร: ครับ
ท่านอาจารย์: แต่เริ่มตรงว่า ความลึกซึ้งความละเอียดยากแสนยากที่จะเกิด และค่อยๆ เข้าใจ ตรงต่อความเป็นจริงทีละเล็กทีละน้อย ซึ่งไม่เคยคิดถึงแข็งเลย ก็เกิดรู้แข็งตรงนั้น แต่ยังไม่พอ!! แค่รู้ตรงนั้นว่า แข็งมี และที่รู้ตรงนั้น ก็หมายความว่าเป็นสิ่งที่จะต้องรู้ว่า เป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดดับ เพราะความจริงเป็นอย่างนั้น
นี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ค่อยๆ ถึงลักษณะที่มีจริงทุกขณะทุกวัน ตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ ไม่ว่าเกิดเป็นอะไร ที่ไหน อย่างไร
อ.ณภัทร: จริงๆ ที่ท่านอาจารย์บอกว่ารู้แข็งครับ ได้รู้การเกิดดับของแข็งนี้ครับ คงยังไม่ถึงตรงนั้นเลย เพราะว่าแค่รู้ตรงลักษณะของรูปแข็งที่ไม่ใช่สภาพรู้แข็ง ก็ยังไม่ถึงตรงนั้นเลยครับที่จะรู้จริงๆ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ก็ยังไม่ถึงๆ ๆ ๆ ไปเรื่อยๆ ใช่ไหม?
อ.ณภัทร: ใช่ครับ
ท่านอาจารย์: จนกว่าจะถึง โดยไม่ต้องมีอะไรมาบังคับบัญชาเลย แต่การเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย หนทางเดียว แล้วเล็กแค่ไหนน้อยแค่ไหนในเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้สะสมมาในแสนโกฏกัปป์ เกินแสนโกฏกัปป์ นี่เป็นหนทางเดียวที่จะละความหวัง เพราะรู้ว่า ความจริงลึกซึ้ง โลกไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง
อ.ณภัทร: ลึกซึ้งมากครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ
กราบยินดีในกุศลจิตของ อ.ณภัทร ด้วยความเคารพค่ะ
จนกว่าจะถึง โดยไม่ต้องมีอะไรมาบังคับบัญชาเลย แต่การเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย เป็นหนทางเดียว แล้วเล็กแค่ไหนน้อยแค่ไหนในเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้สะสมมาในแสนโกฏกัปป์ เกินแสนโกฏกัปป์ นี่เป็นหนทางเดียวที่จะละความหวัง เพราะรู้ว่า ความจริงลึกซึ้ง โลกไม่ได้ปรากฏตามความเป็นจริง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ