เมื่อพูดถึงอกุศลจิตก็คือ เป็นสภาพของจิตที่ไม่แช่มชื่น เป็นจิตที่ประกอบไปด้วยเจตสิกฝ่ายไม่ดี คือ โลภะ โทสะ โมหะ แต่ยังไม่มีการกระทำที่จะสำเร็จเป็นกรรม ส่วนอกุศลกรรมบถคือมีการกระทำซึ่งสำเร็จเป็นกรรมแล้ว ผมจึงสงสัยว่าระหว่างอกุศลจิต กับ อกุศลกรรมบถ อย่างไหนที่จะให้ผลเป็นวิบากมากกว่ากัน ลำพังอกุศลจิตเพียงอย่างเดียวนั้นสามารถที่จะทำให้เกิดวิบากได้หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้ากล่าวถึงอกุศลจิต แล้ว กว้างขวางมาก ครอบคลุมอกุศลจิตทุกชนิด แต่ถ้ามีกำลังถึงขั้นล่วงเป็นทุจริตกรรมที่เป็นอกุศลกรรมบถ เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น นั้น ก็ไม่พ้นจากความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลจิต นั่นเอง ที่ประกอบด้วยอกุศลเจตสิก และเจตนาที่เกิดร่วมด้วยก็เป็นอกุศลเจตนา ถ้าสำเร็จเป็นอกุศลกรรมบถแล้ว ไม่หายไปไหนสะสมสืบต่ออยู่ในจิต สามารถส่งผลให้เกิดวิบากในภายหน้าได้ นำเกิดในอบายภูมิได้ ทำให้ได้รับผลที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ แต่ถ้าเป็นเพียงอกุศลจิต ที่ไม่ล่วงเป็นอกุศลกรรมบถ เช่น ติดข้องในอาหาร เสื้อผ้า ไปดูหนัง ดูกีฬา หรือ แม้กระทั่งขุ่นเคืองใจ แต่ยังไม่ว่าร้ายหรือประทุษร้ายใคร ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดวิบากในภายหน้า แต่จะประมาทกิเลสไม่ได้ เพราะถ้าสะสมมากขึ้นมีกำลังขึ้นก็อาจจะล่วงเป็นอกุศลกรรมบถได้ เพราะเหตุว่ากิเลสที่มีมากและมีกำลังก็มาจากการสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย นั่นเอง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
อกุศลจิต เช่น มีโลภะยินดีในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส แต่ยังไม่ได้ล่วงทุจริตกรรม ถ้าเป็นอกุศลจิตทีมีกำลังถึงกับล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา เช่น พูดส่อเสียดทำให้เขาแตกกัน ทำให้เขาเสียหาย ครบองค์ก็เป็นอกุศลกรรมบถ เป็นเหตุไปสู่อบายภูมิได้ค่ะ
เมื่อได้รับคำด่า ถ้ามีความขัดเคืองก็น่าจะเป็นอกุศลจิต แต่ถ้าด่ากลับไปก็น่าจะเป็นอกุศลกรรมบถข้อพูดคำหยาบครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ