กุฏิสงฆ์ควรเป็นเช่นไร
โดย Tummy  9 ม.ค. 2563
หัวข้อหมายเลข 31436

กราบเรียนท่านอาจารย์

ดิฉันยังคงจิตใจไม่สงบนักด้วยเตือนเพื่อนสนิทไปหลายครั้งกับการให้เงินพระ การถวายอาหารหลังเพลแล้ว หรือการไปทัวร์ยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ และเมื่อเร็วนี้ๆ ได้มีโอกาสไปวัดนี้โดยบังเอิญ ดิฉันเมินเฉยต่อการกราบพระนี้ ถูกตำหนิว่าเป็นมารศาสนาด้วย แต่ยิ่งทำให้ขัดใจมากคือกุฏิหรูหราสไตล์ฝรั่ง จนขัดใจว่ากิเลสล้วนๆ แม้แต่โซฟาพระก็อวดว่าไปเห็นที่ยุโรปและชอบมากเลยสั่งทำ และที่ขัดใจกว่าคือการเรียกเพื่อนสาวไปนั่งใกล้กับเก้าอี้ที่พระนั่ง ซึ่งไม่สมควร จึงเรียกเพื่อนออกมานั่งนอกพรมด้วยกัน เพื่อนแย้งว่าท่านให้นั่งตรงนี้ก็ท่านเรียก พระก็ไม่ว่าอะไรอีก วัดนี้งดงามจริง พระว่าถ้าไม่สะอาดไม่สวยงามจะไม่มีใครมาทำบุญเข้าวัด จัดงานบ่อยเรียกคนเข้าวัดเดี๋ยวบำเพ็ญกุศล เดี๋ยวงานกตัญญู เดี๋ยวงานมุทิตา งานครบรอบ งานวันเกิด งานบวงสรวงฯลฯ อยากเรียนถามว่า หรูหราขนาดนี้ ถูกต้องตามพระวินัยมั๊ยคะ

ผ้าม่านหลุยส์ โซฟาหนังแท้ กระเบื้องนำเข้า พรมนำเข้า แม้แต่มีดโกนก็บอกสีกาให้ซื้อมาถวายยี่ห้อนี้ซึ่งแพงสุดเท่านั้น เมื่อตำหนิเพื่อน เพื่อนบอกว่าเค้าปวารณาตนเป็นโยมอุปฐากแล้วท่านสามารถสั่งได้ ให้เอาผลไม้ไปถวายค่ำใส่ไว้ในตู้เย็นในกุฏิไว้เผื่อท่านจะฉัน เป็นหน้าที่ผู้ปารวณาตนงั้นหรือไม่ผิดศีลหรือ หรือที่รังเกียจเพื่อนมาก คือไลน์คุยกับพระ ดึกแล้ว และนั่งดูคอนเสริท์ต อยู่ด้วยกัน พระไลน์มาคุยก็คุยกะพระส่งรูปให้พระดู ดิฉันอึดอัดจึงว่าไป เค้าก็โกรธอีก จนปัญญาตักเตือนว่ามันไม่เหมาะไม่ควร ดึกๆ คุยกับสีกา อยากฉันอะไรสั่ง และวันนี้เพื่อนถามถึงว่าปลาดิบ อาหารญี่ปุ่นแช่ค้างคืนได้มั๊ยมาทานเช้า ดิฉันเดาได้ เลยบอกว่าพระฉันของดิบไม่ได้จะผิดศีลนะ ก็โกรธอีก อยากเรียนถามท่านอาจารย์ ดิฉันมีความโกรธมากไปจนเพ่งโทษพระองค์นี้จนเพื่อนโกรธ ผิดมั๊ยคะ แต่ขัดใจจริงๆ คะ อยากให้เพื่อนพ้นจากตรงนี้ ไม่อยากให้ติดบาปอาบัติกะพระอีก ด้วยความผูกพันกับเพื่อนนี้มากจึงอยากให้มีสติ มีปัญญา

กราบขอบพระคุณค่ะ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 9 ม.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในช่วงแรกๆ ในสมัยพุทธกาล ยังไม่มีกุฏิที่เป็นหลังๆ สำหรับพระภิกษุทั้งหลายเลย แต่ลองคิดถึงสภาพจิตใจของผู้สละอาคารบ้านเรือน มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง จิตใจไม่ได้คำนึงถึงเลยว่าจะเป็นอยู่ลำบากอย่างไร เพราะทั้งหมดเพื่อศึกษาพระธรรมอบรมปัญญาขัดเกลากิเลส สมกับที่สละอาคารบ้านเรือน สละชีวิตของคฤัสถ์แล้ว ท่านอยู่ได้ ภายหลังก็มีคฤัสถ์ผู้มีศรัทธาสร้างกุฏิที่อยู่แก่พระภิกษุสงฆ์ (หมู่แห่งพระภิกษุ) ก็เพื่อเป็นที่อยู่ของพระภิกษุทั้งหลาย ประโยชน์ของที่อยู่ คือ เพื่อป้องกันความหนาว ความร้อน สัตวร้ายต่างๆ เป็นต้น เพื่ออนุเคราะห์ให้ชีวิตของท่านเป็นไปได้ เพื่อจะได้อบรมปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเอง เท่านั้น กุฏิ ก็เป็นเพียงที่อยู่ที่เหมาะควรแก่เพศบรรพชิต เท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะมีวัตถุสิ่งของอะไรต่างๆ เหมือนคฤหัสถ์อยู่ในที่นั้น

ดังนั้น จากประเด็นคำถามที่มีมาก นั้น ก็พิจารณาได้เลยว่า ถ้าไม่ได้เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส มีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์ ล่วงละเมิดสิกขาบทมากมาย โดยไม่เห็นโทษ ไม่สำนึกผิด ก็ไม่ใช่พระภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่ใช่คนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ผู้นับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้อยู่ไกลแสนไกลจากพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระภิกษุที่ผิดพระวินัย น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านกำลังทำทางให้ตนเองไปเกิดในอบายภูมิ เพราะถ้ามีอาบัติ (การล่วงละเมิดสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้) แล้วไม่สำนึกผิด ไม่แก้ไข ถ้าหากมรณภาพ (ตาย) ในขณะที่เป็นพระภิกษุอยู่ ชาติถัดไปต่อจากชาตินี้ ก็ไปเกิดในอบายภูมิ เท่านั้น ไม่สามารถเกิดในสุคติภูมิได้เลย
การกล่าว แสดงเปิดเผยความจริง เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นจะได้มีความเข้าใจถูกต้อง เพื่อจะได้ละทิ้งในสิ่งที่ผิด จะได้ไม่สนับสนุนในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นั่น เป็นความหวังดี ไม่ใช่ความหวังร้ายแต่ประการใด แต่ใครจะรับฟังหรือไม่ นั้น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้ ครับ

อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 3    โดย Witt  วันที่ 14 ม.ค. 2563

อาจารย์คำปั่นอธิบายได้ชัดเจน

ขอกราบอนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ