สัมมาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ
โดย บ้านธัมมะ  18 พ.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 45942

อังคุตตรนิกาย ข้อ ๑๘๔ มีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดไม่เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลเป็นผู้มีความเห็นชอบ อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมไม่เกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป

ทรงสรรเสริญสัมมาทิฏฐิ เช่นเดียวกับที่ทรงแสดงโทษของมิจฉาทิฏฐิ เพราะเหตุว่าความเห็นเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเบื้องต้น ถ้าเห็นผิด ดำริผิด วาจาผิด การงานผิด เพียรผิด เป็นมิจฉาทั้งหมด เพราะฉะนั้น พยัญชนะสั้นๆ ที่ว่า เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดไม่เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป เหมือนกับสัมมาทิฏฐินี้เลย

ถ้าไม่มีความเห็นชอบ อกุศลธรรมย่อมเกิดอยู่เรื่อยๆ มีความติด มีความยึดมั่นเหนียวแน่นในตัวตน ในสัตว์ ในบุคคล ในเรา ในเขาอย่างเต็มที่ทีเดียวตามความเห็นผิด ไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แต่ถ้ามีความเห็นถูกเกิดขึ้น และเจริญพอกพูนขึ้น อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิด เพราะมีความเห็นถูกเกิดขึ้นแล้วหรือแม้อกุศลธรรมที่เกิดแล้ว ย่อมเสื่อมไป

แต่ก่อนท่านผู้ฟังอาจมีความเห็นผิดในตัวตน หรือแม้ความเห็นผิดในข้อปฏิบัติที่ไม่ใช่สัมมามรรคมีองค์ ๘ ยังไม่เข้าใจการเจริญสติปัฏฐานว่า จะต้องเป็นการระลึกรู้สภาพธรรมตามปกติตามความเป็นจริง แต่ถ้าท่านพิจารณาไตร่ตรองสอบสวนเหตุและผล และมีความเห็นถูกเกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ความเห็นผิด ใดๆ ในข้อปฏิบัติที่เคยยึดถือเคยปฏิบัติมาก็ย่อมจะเสื่อมไป เพราะความเห็นถูกเกิดขึ้น

เพราะฉะนั้น สำคัญที่ท่านจะต้องพิจารณาไตร่ตรอง ให้ความเห็นของท่านเป็นความเห็นถูกจริงๆ ซึ่งตราบใดที่ข้อปฏิบัติถูกยังไม่มี ยังไม่เกิดขึ้น หรือว่าความเห็นถูกยังไม่เกิดขึ้น ท่านยังคงติดยึดถืออยู่ในข้อปฏิบัติผิด ไม่มีอะไรที่จะทำให้ท่านหลุดพ้นจากข้อปฏิบัติผิด หรือความเห็นผิดได้เลย นอกจากจะเกิดความเห็นถูกขึ้น และความเห็นถูกนั้นเองจะทำให้ความเห็นผิดนั้นเสื่อมไป

ข้อ ๑๘๕ มีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้ มิจฉาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือมิจฉาทิฏฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น เหมือนกับการทำในใจโดยไม่แยบคายนี้เลย

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยไม่แยบคาย มิจฉาทิฏฐิที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และมิจฉาทิฏฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น

ทรงเน้นในเรื่องของมิจฉาทิฏฐิ และสัมมาทิฏฐิ ซึ่งถ้าท่านพิจารณาโดยไม่แยบคาย ท่านย่อมเห็นผิดว่าเป็นถูก และเห็นถูกว่าเป็นผิดได้

ข้อ ๑๘๖ มีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรือสัมมาทิฏฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น เหมือนการทำในใจโดยแยบคายนี้เลย

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลทำในใจโดยแยบคาย สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น และสัมมาทิฏฐิที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเจริญยิ่งขึ้น

ที่เน้นเรื่องนี้ เพราะว่าการที่จะเกิดภพต่อไปเป็นเรื่องสำคัญ และความเห็นก็เป็นต้นเหตุสำคัญที่จะนำท่านไปสู่ทุคติหรือสุคติ

ข้อความต่อไป ข้อ ๑๘๗ มีว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่เล็งเห็นธรรมอย่างอื่นแม้ข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เหมือนกับมิจฉาทิฏฐินี้เลย

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้ประกอบด้วยมิจฉาทิฏฐิ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

เป็นเรื่องจริง อย่าคิดว่าไม่จริง หรืออย่าคิดว่า ท่านไม่มีวันจะไปสู่อบาย ทุคติวินิบาต นรก ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 228

ผู้ที่จะพ้นจากอบาย ทุคติ วินิบาต นรกได้นั้น คือ ผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล เพราะฉะนั้น ตราบใดที่ท่านยังเจริญสติปัฏฐาน ยังไม่สมควรแก่เหตุที่จะให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ย่อมยังมีโอกาสที่จะไปสู่อบาย ทุคติ วินิบาต นรก และไม่ใช่เรื่องที่ไม่น่าจะเกรงกลัว แต่เป็นเรื่องที่ควรกลัวจริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าท่านเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรกแล้ว ไม่มีโอกาสจะเจริญกุศลเช่นสติปัฏฐานเลย ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 229